By Sadaos
(อ่านตอนแรกได้ที่ http://bit.ly/1UpapRQ) เร็ทท์ รีส และพอล เวอร์นิค คู่หูในการเขียนบทก้าวเข้ามาในช่วงต้นปี 2009 ทั้งคู่เพิ่งมีงานเขียนบทที่คมคายอย่าง Zombieland หนังสยองปนตลก และเป็นที่รู้จักดีจากการร่วมสร้างสรรค์ซีรีส์โทรทัศน์ The Joe Schmoe Show ที่เป็นรายการเรียลิตีหลอกๆ ทางช่องสไปค์ ทีวี
“ตอนนั้นผู้บริหารของฟ็อกซ์ ดรูว์ เครเวลโล เชิญเราไปเสนอเรื่องของ Deadpool” รีสเล่า “เรารักตัวละคร แล้วก็อยากได้งาน แต่ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าได้เห็นเรื่องราวการกำเนิดของซูเปอร์ฮีโรมามากพอแล้ว เราพาเดดพูลออกผจญภัยกันเลย ไม่สนใจละว่าเขามาจากไหน และเรย์โนลด์สก็ชอบด้วย แต่เขาก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีเรื่องราวหนุนหลังนะ”
ตลอดสอง-สามเดือนหลังจากนั้น เรย์โนลด์สกับมือเขียนบท จัดการเคลียร์เรื่องราวที่สับสนใหม่ พร้อมกับปรับโครงสร้างการเล่าเรื่อง ที่จะทอจุดกำเนิดของเดดพูลกับเรื่องราวการล้างแค้นในช่วงเวลาปัจจุบันเข้าด้วยกัน
“ในตอนแรกความรู้สึกของเราก็คือ มะเร็งไม่ใช่สิ่งที่เราควรไปแตะในเรื่องของพวกซูเปอร์ฮีโร” เวอร์นิคเผย “ด้วยสัญชาตญานของไรอันที่เป๊ะมาตลอด เราต้องแสดงให้เห็นว่า เดดพูลคือใคร และทำไมทัศนคติของเขาถึงหม่นมืด และพลิกผันขนาดนั้น แล้วมันก็กลายมาเป็นกรอบในการทำงาน ซึ่งมาใช้สร้างบางสิ่งที่ทำให้เกิดหนังแบบแอนตี-ซูเปอร์ฮีโร ตัวละครที่มีข้อบกพร่อง ฆ่าคนเพื่อเลี้ยงชีพ ป่วยเป็นมะเร็งแล้วก็รอดมาได้จากการกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้เกิดแผลเป็นน่าสยดสยอง ซึ่งไปๆ มาๆ กลายเป็นการสร้างโทนใหม่ๆ ให้กับหนังแนวนี้”
ดรูว์ เครเวลโล เป็นคนที่แนะนำเรยโนลด์สให้รู้จักกับทิม มิลเลอร์ ในปี 2011 ผู้กำกับหน้าใหม่วัย 50 ปี อาจจะดูไม่เหมาะกับหนัง และดูจะเริ่มต้นช้าเกินไปสำหรับการทำภาพยนตร์แบบนี้ แต่เขามีชื่อใช้ได้ในแวดวงคนทำเทคนิคพิเศษ และแอนิเมชัน ตั้งแต่กลางยุค 90
“ดรูว์เคยเห็นงานผมแล้วก็ชอบ รวมไปถึงอยากทำงานกับผม” มิลเลอร์เล่า “เขาบอกว่า ในฐานะผู้กำกับหนังเรื่องแรก บางทีเขาไม่น่าให้ผมทำงานใหญ่ พวกเขามีงานอื่นให้ผม แต่บังเอิญว่าผมได้อ่านบทที่มันรั่วมาทางอินเตอร์เน็ท ผมเลยรู้ว่ามันเจ๋งจะตายไป แล้วกลายเป็นแฟนของเรื่องนี้ไปเลย”
ต่อมาครีเวลโลได้ย้ายเป็นรองประธานฝ่ายผลิตของวอร์เนอร์ แต่เขายังได้เป็นเทพที่อยู่บนบ่าของ Deadpool และให้การหนุนหลังอย่างเต็มที่ โดยมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกจาก เดวิด ฟินเชอร์ ที่เคยทำงานกับมิลเลอร์ ใน The Girl with the Dragon Tattoo และ เจมส์ คาเมรอน ที่ทำงานกับเขาใน Avatar ทั้งสองคนได้อ่านบท Deadpool และให้คำแนะนำกับฟ็อกซ์ ให้เดินหน้าต่อไป
หลังได้พบกับเรย์โนลด์ส งานชิ้นต่อไปของมิลเลอร์ก็คือ สร้างความมั่นใจให้กับสตูดิโอ ทั้งสองคนทำซีจี เทสท์ออกมา โดยเรย์โนลด์สจะเป็นต้นแบบโม-แคปให้ ในฉากแอ็คชันที่กระสุนจะต้องโปรยปรายเหมือนสายฝน ซึ่งจะต้องมีการถ่ายทำใหม่อีกครั้ง โดยใช้คนแสดงเล่นแบบช็อตต่อช็อต เพื่อใช้ในหนังฉบับขึ้นจอ แต่ไปๆ มาๆ ฟุตเตจนี้กลับรั่วออกไปทางอินเตอร์เน็ทตอนหน้าร้อนปี 2014 และมีคนกลุ่มใหญ่ได้เห็น จนทางสตูดิโอต้องมีงานใหม่ นั่นก็คือเก็บกวาดให้หมดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครยอมรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ “เร็ทท์กับผมเคยคุยกัน แต่เราไม่ได้มีอุปกรณ์ไฮเทคขนาดนั้น” เวอร์นิค พูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ภาพฟุตเตจการเทสท์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องกลับมา” เรย์โนลด์สย้ำ “ผมได้ดูตอนที่มันหลุดออกไปทางอินเตอร์เน็ทเหมือนคนอื่นๆ และรู้สึกว่า ‘มันออกมาจากไหนวะ ในตอนนี้?’ สตูดิโอได้เห็นว่าพวกเขามีอะไรในมือ นั่นก็คือความกระหายและความรู้สึกที่มีต่อตัวละครตัวนี้ แล้วก็ได้เห็นผมพร้อมกับคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องดีหากเอาตัวผมไปใส่ชุดสีแดงแทน”
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ขลุกอยู่กับหนัง ไรอัน เรย์โนลด์สเป็นคนที่ใกล้ชิดกับตัวละครตัวนี้มากที่สุด จนทีมงานกับนักแสดงร่วมจอต่างยืนยันว่า เขาคือ เวด วิลสัน “เขามีทั้งอารมณ์ขัน และท่าทางกวนๆ” ทีเจ มิลเลอร์ ที่เล่นเป็นวีเซล คู่หูของเดดพูลเผย
ในกองถ่ายเรย์โนลด์สเป็นเจ้าของบทอย่างเต็มตัว และลงลึกในกระบวนการทำงานร่วมกับผู้กำกับ และเขียนบท “ทิม, เร็ทท์, พอล และผม ล้วนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ” เขากล่าว “มันเป็นเรื่องของการทำงานเป็นทีมร่วมกัน”
เขาหยุด ก่อนที่จะพูดต่อ “เรากำลังทำหนัังเรื่องนี้! ที่ใช้ทุนจิ๊บจ๊อยมากสำหรับหนังแนวนี้ และไม่ใช่เงินทั้งหมดที่คุณคิดว่าจะได้จากหนังชุด X-Men แน่ๆ แต่เราต้องทำให้ได้ในแบบที่เราอยากให้มันออกมา”
การรอคอยว่านานแล้ว การใช้ความอดทนยิ่งมากกว่า ถ้าอยากหาหลักฐานเป็นรูปธรรมถึงความทุ่มเทของเขา ก็ดูได้จากการใช้เวลาไปถึง 4 ชั่วโมงกับการแต่งหน้า เพื่อใบหน้าเต็มไปด้วยแผลเป็นอันเจ็บปวดของเดดพูล ในยามที่ไม่สวมหน้ากาก “มันคุ้มค่า ผมไม่บ่นเลยสักคำ” เขายิ้ม “หากคุณได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ คุณต้องทำให้การทำงานมันสนุกสนาน”
งานภาคต่อของหนัง ยังไม่มีการประกาศออกมา แต่มีการคาดการณ์ว่า ในหน้าร้อนปี 2017 กำหนดฉายเดิมที่ฟ็อกซ์วางเอาไว้ สำหรับหนังภาคต่อของ Fantastic 4 น่าจะถูกแทนที่ด้วย Deadpool 2 แล้วนอกเหนือไปจากนี้ รีสกับมิลเลอร์ ยังคิดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ที่เวดจะเห็นตัวเองไปปรากฏอยู่ในจักรวาลของหนัง X-Men ซึ่งเป็นสิ่งที่เดายากเหมือนกันว่า เขาจะไปปรากฏตัวตรงไหน และยังไง กับรูปแบบของหนังในเวลานี้ แต่กับการที่ฮิวจ์ แจ็คแมนจะวางมือจากบทวูลเวอรีนหลังหนังตอนแยกอีกสองเรื่อง และหนังไตรภาค X-Men ที่เริ่มต้นด้วย X-Men: First-Class จะมาถึงบทสรุปในปีนี้ด้วย Apocalypse เดิมพันทุกอย่างถึงอนาคตของหนัง X-Men ถูกวางไว้หมดแล้ว
“หนังเรื่องนี้ จริงๆ แล้วเรื่องราวถูกวางเอาไว้ในจักรวาลของ X-Men” เรย์โนลด์ส เผย “แต่มันไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์เดียวกับหนัง X-Men มันเหมือนเอาตัวละครจาก X-Men มาฉีดยาหลอนประสาท แล้วก็ปล่อยเขากลับไป”
แล้วกว่าจะฉีดใหม่ ก็คงไม่ต้องใช้เวลาทิ้งห่าง นานถึง 11 ปี อย่างที่หนังเรื่องแรกต้องใช้เวลาหมดไปกว่าจะได้ขึ้นจอกันอย่างที่เห็น
จากเรื่อง การนำเดี่ยวแบบเหี้ยมๆ ของฮีโรเกรียนๆ DEADPOOL โดย ฉัตรเกล้า นิตยสารเอนเตอร์เทนฉบับที่ 1200 ปักษ์หลังมกราคม 2559
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่
What is your reaction?
