FEATURESMovie Features

การกลับมาของคู่รักนักการเมืองใน House of Cards

เควิน สเปซีย์ และโรบิน ไรท์ กลับมาคุ้ยแคะแกะเกาเรื่องราวความสกปรกในแวดวงการเมืองยุคใหม่ ที่นำเสนอออกมาอย่างเข้มข้นอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบการสปอยล์ คงต้องยอมรับกันก่อนว่าใน House of Cards: Season 3 ผู้ชมจะได้พบกับ ฟรานซิส’แฟรงค์’ อันเดอร์วูด (เควิน สเปซีย์) ในบทบาทประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งนั่นหมายความว่า แคลร์ อันเดอร์วูด ของโรบิน ไรท์ จะเป็นสตรีหมายเลข 1

house of cards - sadaos_story 01“ผมต้องเก็บเรื่องราวต่างๆ เอาไว้เงียบสุดๆ” โบ วิลลิมอน ผู้นำเสนอซีรีส์เรื่องนี้มาให้ชมกล่าว “ไม่ได้กวนนะ แต่เรามีแฟนๆ เยอะมากที่พยายามหลีกเลี่ยงการสปอยล์เนื้อหา และผมก็ไม่อยากบอกออกมามากเกินไป เพราะพอตัวซีรีส์ออกอากาศ ก็จะมีการแฉเรื่องราวออกมากันเพียบ แล้วเราก็ไม่อยากเป็นคนที่เริ่มกระบวนการนั้นซะเอง

ถือว่าเป็นเรื่องที่ยุติธรรมดี แม้จะไม่สามารถยุติความอยากรู้อยากเห็นได้ก็ตาม แต่ในเวลาเดียวกันวิลลิมอน ก็อดไม่ได้ที่จะแผลมออกมา “โดยรวมๆ แล้ว ผมน่าจะพอพูดได้ว่า ในตอนจบของฤดูฉายที่ 2 มีคำถามที่ถูกปล่อยเอาไว้ และทำให้คนดูอยากรับรู้คำตอบมากมาย บางคำถามอาจจะขับเคลื่อนด้วยตัวเรื่อง และบางข้อสงสัยก็มีที่มาจากอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งเห็นได้ชัดว่า กฏต่างๆ ที่เคยเป็นในหนังจะเปลี่ยนไปเมื่อฟรานซิสกลายเป็นประธานาธิบดี จากที่เราเคยเห็นเขาพยายามเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุด มาถึง 2 ฤดูฉาย ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือเรียบร้อย เพราะงั้นคำถามง่ายๆ ที่หลายๆ คนตั้งเอาไว้ ก็คงเป็น ‘เขาจะทำยังไงกับมัน?’ และ แคลร์ ‘จะทำยังไงกับมัน?’ รวมไปถึง ‘ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่จะพัฒนาไปอีก หรือว่าเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เกิดขึ้น?’”

ข้อสงสัย และปมต่างๆ ก็คือหัวใจของซีรีส์ และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่สุด สำหรับความสำเร็จที่ได้รับ เช่นเดียวกับความน่าพึงพอใจ จากการที่หนังเผยเรื่องวงในของวอชิงตัน และความสนุกในเรื่องเพศ, ความร้ายกาจของผู้คน และเรื่องน้ำเน่าของตัวละครที่คุ้นเคย ซึ่งในฤดูฉายนี้ พลังของทั้งที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องจะเพิ่มมากขึ้น

“เรื่องราวของมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงาน” วิลลิมอน เผย “มันไม่ใช่เรืองการเมือง ถ้าจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่รับรู้กันโดยทั่วไป ก็คงเป็นเรื่องของอำนาจ และภายในเรื่องราวของอำนาจ ก็คงเป็นเรื่องของการเมือง แต่ที่สำคัญกว่าเรื่องการเมืองสำหรับผม ก็คือความสัมพันธ์ที่ว่าด้วยอำนาจระหว่างฟรานซิส และแคลร์ ที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตคู่ พวกเขาไม่ควรเป็นนักการเมือง ถ้าไม่ใช่เกิดมาเพื่อกันและกัน แต่ชีวิตแต่งงานที่ผิดแปลกและยากจะอธิบาย ซึ่งพวกเขาสร้างขึ้นมา แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความแข็งแกร่งกว่าความสัมพันธ์อื่นๆ แล้วยังเป็นข้อตกลงที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามันใช้ได้สำหรับทั้งสองคน”

house of cards - sadaos_story 03พลังขับเคลื่อนดังกล่าว เห็นได้ชัดว่ามาจากซีรีส์ของช่องบีบีซี ต้นเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งดัดแปลงจากนิยายของไมเคิล ด็อบบ์อีกที โดยเนื้อหาจะว่าด้วยการขึ้นสู่อำนาจของนักการเมืองแบบแม็คคีเวลลีที่ไร้ความเมตตา แล้วก็ถูกปรับแต่งอีกโดยวิลลิมอน และผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร – เดวิด ฟินเชอร์ ที่ยังเป็นผู้กำกับของหนังในสองตอนแรกอีกด้วย โดยให้เรื่องราวเปรียบเสมือนมีราชินีที่เป็นปฏิปักษ์กับพระราชา “คุณไม่มีทางเจอคนที่เป็นแฟนเดนตายของซีรีส์เรื่องนั้นมากไปกว่าผมแล้ว” วิลลีมอนพูดถึงซีรีส์ของบีบีซี แต่ตัวละครภรรยาในเรื่องเดิมจะเป็นเป็นตัวรอง แล้วอย่างหนึ่งที่ผมบอกฟินเชอร์ก็คือ ผมอยากให้ภรรยาของฟรานซิส มีความสำคัญพอๆ กับเขา ผมได้คุยกับโรบิน ไรท์ และสร้างแคลร์ขึ้นมาหลากหลายเวอร์ชันมาก ก่อนจะมาลงเอยตรงจุดที่เป็นการเริ่มต้นทำงาน และแน่นอน ส่วนสำคัญอีกส่วนก็คือ ฟินเชอร์ และวิธีการที่เขาสร้างพิมพ์เขียวของเธอขึ้นมาในสองตอนแรก ซึ่งเป็นการเพิ่มความร้ายกาจ และความซับซ้อนให้กับเธอ”

กับไรท์ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในความสัมพันธ์ที่เป็นศูนย์กลาง เป็น “สิ่งที่เราตั้งเป้าเอาไว้อยู่แล้ว” ในฐานะนักแสดงที่สร้างผลงานชั้นเยี่ยมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำให้คนทั่วไปได้เห็นถึงความสามารถของเธอ ด้วยบทแคลร์ อันเดอร์วูด จอมอำมหิตที่มีอำนาจอยู่ในมือ “ฉันว่า มันน่าจะเป็น มีประสิทธิภาพ มากกว่า อำมหิต หรือว่า เจ้าเล่ห์ นะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเคยถูกไล่ออกจากงาน เพราะทำอะไรแย่ๆ เราสร้างตัวละครตัวนี้ให้เป็นแบบนั้น” เธอหัวเราะ “เธอจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย นั่นคือ วิถีแบบพวกแม็คคีเวลลี”

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวละครตัวนี้จะปราศจากความน่าประหลาดใจ ผู้ชมจะรู้สึกได้ว่ากระทั่งไรท์เองก็รู้สึกตื่นเต้นและระคนใจกับวิวัฒนาการของแคลร์ เธอเป็นคนที่มีหลายเฉดมากกว่าจะเป็นพวกตัวร้าย “ขณะที่เธอนึกถึงเรื่องผลประโยชน์และประสิทธิภาพ เธอก็ยังทำงานเป็นทีมกับสามี ทั้งสองคนต่างอยู่ในสงคราม แล้วก็มีกองกำลังของตัวเองที่เรียกว่า ทีมอันเดอร์วูด ตัวละครแคลร์ปรากฏตัวโดยเริ่มจาก การเป็นคนอ่อนไหว, เปราะบาง ด้านดิบในความเป็นมนุษย์ของเธอค่อยๆ แสดงตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น”

_DG24171.NEFสำหรับไรท์ นี่ไม่ใช่แค่เป็นหนึ่งในบทที่ดีที่สุดของเธอ แต่ยังเปิดโอกาสให้เธอไปเป็นคนหลังกล้องด้วย หลังเปิดซิงงานกำกับในฤดูฉายที่ 2 เธอจะทำงานนี้ถึง 2 ตอนสำหรับฤดูฉายที่ 3 “คงไม่มีบ้านหลังไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว ฉันมีครอบครัว มีคนที่ฉันแคร์ ฉันเป็นพวกไร้ประสบการณ์ เป็นคนที่ถูกรับชมมานานถึง 30 ปีในอุตสาหกรรมนี้ ฉันคงพูดไม่ได้หรอกว่า ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร การได้ไปนั่งในเก้าอี้ผู้กำกับ ร่วมงานกับแผนกต่างๆ แทบทุกแผนก เป็นเวลาที่มีค่ามาก”

นั่นคืองานที่ไรท์จะได้สานต่อจากที่เริ่มเอาไว้ แล้วก็ยังมีการทำงานกับสเปซีย์ ที่ต่อเนื่องจากเดิม “นั่นเป็นพื้นฐานของงานประจำวัน” เธอกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่และยังไงก็ตาม มันไม่มีแบบแผนตายตัว เควินอาจจะเดินเข้ามา แล้วเราก็ไปซ้อมหรือคุยถึงฉากที่เรากำลังจะถ่ายทำในวันนั้น ระหว่างถกกันอาจจะมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ‘เดี๋ยว! ทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนบท แล้วลองเล่นดู และลืมไอ้ที่จะต้องถ่ายทำในวันนี้ รวมไปถึงเป้าหมายของมันด้วยล่ะ?’ จากนั้นเราก็นั่งลง และเขียนอะไรใหม่สำหรับฉากนี้ เพราะเราคิดว่าเรามีทางเลือกสำหรับบางสิ่งที่โดนและดีกว่าที่เขียนในบท”

“ผมชอบเธอเล่นบทนี้นะ” สเปซีย์ เผยถึงการทำงานของไรท์ในฐานะผู้กำกับ “เธอเป็นคนตัดสินใจ และมักจะมีความคิดเยี่ยมๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงรู้ว่าอะไรที่ตัวเองต้องการ” สเปซีย์เองก็เหมือนกับวิลลิมอน ที่ไม่สามารถลงลึกลงไปได้ เมื่อพูดถึงการแสดงในฤดูฉายที่ 3 นอกจากเรื่องความสำคัญของความสัมพันธ์ที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง “มันซับซ้อน และมีวิวัฒนาการมากๆ นั่นคือสิ่งที่ผมชอบที่สุดของหนังที่เราพอพูดออกมาได้” เขายังเน้นย้ำว่า คนดูจะได้ชมสถานภาพชีวิตคู่ของผัว-เมียอันเดอร์วูด ที่มีรากฐานจากความต้องการอำนาจ ที่เด่นชัดยิ่งขึ้น “อือม… ผมคิดว่าพวกเขารักกันนะ และพวกเขาคงรักกันมาตลอดนั่นแหละ”

HOUSE OF CARDSขณะที่แฟรงค์อยู่ในสถานภาพใหม่อย่างประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา หลังไล่ล่าตำแหน่งนี้อย่างลุ้นระทึก มาตลอด 2 ฤดูฉายก่อนหน้า “ผมหวังว่าเราจะตอบข้อสงสัย จากช่วงเวลาท้ายๆ ในฤดูฉายที่ 2 ได้ ถ้ามองโดยเอาเรื่องนี้ไปเปรียบกับงานดีๆ อย่าง The Candidate” เขากล่าว “ตอนจบของเรื่องนี้ เรดฟอร์ดชนะ ตอนท้ายๆ ขณะที่ตัวละครกำลังไปงานปาร์ตี้ฉลองชัย เขาดึงตัวผู้จัดการการหาเสียงมาในห้องพักโรงแรม นั่งลงตรงขอบเตียง และคุณก็ได้ยินสรรพเสียงรวมไปถึงเสียงตะโกนดังเป็นแบ็คกราวนด์ งานฉลองครั้งใหญ่เดินหน้าไปเรื่อยๆ เขามองหน้าผู้จัดการการหาเสียง แต่คนดูไม่ได้ยินเลยว่าเขาพูดอะไร แต่ก็พอจะอ่านปากได้ ‘อะไรต่อล่ะ ทีนี้?’ ซึ่งสำหรับผมมันคือการบอกว่าเขาชนะ โดยที่ตัวเองไม่รู้เลยว่า กำลังจะต้องทำอะไรบ้างในตอนนี้”

แล้วกับฤดูฉายต่อๆ ไปอย่างปีที่ 4 “เอ่อ… การบอกถึงเรื่องนั้น มันทำให้เราไปกันไกลจนเกินไป และผมไม่เชื่อด้วยว่า มีข้อมูลเรื่องพวกนี้ออกมาแล้ว” สเปซีย์ กล่าว แต่ถ้าให้เดา เรื่องราวต่อไปก็คงเน้นที่ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่ออันเดอร์วูดคู่รักที่เน้นผลประโยชน์และมีอำนาจในมือ จะหันไปหากันและกัน “พวกเขา” เป็นทีม” ไรท์กล่าว “มันจะเป็นการให้และการรับ นี่คือสิ่งที่เราตัดสินใจเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ต้นโชว์ นั่นคือเราต่างมีกันและกันเป็นแรงหนุน ถ้าไม่มีละก็ หายนะชัดๆ”

จากเรื่อง การกลับมาของคู่รักนักการเมืองใน House of Cards โดย นายสะเด่าส์ คอลัมน์ ดูหนังที่บ้าน นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1183 ปักษ์แรก พฤษภาคม 2558

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.