
ไม่น่าเชื่อว่า 50 ปีแล้วนับตั้งแต่ฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโพลา ทำให้คอหนังได้พบข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จาก ‘The Godfather’ หนังที่สร้างกระแสให้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เปิดตัวฉายเมื่อ 24 มีนาคม 1972 ด้วยการสร้างสถิติใหม่บนบ็อกซ์ออฟฟิศ ทำให้อาชีพการงานของมาร์ลอน แบรนโด กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สร้างชื่อให้กับนักแสดง อย่าง อัล พาชิโน, โรเบิร์ต ดูวัลล์ และเจมส์ คานน์ รวมทั้งคว้ารางวัลออสการ์หนังเยี่ยมกลับบ้าน
แต่สิ่งต่าง ๆ อาจเปลี่ยนไปจากที่เห็น เพราะค็อปโพลาผู้กำกับที่กำลังสร้างชื่อ ซึ่งเป็นคนนำนิยายของมาริโอ พูโซมาขึ้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่ตัวเลือกแรกของสตูดิโอ เมื่อพาราเมานต์ พิกเฌอร์ส ดูจะพึงใจกับคอสทา-กาวราสมากกว่า แต่สิ่งต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์กระทั่งต่อให้หนังลั่นกล้อง เมื่อพาราเมานต์พร้อมจะไล่ผู้กำกับของหนังด้วยหลากหลายเหตุผล
ด้วยบางสิ่ง และบางอย่าง ในที่สุด ค็อปโพลาก็จบงานได้และหนังกลายมาเป็นมาสเตอร์พีซทั้งของตัวเอง และวงการภาพยนตร์ ตลอด 5 ทศวรรษนับตั้งแต่เรื่องราวมหากาพย์ของครอบครัวอาชญากร เจ้าของความทะเยอทะยาน หวังไขว่คว้าถึงที่สุดความฝันแบบอเมริกันดรีม แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ ‘The Godfather’ และภาคต่อ ‘The Godfather Part II; ได้แฟนที่เป็นทั้งคอหนัง และนักวิจารณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นหนึ่งในงานภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมที่ถูกสร้างขึ้น หนังภาคที่สาม อาจจะไม่ได้รับการยกย่องขนาดนั้น แต่มันก็มีความเยี่ยมยอดของตัวเอง และในวาระที่หนังภาคแรกออกฉายครบ 50 ปี พาราเมานต์ พิกเฌอร์ส ได้ปล่อยหนังออกฉายอีกครั้งในแบบ 4เค และสามนักแสดงคนสำคัญของหนัง เจมส์ คานน์, ทาเลีย ไชร์ และโรเบิร์ต ดูวัลล์ ก็เปิดโอกาสให้ www.variety.com ได้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องราววันวานของหนังที่กลายเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของโลกภาพยนตร์
เจมส์ คานน์ – ซานติโน “ซันนี” คอร์เลโอเน
@ ทำไม ‘The Godfather’ ถึงยืนยงมาได้เป็นเวลา 50 ปี?
“มันมีบางอย่าง ซึ่งไร้กาลเวลา และนั่นก็คือ ‘ความจริง’ ‘The Godfather’ มีความจริงมากมายอยู่ในตัว มีความจริงใจในเรื่องราว และความเป็นศิลปะ นักแสดงก็เยี่ยม และเราทุกคนล้วนสนุกกับการได้เล่นหนังเรื่องนี้ ความสนุกและความชอบพอผู้คนที่คุณได้ทำงานด้วยเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งผมพบหลังจากเล่นหนังมา 130 เรื่องหรืออะไรทำนองนั้น”
@ คุณไม่ได้ไปทดสอบบทซันนี คุณอ่านบทของไมเคิลนี่?
“ใช่ ผมไปทดสอบบทหลายหนสำหรับบทต่าง ๆ มาริโอ พูโซ เขียนหนังสือเกี่ยวกับการสร้าง ‘The Godfather’ เอาไว้ และในหนัง เขาบอกว่าถ้าคานน์มีหัวนม เขาก็คงได้เล่นบทสำคัญ ๆ ผมอยากเล่นเป็นซันนี เพราะเป็นสิ่งที่ฟรานซิสต้องการ แต่คืนหนึ่งเขาโทรหาผมจากนิวยอร์ก แล้วบอกว่า ‘จิมมี สตูดิโออยากให้คุณมาที่นี่เพื่อทดสอบบท’ ผมบอก ‘ทดสอบอะไร? คุณต้องมีรถพอร์ชมาละ ถ้าอยากให้ผมขับรถวนไปรอบ ๆ?’ ฟรานซิสบอกผมว่า พวกเขาอยากให้ผมเล่นเป็นไมเคิล ผมเลยต้องไปนิวยอร์ก อ่านบทสำหรับตัวละครตัวนี้ จากนั้นพวกเขาก็ได้ตัวอัล (พาชิโน) มา แล้วก็ทดสอบ ซึ่งเขา (ค็อปโพลา) ทำตัวเองเกือบพัง พวกเขา (สตูดิโอ) เตือนเขาอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นคุณถูกไล่ออก แต่ในที่สุดฟรานซิสก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาทำได้”
@ คุณรู้ว่าฟรานซิสอยู่ในอันตราย จากการถูกสตูดิโอไล่ออก?
“ใช่ เราทุกคนรู้หมด มีความกดดันเยอะมาก วันหนึ่งฟรานซิสกับกอร์ดอน วิลลิส (ผู้กำกับภาพ) ทะเลาะกันใหญ่โต ถึงขั้นเขวี้ยงข้าวของใส่กัน ด่ากัน ผมคิดว่าคุณคงนึกภาพออกนะ แต่พวกเราคงไม่อยู่กับหนังเรื่องนี้ถ้าฟรานซิสโดนเด้ง พวกเราคงจับคนที่มาแทนเขาโยนลงจากหน้าต่างชั้นที่ 30 แทน”
@ คุณยังจำวันที่ถ่ายฉากคุณโดนยิงตายได้ไหม?
“มันน่ากลัวโคตร ๆ ผมมีจุดระเบิดถึง 147 จุดแปะบนตัว แล้วในห้องเก็บเงินก็มีอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ซึ่งความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ผมเล่นฉากนี้ไปเพราะมีสาว ๆ ในกองถ่าย ผมยังจำได้ตอนที่เอ.ดี. ฟลาเวอร์ส (หัวหน้าทีมเอ็ฟเฟ็กต์) มาติดสายระโยงระยางให้ผม เขาติดไปพร้อมกับพึมพำกับตัวเองไปว่า เขาไม่เคยติดจุดระเบิดบนร่างใครเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ผมต้องบอกเขา ‘เห็นแก่พระเจ้า หุบปากเลย เอ.ดี.’ ขอบคุณจริง ๆ ที่เราทำมันได้ในแค่เทกเดียว”
@ ฉากนั้นถ่ายกันเทกเดียว?
“ใช่แล้ว… พวกจุดระเบิดพวกนั้นมันทำให้ผิวคุณเป็นรู ครั้งเดียวก็พอแล้ว”
@ คุณยังวางแผนจะทำงานกับค็อปโพลาอีกครั้งในหนังเรื่องต่อไปของเขา ‘Megalopolis’?
“ใช่ เราจะถ่ายทำกันในเดือนกันยายน มันจะเป็นหนังใหญ่เรื่องสุดท้ายของเขา และเขาทำงานกับมันมาหลายปีละ เขาบอกผมว่า ผมเป็นส่วนหนึ่งของมันและผมก็… ‘ได้ครับท่าน’ ผมทำในสิ่งที่ฟรานซิสบอกผม”
@ แต่คุณบอกปัดโอกาสในการเล่น ‘Apocalypse Now’ นี่ ทำไมละ?
“ภรรยาผมตั้งท้องลูกชายในฝันของผม – สก็อตต์ ฟรานซิสโทรหาผมแล้วบอกว่า อยากให้ผมเล่นเป็นวิลลาร์ด เขาบอกผมอีกว่า เขาเตรียมบ้านพร้อมคนรับใช้ในมะนิลาให้ผมแล้ว ผมจะบินไปในป่าทุกวันด้วยเฮลิค็อปเทอร์ ผมบอก ‘ฟรานซิส มีสองอย่างที่ผมเกลียด ความสูงและยุง เพราะงั้นผมไม่เล่น’ ผมไม่ควรไปไหนไกล ๆ ตั้ง 6 เดือนขณะที่ภรรยาตั้งท้อง แต่ผมช่วยเขาเขียนบทฉากหนึ่งนะ จดหมายที่มาร์ทิน ชีน เขียนหาภรรยาในหนัง ผมเป็นคนช่วยคิด คุณไม่สนว่าตัวละครจะอยู่หรือตายโดยไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นก็จริง แต่คุณต้องทำให้คนดูห่วงวิลลาร์ด”
ทาเลีย ไชร์ – คอนนี คอร์เลโอเน
@ ฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโพลา เป็นพี่ชายคุณ ยากไหมกับการได้บทนี้?
“มันน่ากลัวเลยละ พวกนักแสดงมักจะบอกคุณว่าการทดสอบบทเป็นเรื่องยากในแบบของแต่ละคน และฉันก็ไม่ใช่คนที่ทดสอบบทได้ดี ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อจัดการความตระหนกของตัวเอง และมองหาการทดสอบบท ฉันขอทดสอบบทไปครั้งหนึ่งและถูกปฏิเสธ ฉันไม่รู้เรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นในงานของฟรานซิส แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยอม ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะ แต่ฉันก็มีช่วงเวลาที่ฉันได้ปลดปล่อย และการอ่านบทของฉันก็เป็นไปด้วยดี”
@ คุณรู้สึกไหมว่า สตูดิโอกำลังจ้องจะเล่นฟรานซิส?
“รู้สึก ฉากแรกที่เราถ่ายทำกันก็คือ ฉากแต่งงาน มันลงตารางไว้สามวัน และมันก็ใช้เวลาไปถึงสองสัปดาห์ ซึ่งสร้างความเคร่งเครียดให้เพิ่มมากขึ้น”
@ อะไรคือกุญแจสำคัญในการทำให้คุณเข้าใจในตัวคอนนี?
“คอนนีเป็นคนที่ถูกคุกคามและถูกตามใจ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่หาได้ยากมาก ๆ คอนนีเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายครั้งตลอดทั้งสามเรื่อง ในหนังเรื่องที่สาม อำนาจของเธอเป็นสิ่งเลวร้าย เธอพยายามที่จะวางแผนขึ้นไปแทยพ่อ เพราะเธอกลัวว่าไมเคิล – น้องชายกำลังจะกลายเป็นคนที่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้”
@ จริงหรือเปล่า ที่คุณเป็นเจ้าของไอเดียในการแท้งลูกของเคย์ (อดัมส์ ภรรยาของไมเคิล ที่รับบทโดยไดแอน คีทัน) ในหนังภาคสอง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการทำแท้ง?
“ใช่ ฉันเอาความคิดนี้ไปเสนอฟรานซิส และเขาก็ตื่นเต้นมา เพราะเขาคิดได้ว่ามันคงมีพลังมากกว่าหากให้เป็นการตัดสินใจของเธอ ที่จะไม่ยอมมีลูกในครอบครัวอาชญากรเพิ่มอีกคน”
@ ทั้งคอนนีและเคย์ ต่างมีที่ทางของตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ชาย ยากไหมกับการเล่นบทนี้?
“ได้โปรดเชื่อเถอะ ฉันเกิดมาโดยรู้ว่า จะมีพื้นที่ในโลกแบบนั้นได้ยังไง”
โรเบิร์ต ดูวัลล์ – ทอม เฮเกน
@ ตอนถ่ายทำ คุณรู้ไหมว่า ‘The Godfather’ จะกลายเป็นงานคลาสสิก?
“ผ่านไปสัก 3 ในสี่ ผมก็รู้ว่ามันกำลังจะเป็นบางสิ่งที่พิเศษสุด ๆ ผมรู้สึกแบบนี้กับ… บางทีแค่สองหน กับหนังที่ผมเล่น มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ ข้างใน ที่รู้สึกว่าพวกเรากำลังจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ ผมได้รับความเคารพอย่างมากจากฟรานซิสระหว่างการถ่ายทำ เพราะเขารู้สึกเหมือนตัวเองพร้อมจะถูกไล่ออกจากสตูดิโอได้ทุกเมื่อ เขาไม่จำเป็นต้องสร้างหนังที่พวกเชา (สตูดิโอ) อยากจะทำ แต่เขาถูกสั่งให้ทำหนังที่เขาอยากทำ”
@ ถึงจะมีความกดดัน แต่เจมส์ คานน์ก็บอกว่า มีอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ในกองถ่ายเยอะเหมือนกัน คุณจำได้ไหม?
“ได้ซิ เราสนุกกันมาก มีวันหนึ่ง ตอนที่จิมมี คานน์เข้าฉากกับผม เรามาสายเพราะเพิ่งเสร็จกินมื้อกลางวัน จิมมีเลยคว้าขนมปังมาชิ้นหนึ่งแล้วเหยาะพริกไทยร้อน ๆ ลงไป ฟรานซิสร้องอยากกินแซนด์วิช เพราะเขาชอบกินมันมาก เลยคว้ามันมากิน แล้ว ‘ตายห่า ใครแกล้งกูวะเนี่ย’ อีกครั้งก็เป็นตอนที่จิมมีบอกกับแม่ของค็อปโพลา ‘พาชิโนมีรถเทรลเลอร์ที่ยาวกว่าลูกชายของแม่ตั้ง 2 ฟุตได้ยังไง?’ แล้วเธอก็ฉุนขึ้นมาทันทีเลย เรื่องสนุก ๆ ทั้งหลาย มันเป็นเพราะจิมมี คานน์รู้ว่าจะกดปุ่มอะไรเสมอ
@ การทำงานกับมาร์ลอน แบรนโดเป็นยังไง?
“พวกเราทุกคนเป็นแฟนของเขานะ ย้อนไปในอดีต ดัสทิน ฮอฟฟ์แมน, จีน แฮ็กแมน และผมจะไปนั่งคุยกันในร้านยาที่นิว ยอร์กสัปดาห์ละครั้ง มีอยู่หนหนึ่งเราพูดชื่อแบรนโดขึ้น รวมกันตั้ง 25 ครั้ง ในหลาย ๆ เหตุผล เขาเป็นเหมือนก็อดฟาเธอร์ของนักแสดง เราทุกคนเคารพเขา”
@ คุณเล่นหนังสองภาคแรก แต่ปฏิเสธภาคที่สาม ทำไม?
“เงิน… ถ้าคุณจ่ายพาชิโน 3-4 เท่าที่จ่ายให้ผมได้ ไม่มีทาง คุณจ่ายได้แค่ 2 เท่าที่จ่ายให้ผม แต่ไม่ใช่ 3 หรือ 4 เท่า”
@ คุณเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นไหม?
“ไม่เลย ค็อปโพลามาหาผมที่ฟาร์มในเวอร์จิเนีย เพื่อความมั่นใจว่าผมจะเล่น ผมกำลังทำกับข้าว เขาชอบเค้กแครบแมรีแลนด์สูตรของแม่ผมมาก ๆ ผมเลยเขียนสูตรให้ไป แต่เขาดันลืมเอามันกลับไปด้วย จากนั้นก็เพียรโทรมาหาผม เขาห่วงเรื่องจะได้สูตรเค้กไหมมากกว่าจะได้ผมไปเล่น ‘The Godfather Part III’ หรือเปล่า? ซะอีก”
@ หนังเรื่องแรกส่งผลอะไรกับชีวิตคุณบ้างไหม?
“อาชีพการงานผมเริ่มต้นบ้างแล้วก่อนหน้าหนังออกฉาย แต่บางคนมันก็ทำให้เข้าที่เข้าทาง แต่ผมรู้ว่าหลังจากหนังเรื่องนี้ฉายไปสัก 8-10 ปี มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เกี่ยวกับผลพวงของมัน”
@ ทำไมคุณถึงคิดว่า มันต้องใช้เวลานานขนาดนั้นกว่าที่คุณจะกลายเป็นดาราใหญ่?
“ผมเป็นพวกบานช้าน่ะ”
@ หนังอย่าง ‘The Godfather’ จะสร้างขึ้นมาได้ไหมในยุคนี้?
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? มันก็แค่การแสดงแล้วก็คัต คนน่ะไปเกรงอดีตกันมากจนเกินไป”
(แปลและเรียบเรียงจากบทความใน www.variety.com)
สนับสนุนเราได้ที่ -:> https://facebook.com/becomesupporter/Sadaos/ หรือที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนคำขอบคุณ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่