2 เพลงฮิตของฮิคารุ อูทาดะ “First Love” ซิงเกิลที่ 3 จากอัลบัมชื่อเดียวกันที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 1999 กับ “Hatsukoi” ซิงเกิลจากอัลบัมภาษาญี่ปุ่นชุดที่ 7 เมื่อปี 2018 กลายมาเป็นที่มาของซีรีส์ความยาว 9 ตอน ที่เน็ตฟลิกซ์สร้าง กำกับและเขียนบทโดยยูริ คันชิคุ
ทั้งสองเพลงของอูทาดะ ต่างเป็นงานที่ว่าด้วย “รักแรก” เหมือนกัน หากต่างกันที่มุมมอง ที่จะว่าไปแล้วก็เป็นไปตามวัยของเจ้าของเพลง เพราะขณะที่ “First Love” คือเพลงที่เธอแต่งขึ้นในตอนที่อายุแค่ 15 ปี “Hatsukoi” ก็คือมุมมองของเธอที่มีต่อรักแรกในอีกเกือบ 2 ทศวรรษต่อมา
และเรื่องราวของซีรีส์ ‘First Love’ ก็ว่าด้วยเรื่องราวของรักแรก เช่นเดียวกับเพลง
เป็นรักแรกของยาเอะ โนกูชิและฮารุมิจิ นามิกิ ที่พบและเจอกันในสมัยยังเป็นนักเรียนไฮสคูลในช่วงปลายยุค ‘90s ก่อนที่ด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ต้องพลิกผัน แยกทางจากกันไป
เวลาผ่านมาถึงปี 2018 ยาเอะ ที่เลิกกับสามี ศัลยแพทย์ฝีมือดี ทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ในซัปโปโร โดยซูซูรุ ลูกชายของทั้งคู่อยู่กับสามี โดยเธอมีโอกาสพบกับเขาบ้างเป็นครั้งคราว
ฮารุมิจิ ชายหนุ่มเจ้าของบุคลิกที่เงียบขรึม เหมือนจมอยู่กับอะไรบางอย่าง เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของอาคารแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในซัปโปโร มีแฟนที่คบหากันมาสักพัก และยังไม่ได้แต่งงานกัน
แต่แล้วในค่ำคืนหนึ่ง ทั้งคู่ก็ได้พบกันโดยบังเอิญ ที่ทำให้น่าจะเป็นโอกาสอันดีในการรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต แก้ไขความผิดพลาดที่เคยเป็นมา แต่นอกจากทั้งคู่ต่างเติบโต และมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว วันนี้ยังเป็นวันที่ ยาเอะไม่เหมือนเดิม…
พล็อตของ ‘First Love’ ที่ว่าด้วยรักแรกซึ่งมาเจอกันอีก เมื่อเวลาผ่านไป และทำให้อดีตกลับมามีชีวิตอีกหน ไม่ใช่เรื่องราวที่มีความสดใหม่ หรือเป็นเรื่องที่ถูกนำเล่ามาเป็นครั้งแรก แต่หากเป็นเรื่องราวที่ถูกบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากจะใช้คำเก๋ ๆ มาพูดถึง ก็คงต้องบอกว่า “ช่างคลิเช (Cliche – ที่ในเว็บไซต์พจนานุกรรมลองดู แปลว่า สำนวนซ้ำ ๆ ซาก ๆ น่าเบื่อ, ความคิดที่เก่าคร่ำครึ) เหลือเกิน”
หากซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนกับงานอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่พออยู่ในมือของคนที่เล่าเรื่องเป็น ความซ้ำซาก ที่ได้ยินก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ จะถูกนำเสนอได้อย่างน่าติดตาม ไม่สดใหม่ก็จริงอยู่ คาดเดาได้ไม่ยากก็ใช่ หากก็จับใจ ประทับใจได้เหมือนกัน
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตัวเรื่องราวที่เข้าถึงได้ง่าย คนรักเก่า แถมยังเป็นรักแรกกลับมาเจอกัน ในวันที่ชีวิตแตกต่างไปจากเดิม โดยต่างยังมีเยื่อใยต่อกัน เป็นเรื่องที่ไม่ต้องทำความเข้าใจ หรือว่าซับซ้อนจนยากเกินจะรับรู้ การนำเสนอด้วยการตัดสลับกันไปมาระหว่างเรื่องราวในอดีต และอีก 20 ปีผ่านมา ที่เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างเหมือนกับซ้อนทับ หรือเป็นคำตอบของกันและกันในที ก็ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น และเนื้อหนังดูมี “อะไร” มากกว่าการเล่าเรื่องแบบ 1-2-3-1 ไปตามจังหวะเวลา
การแทรกเรื่องราวรักแรกของซูซูรุ ลูกชายยาเอะ กับนักเต้นสาวที่อัปโหลดคลิปขึ้นโซเชียลมีเดียเข้ามา ก็ราวกับเป็นการนำภาพรักแรกของสองยุคสมัยมาเปรียบให้เห็น ที่นอกจากจะเป็นอีกปมหนึ่งของเรื่อง ยังย้ำว่า “ความรู้สึก” ที่เกิดขึ้นจากรักแรก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร อยู่ในยุคใด ก็ไม่แตกต่างกัน
ความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลัก การแสดงออกของทั้งคู่ในสองช่วงเวลาก็แตกต่างกัน จากเด็กหนุ่มที่ร่าเริง ทำอะไรตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง กับเด็กสาวที่ดูสดใส สวย และมีเสน่ห์ ในช่วงวัยไฮสคูล กลายเป็นชายหนุ่มที่ดูนิ่ง ๆ เหมือนมีอะไรในใจ กับหญิงสาวที่ดูชืดชา ขาดความสดชื่น รื่นรมย์ กับชีวิต
โทน บรรยากาศ ของทั้งสองช่วงเวลาก็ผิดแผก ที่จะว่าเป็นไปตามวัยของทั้งสองคนก็คงได้ จากวัยรุ่นอารมณ์ร้อนแรง ความรู้สึกเหมือนเปลวไฟที่ลุกไหม้คุโชน มาเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เข้าใจชีวิตและโลกมากกว่าเดิม รู้จักที่จะหยุดและรั้งรอ
ความรักของยาเอะและฮารุมิจิ จึงเต็มไปด้วยพัฒนาการ เป็นไปตามกาลเวลา และวัยที่ผ่านไป
คันชิคุยังแทรกกิมมิคน่ารัก ๆ พวกสถานการณ์หักมุมเบา ๆ ที่กลายเป็นเรื่องพลิกผันสำหรับคนดู เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด หรือที่แรง ๆ แบบความเป็นไปของยาเอะ ซึ่งฮารุมิจิเพิ่งได้รับรู้หลังกลับมาเจอกันอีกครั้ง คำพูดหรือการแสดงออกที่มีนัยบางอย่างให้ตีความ เช่น การที่ตัวละครได้ยินเพลง “First Love” ในรถแท็กซี่ แล้วบอกให้โชเฟอร์ย้อนกลับไปทางเดิม ที่กินความไปได้ถึงการย้อนกลับไปหาอดีตของตัวเอง ยานอวกาศที่มีชื่อของใครบางคนซึ่งหลุดจากวงโคจรที่ตั้งเอาไว้ ก็ไม่ต่างไปจากชีวิตของคน ๆ นั้นหลุดไปจากที่เคยคิดฝัน
รวมทั้งยังมีอารมณ์ขัน ที่ใส่เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลา
แล้วไม่ได้มีแค่เรื่องรักแรกของคนสองคน ‘First Love’ ยังมีเรื่องการตามล่าความฝันของทั้งยาเอะและฮารุมิจิ ถึงสิ่งที่อยากทำและอยากเป็นในชีวิต ความสัมพันธ์กับครอบครัวของทั้งคู่ ที่มีทั้งทำให้รู้สึกสะเทือนใจ อบอุ่น ซึ่งล้อไปกับความเป็นไปของซูซูรุ ที่ก็มีความฝันเช่นกัน แล้วก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก ไม่ต่างจากความสัมพันธ์กับครอบครัวใหม่
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของคนที่สาม ที่เข้ามาในชีวิตของทั้งยาเอะและฮารุมิจิ หรือกระทั่งซูซูรุ ต่างก็ถูกนำมาใช้สร้างความสับสน ความขัดแย้งในใจของตัวละครอย่างได้ผล
ที่ส่งผลกระทบไปถึงสร้างความสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน
งานโปรดัคชัน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านภาพ ดนตรีประกอบ ที่นอกจากดูสวย ฟังเพราะ ยังอุ้ม-ส่งอารมณ์ และบรรยากาศ การแสดงเข้าขา ลงตัว เป็นเคมีที่กลมกลืนไปด้วยกัน ในแบบที่ไปด้วยกันทั้งทีม ไม่ใช่แค่ สี่นักแสดงที่เล่นเป็นสองตัวละครหลัก ซึ่งเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ “เชื่อ” ในตัวละครของเรื่อง
ทุกอย่างล้วนทำให้ ‘First Love’ เป็นงานที่มีเสน่ห์ และดึงผู้ชมเอาไว้กับเรื่องที่หลาย ๆ คนคงคาดเดาได้ไม่ยากได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเรื่องทั้งหมดยังถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยอารมณ์ถวิลหาอดีต ที่คนซึ่งเกิดและเติบโตมากับช่วงปี 1999 – 2018 ระยะเวลาของเพลง “First Love” มาถึง “Hatsukoi” ช่วงเวลาเดียวกับในหนัง สิ่งต่าง ๆ ที่ได้เห็นล้วนเป็นของที่คุ้นตา เคยสัมผัส ได้รับรู้เรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นหนังอย่าง ‘Titanic’, ทั้งสองเพลงของฮิคารุ อูทาดะ, เหตุการณ์ซึนามิ, สงครามอิรัก กระทั่งดนตรีประกอบของ ไทเซ อิวาซากิ ก็มีอารมณ์ในแบบย้อนยุค โดยเฉพาะการเรียบเรียงที่เปิดให้มีการเล่นเดี่ยวของเครื่องดนตรีบางชิ้น
ที่พอรวมเข้ากับการกระทำของตัวละคร สถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น หลาย ๆ ครั้ง อาจเผลออุทานขึ้นมาระหว่างชมโดยไม่รู้ตัวว่า “เราก็เคยทำ (เป็น) แบบนั้น” ไม่น่าแปลกใจที่คนในยุคสมัยเดียวกับเรื่องราว จะ “อิน” ไปกับสิ่งที่ได้ชม ซาบซึ้งกับความรักของคนสองคนในเรื่อง เมื่อ ‘First Love’ “สัมผัส” หรือ “โดน” เข้ากับความรู้สึกของตัวเองได้จัง ๆ
หากจะมีที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง ก็คงไม่พ้นบทสรุปของเรื่องราว ที่หากเลือกปิดเรื่องราวไว้แค่จบลงตรงตอนที่ 8 ก็คงจะสวยงาม และอิ่มกับ “รักแรก” ที่กลับมาเพื่อที่จะฝังอยู่ในความทรงจำ ความรู้สึกของตัวละครตลอดไปได้มากกว่านี้
แต่ก็เข้าใจว่า เพราะอะไร? ทำไม? คันชิคุถึงเลือกจะจบ ‘First Love’ อย่างที่เห็นในตอนที่ 9 ซึ่งกับผู้ชมบางกลุ่ม บางคน ก็อาจจะอิ่มและรู้สึกดีกับบทสรุปในแบบนี้มากกว่าก็เป็นได้
บางทีมันก็คงขึ้นอยู่กับบทสรุปของรักแรก ในชีวิต ในประสบการณ์ของแต่ละคน ที่ส่งผลต่อบทสรุปในความสัมพันธ์ของยาเอะและฮารุมิจิ แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับมุมมองต่อรักแรกในสองช่วงเวลาของฮิคารุ อูทาดะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นใน “First Love” หรือว่า “Hatsukoi” ไม่ว่าจะลงเอยด้วยดี หรือเลวร้าย
ท้ายที่สุด เมื่อมองย้อนกลับไป มันก็ดูสวยงาม และทำให้รู้สึกดีเมื่อได้นึกถึงอีกครั้ง
ไม่เชื่อลองหยิบทั้ง 2 เพลงมาฟังอีกครั้ง… ในความแตกต่างมันก็สวยงามเหมือน ๆ กัน ใช่ไหม?
และซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน
ผู้กำกับ: ยูริ คันชิคุ ผู้เขียนบท: ยูริ คันชิคุ โดยได้แรงบันดาลใจจากเพลง “First Love” และ “Hatsukoi” ของฮิคารุ อูทาดะ นักแสดง: ฮิคาริ มิตซุชิมา, ทาเครุ ซาโตห์, ริคาโกะ ยากิ, ไทเซ คิโดะ, คาโฮ, มินามิ, อะกิโยชิ นากาโอะ, โทวะ อะรากิ, อาโออิ ยามาดะ, กาคุ ฮามาดะ
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 33 ฉบับที่ 12 มกราคม 2566
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่