
กลายเป็นข่าวใหญ่ ไปกับเขาเหมือนกัน แม้จะไม่อื้อฉาว และมีกลิ่นคาวโชยมาเหมือนข่าวรักแย่งรถ ของสามนักแสดงชื่อดัง (หรือเปล่า?) สำหรับการประกาศแยกทางกันอย่างเป็นทางการของหนุ่มแดน-วรเวช ดานุวงศ์ และหนุ่มบีม-กวี ตันจรารักษ์ ที่กอดคอสร้างชื่อร่วมงานกันมาตั้งแต่ยังมีบิ๊ก-ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ เป็นบอยแบนด์ทรีโอ ดีทูบี
ซึ่งก็เล่นเอาฟ้าผ่ากลางใจบรรดาสาวก เพราะเป็นการจัดแถลงข่าวด่วน แบบสายฟ้าแลบ ก่อนหน้าทั้งคู่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่เมื่อ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นคอนเสิร์ตอำลาไปโดยปริยาย มีกระแสข่าวมากมายไล่หลังงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชกต่อยของทั้งคู่ หรือว่าเพื่อโปรโมทคอนเสิร์ตที่บัตรวิ่งไม่สวยสักเท่าไหร่ รวมไปถึงการจากลาเพราะว่ากระแสความนิยมที่ต่อแดน-บีมลดลง สังเกตุได้จากยอดขายอัลบั้มที่ตกลงเรื่อยๆ
ไม่ว่ากระแสข่าวที่ว่ามาจะจริงหรือไม่ แต่หากมองกันดีๆ โดยยกเปรียบเทียบกับบรรดาบอยแบนด์ทั้งหลายในต่างประเทศ จะช้า จะเร็ว แดน-บีม หรือต่อให้ยังเป็นดีทูบีก็คงต้องมีวันนี้ วันที่ต่างคนต่างเดินทางแยกย้ายกันไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กหนุ่ม 3 คน แม้จะเป็นเพียงบอยแบนด์เด็กๆ แต่พวกเขาก็กลายเป็นบันทึกหน้าหนึ่งของวงการเพลงไทยไปแล้ว และคงต้องให้เครดิตกับการทำงานของทีมที่ “ค้นพบ” และ “ปั้น” พวกเขาจนประสบความสำเร็จ
แน่นอนว่า หลายๆ คนคงมองว่า แดน-บีม และบิ๊ก ก็แค่เด็กหน้าตาดีที่เดินเข้ามาสู่วงการบันเทิงอย่างถูกจังหวะก็เท่านั้น แต่ถ้ามองกันจริงๆ ปีๆ หนึ่ง มีเด็กหน้าตาดีมาร่วมทีมกันออกเทปกันกี่ราย แต่มีสักเท่าไหร่กันที่ทำได้อย่างดีทูบี สิ่งที่บอยแบนด์เหล่านั้นขาดหายไปก็คือ ความลงตัวของบทบาทที่แต่ละคนมีต่อแฟนเพลง ขณะที่แดนเป็นเด็กหน้าตาบ้านๆ ที่ได้ใจแฟนเพลงที่ชอบคนง่ายๆ น่ารักๆ บิ๊กก็มีดีที่ท่าทางเฮี้ยวๆ แบบเด็กซนๆ ที่คนซึ่งชอบอะไรที่มีสีสันน่าจะถูกใจได้ไม่ยาก และกับ บีมบุคลิกแบบคุณหนูดูเป็นผู้ใหญ่ เรียนเก่ง ก็ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจใครๆ ที่ชอบผู้ชายมีมาด สุภาพ เรียบร้อย
ซึ่งทั้งสามคนสามารถคงแคเร็คเตอร์ของตัวเองเอาไว้ได้ตลอด ไม่มีชิงเด่นชิงดี และเมื่อกระทั่งเหลือกันเพียงสอง แดน และบีมก็ยังสานต่อสิ่งที่เคยเป็นในสมัยดีทูบีเอาไว้ ไม่แปลกที่พวกเขาแต่ละคน จะมีแฟนคลับที่แตกต่างกัน ไม่มีแย่งกันเป็นขวัญใจ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม นี่ก็คือสูตรการสร้างบอยแบนด์ที่ใช้กันทั่วโลก แต่จะมีสักกี่วง กี่กลุ่มที่ออกมาลงตัวเหมือนดีทูบี หรือแดน-บีม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องให้เครดิตทีมงานที่จับพวกเขามาเจอกัน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าก่อนหน้านั้น แต่ละคนถูกแทนค่าในสมการบอยแบนด์มาแล้วไม่รู้จะกี่กลุ่ม
แต่ธรรมชาติของบอยแบนด์ ก็คือกลุ่มศิลปินที่มีอายุการใช้งานสั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเกิดจากการ “ปั้น” ไม่ใช่หล่อหลอมด้วยการ “เป็น” เหมือนวงดนตรีหลายๆ วง ที่คลุกคลีตีโมง ใช้ชีวิต ทำงานร่วมกัน พอมีที่ทางชีวิตของตัวเอง ต่างก็เดินทางแยกย้ายกันไป
แฟนเพลงเอง ถึงวันนึงก็รู้สึกกับพวกเขาต่างไป เมื่อเติบโต มีสังคมของตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ รวมทั้งไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ หากผลงานของบอยแบนด์ที่อยู่กันมาสักระยะหนึ่ง จะเป็นกราฟดิ่งลง หรือมีคนให้ความสนใจน้อยลงเมื่อวันเวลาผ่านไป
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องช็อค กับการแยกทางของแดน-บีม บางทีพวกเขาน่าจะจบสิ้นการเดินทางร่วมกันไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับการแถลงข่าวในช่วงใกล้ๆ กับคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขา เพราะจะมีช่วงเวลาไหนที่เหมาะเท่าเวลานี้
กับ 6 ปี ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย จากเด็กตัวเล็กๆ 3 คนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ ที่ทำตัวน่ารัก ไม่มีข่าวคาวๆ ให้ได้ฉาวกันทุกๆ ปี และได้เล่นอำลาแฟนเพลงบนเวทีใหญ่อิมแพ็คอารีน่า รวมทั้งมีอัลบั้ม DB2B ซึ่งทำขึ้นหารายได้ให้เพื่อนที่หลายๆ คนรอวันกลับมา เป็นงานชุดสุดท้าย ทั้งหมดล้วนทำให้พวกเขาปิดฉากหน้าบันทึกของตัวเองในวงการดนตรีไทยได้อย่างสมบูรณ์ ในวันที่ทุกคนยังจดจำ และรักพวกเขาอย่างที่เคยรัก
แถมยังได้บอกลาแฟนๆ อย่างเป็นทางการ ผิดกับวงดนตรี หรือศิลปินอีกหลายราย ที่ค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีโอกาสบอกกล่าวกับใคร
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง D2B, แดน-บีม วันอำลาที่ไม่ช้าก็ต้องมาถึง คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2550
2 ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่