
เริ่มต้นด้วยการเดินทางท่องอวกาศของยานวอยเอเจอร์ ที่ถูกส่งขึ้นไปเพื่อค้นหาว่ามีสิ่งชีวิตในรูปแบบอื่นๆ อยู่ในอีกไหมในจักรวาล โดยมีข้อความการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำพูดทักทายกว่า 59 ภาษา, เสียงดนตรี, ภาพ ติดไปด้วย เพื่อการติดต่อที่อาจจะมีขึ้นกับ “ใครก็ไม่รู้?”
หนังพามาพบกับผู้คนมากมายที่มีความสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน พ่อ-แม่-ลูก, คู่รักหนุ่ม-สาว หรือว่าความสัมพันธ์ทางเพศชั่วคราว ซึ่งดูเหมือนว่าแต่ละคน แต่ละคู่ แต่ละกลุ่ม ต่างก็มีปัญหาในเรื่องของการสื่อสาร และทำความเข้าใจกัน จนทำให้ความสัมพันธ์แตกร้าว
ดอนกับเฮเลน สามี-ภรรยาที่ชีวิตเซ็กส์กำลังแห้งแล้งสุดขีด
อัลลิสัน เชียร์ลีดเดอร์สาว ที่ห่วงเรื่องความอ้วน และหลงรุ่นพี่ที่หวังหลอกฟัน จนยอมพลีกายให้
เคนท์ พ่อม่ายเมียหนี ที่ทิม ลูกชายปรับตัวทำใจกับสภาพที่เจอไม่ได้ จนถอนตัวออกจากทีมฟุตบอลของโรงเรียน ทั้งๆ เขาคือผู้เล่นคนสำคัญ
โจน แม่ม่ายที่ผิดหวังกับชีวิตในฮอลลีวูด และหวังจะให้ลูกสาว – แฮนนาห์ ก้าวไปมีชื่อเสียง และได้พบกับพ่อตัวจริงในที่ๆ เธอจากมา ขณะที่แฮนนาห์ ก็อยากจะได้รับการยอมรับ เป็นคนดัง และถูกพูดถึง
แพทริเซียแม่ที่เกลียดกลัวอินเตอร์เน็ท ถึงกับจับตาการใช้งานระบบสื่อสารของ แบรนดี – ลูกสาวทุกอย่าง ทั้งเช็คโทรศัพท์มือถือ ดูการใช้งานโซเลียล มีเดียทุกชนิดที่แบรนดีมี และทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับทิมที่เพิ่งเกิดขึ้นมีปัญหา ทั้งๆ ที่เธอและเขาต่างเป็นคนที่เข้าใจกันและกันที่สุดในโลกแล้ว
นอกจากความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีปัญหา ไม่พยายามที่จะสื่อสาร แก้ไข ทำความเข้าใจกันโดยตรง สิ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่องใช้หาทางออก และรวมไปถึงทำให้ทุกอย่างมันหนักข้อมากขึ้น ก็เกี่ยวข้องกับสิ่งเดียวกันนั่นก็คือ อินเตอร์เน็ท
ที่ดูเหมือนว่าเจสัน ไรท์แมนตั้งใจจะให้เป็นปีศาจร้ายของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา ทั้งเป็นการแก้ปัญหา ที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ นั้นยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
ดอนกับเฮเลน เลือกใช้บริการจับคู่ทางอินเตอร์เน็ทเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไปในบ้าน
ทิมใช้เกมออนไลน์เพื่อหลีกหนีโลกแห่งความจริง
แฮนนาห์ต้องการการยอมรับในโลกออนไลน์ จนไม่คิดถึงวิถีแห่งความเป็นจริงเพื่อเดินไปสู่ความฝัน
แล้วการที่อินเตอร์เน็ทสามารถเปิดโลกได้อย่างกว้างไกล ก็ทำให้ผู้คนได้รับรู้สิ่งต่างๆ ที่มากเกินตัว โดยเฉพาะเรื่องของเซ็กส์ เช่นที่คริสลูกชายของดอนกับเฮเลน ติดการเร้าอารมณ์ทางเพศจนถอนตัวไม่ขึ้น แฮนนาห์ก็รู้ถึงกรรมวิธีการร่วมเพศจากอินเตอร์เน็ทจนดูเหมือนพวกช่ำชอง อลิสันไม่รู้สึกว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย และกับคนที่ไม่พึงใจเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพียงแต่ต้องการการยอมรับจากเพื่อนๆ เช่นเดียวกันกับเรื่องรูปร่าง
ซึ่งอะไรที่มากเกินไป และได้รับก่อนเวลาอันควร ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลร้ายให้กับตัวเองทั้งนั้น ซึ่งแต่ละคน แต่ละชีวิตใน Men, Women & Children ต่างก็ได้รับแตกต่างกันไป
แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็มีมุมเล็กๆ ให้เห็นเหมือนกันว่า ถ้าไม่มากเกินไป และรู้จักใช้ อินเตอร์เน็ทก็ไม่ได้มีแค่โทษไปซะทั้งหมด อย่างที่แบรนดีใช้สื่อสังคมออนไลน์บางตัว ให้เป็นทางปลดปล่อยตัวเอง เพื่อหนีจากแพทริเซีย แม่ผู้กดดันซึ่งเปรียบได้กับคุณแม่สุดคลั่งจากหนัง Carrie ที่เป็นเวอร์ชันโซเชียลมีเดียยังไงยังงั้น และก็เป็นแพทริเซียอีกเช่นกัน ที่ทำอะไรที่มากเกินไป จนเกือบจะทำให้บางสิ่งบางอย่างตกอยู่ในสภาพเลวร้ายจนเกินเยียวยา
ภาพของมนุษย์ก้มหน้า หรือการแสดงให้เห็นหน้าตาของโซเชียลมีเดีย และการแช็ท ที่ลอยอยู่เหนือหัวของแต่ละคน ที่หนังนำเสนอออกมา อาจจะดูน่าหัวเราะ เมื่อเต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยที่พวกเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนมากมาย ที่เดินชนหรือผ่านเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เป็นอารมณ์ขันที่เสียดสีแสบสันต์ เมื่อวันนี้ผู้คนไม่ได้ติดต่อกันกับคนตรงหน้าอีกต่อแล้ว และกับการให้โปรแกรมต่างๆ ปรากฏบนเหนือศรีษะ ก็ราวกับจะเย้ยหยันด้วยการให้มันเป็นดั่งวงแหวนบนหัวของเทวดาฝรั่งยังไงยังงั้น
หนังย้ำถึงชีวิตติดอยู่ในโลกออนไลน์ซ้ำ โดยหลายๆ ฉากให้จอภาพยนตร์ ไม่ต่างไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน ที่มีข้อความแช็ท หรือกล่องข้อความปรากฏขึ้น ให้เห็นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ยากยิ่งจะสลัดหลุดของสิ่งเหล่านี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ที่สุดแล้ว ปัญหาทุกอย่างล้วนมีทางออก เพียงแต่จะเป็นคนตาบอดเพราะอคติบังตาหรือเปล่าก็เท่านั้น จะมีสักกี่คนจะเหมือนแบรนดีกับทิม ที่ใช้การสื่อสารทั้งในโลกจริงและออนไลน์มาสร้างสมดุลย์ให้ตัวเอง จนกลายเป็นความสดใสเล็กๆ ของชีวิต ดอนกับเฮเลนที่ใช้การยอมรับกันตรงๆ เพื่อกลบปัญหาความร้าวฉานที่เกิดขึ้น หรือโจนกับเคนท์ที่ใช้การพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และให้เวลากับสิ่งต่างๆ โดยไม่เร่งรีบ ที่สำคัญทางออกเหล่านี้ อยู่ที่การสื่อสาร สัมผัส สัมพันธ์กันจริงๆ ไม่ใช่ผ่านโซเชียล มีเดีย ไม่ใช่ในเกมออนไลน์ ไม่ใช่การคุยกันทางโปรแกรมแช็ท
สิ่งที่เห็นในหนัง ดูเหมือนว่า ทุกวันนี้คนเราให้ความสนใจกับ “ใครก็ไม่รู้?” มากกว่าคนที่อยู่ด้านข้าง ตรงหน้า หรือว่าข้างหลัง เสียอีก
ประเด็นของ Men, Women & Children ร่วมสมัย เป็นจริง และเห็นได้ในสังคม แต่กับตัวละครกลุ่มใหญ่ ที่ความสัมพันธ์ต่างคาบเกี่ยว ทับซ้อนกันไปมาก หนังนำเสนอภาพบางเหตุการณ์ไปได้ไม่สุดทาง บางปมดูขัดแย้งกับปมอื่นๆ ในเรื่อง อย่าง วิธีคิดของแพทริเซีย ที่ทำให้หนังดูแกว่งๆ หรือบางเบาจนไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้สำเร็จ และนั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของหนังกับคนดูห่างเหิน ไม่ต่างไปจากคนใกล้ที่ต่อกันไม่ติด แบบเดียวกับที่ตัวละครในเรื่องเป็น
มองในมุมนี้ บางทีอาจจะเป็นการจงใจ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น หนังก็ฆ่าตัวตายคล้ายเด็กสาวที่โพสท์รูปเปลือยของตัวเองบนอินเตอร์เน็ท เมื่อประเด็นที่ต้องการสื่อสารออกมา เป็นได้แค่หมัดแย็บแบบผิวๆ ไม่ใช่หมัดฮุคที่จะทำให้รู้สึก “โดน” จังๆ
เรื่องราวปิดจบลงด้วยการเดินทางหลุดไปจากทางช้างเผือกของยานวอยเอเจอร์ ที่มนุษย์ส่งขึ้นไปเพื่อสื่อสารกับ “ใครก็ไม่รู้?” แต่กับผู้คนใกล้ๆ ใช้ภาษาเดียวกัน เรายังพูดคุย เจรจาพาทีกันยังไม่รู้เรื่องกันเลยด้วยซ้ำ บางทีเราน่าจะทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวเดียวกัน, โรงเรียนเดียวกัน, เมืองเดียวกัน, ประเทศเดียวกัน และโลกเดียวกัน ด้วยความเข้าใจ การยอมรับกัน ก่อนจะดีกว่าไหม
เป็นหนังประเด็นคม ปมหนัก เสียดสี แสบสันต์ ที่บทนั้น สร้างสัมผัสที่ไกลกับคนใกล้เหลือเกิน
MEN, WOMEN & CHILDREN ผู้กำกับ: เจสัน ไรท์แมน นักแสดง: โรสแมรี เดอวิทท์, เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, จูดี เกรียร์, ดีน นอร์ริส, อดัม แซนด์เลอร์, แอนเซล เอลกอร์ท
จากเรื่อง MEN, WOMEN & CHILDREN- จากจักรวาล ถึงคนบนเตียง ยิ่งใกล้ยิ่งห่าง ยิ่งไกลยิ่งชิด โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสาร สีสัน
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่