By Sadaos
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารหญิง ม็อด การ์เร็ทท์ (โคลอี เกรซ มอร์เร็ทซ์) กลายเป็นผู้โดยสารที่เครื่องบินขนส่งที่ใช้ชื่อว่า ‘งานของคนโง่’ ที่ต้องเดินทางจากโอคแลนด์, นิว ซีแลนด์ ไปยังซามัว จำเป็นต้องรับไปด้วยโดยไม่เต็มใจ แต่ขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เธอนำมายืนยันไม่ได้ เมื่อเธอต้องปฏิบัติภารกิจลับ ด้วยการนำกระเป๋าบรรจุบางอย่างไปที่ซามัว แต่เพราะที่นั่งในเครื่องมีไม่พอ ม็อดเลยถูกส่งไปนั่งในป้อมปืน ส่วนกระเป๋าที่ว่า ถูกส่งต่อให้อยู่ภายใต้การดูแลของวอลเตอร์ เควด (เทย์เลอร์ จอห์น สมิธ) ทหารหนุ่มที่รับอาสาทำหน้าที่นี้
ไม่ใช่แค่เริ่มต้นได้อย่างไม่ราบรื่น การเดินทางครั้งนี้ยังเจอปัญหา เมื่อมีสัตว์ประหลาดขึ้นมาบนเครื่องด้วย ม็อดกับลูกเรืออีกคนหนึ่ง ที่เห็นตัวมันพยายามบอกกับคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครเชื่อ กระทั่งมันทำลายเครื่องยนต์บางส่วนเสียหาย ก็ไม่มีใครฟัง
สถานการณ์ของม็อด ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อฐานรายงานมาว่า ไม่มีทหารที่ชื่อม็อด การ์เร็ทท์ และไม่มีการส่งใครมาทำภารกิจลับบนเครื่องบินลำนี้ ขณะที่การเดินทางไปซามัวของ งานของคนโง่ก็เจออุปสรรคสำคัญ เมื่อเครื่องบินขับไล่ของญี่ปุ่นสามลำปรากฏขึ้น ขณะที่เครื่องยนต์ของพวกเขาถูกสัตว์ประหลาดทำลายจนเสียหาย
ซึ่งทุกอย่างกลายเป็นประเด็น เป็นปริศนา ที่ผู้ชมต้องหาคำตอบ และบางอย่างก็เป็นเรื่องที่ตัวละครในหนัง ก็ต้องไขให้กระจ่างด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เรื่องปูมหลังของม็อดกับของที่อยู่ในกระเป๋า ที่ในระหว่างทาง หนังก็ยังมีสิ่งละอันพันละน้อยเติมลงมาอีก ทั้งเรื่องของสัตว์ประหลาดที่ทำลายเครื่องบิน รวมถึงการเอาตัวรอดจากการโจมตีของเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่น โดยที่ตัวเองอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก
ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่ตัวละครต้องเจอ ทำให้ Shadow in the Cloud กลายเป็นงานที่ทำให้ต้องเกาะติดได้ไม่ยาก และบทที่ผู้กำกับโรซีนน์ เหลียง เขียนร่วมกับแม็กซ์ แลนดิส ก็ค่อยๆ คลายปมไปทีละเปลาะๆ เฉลยไปทีละอย่าง ก่อนที่จะมีเรื่องหักมุมพลิกผันในตอนท้าย ที่ว่าด้วยความเป็นมาของม็อด ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของหนังจากงานหนังสงคราม สยองขวัญ กลายมาเป็นงานเชิดชูสิทธิสตรี เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาว่า ม็อด การ์เร็ทท์ที่แท้คือใคร? เป้าหมายของเธอคืออะไร? แล้วที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นเป็นอะไร และสำคัญเพียงไหน?
ที่ทำให้การเสี่ยงตายแบบสุดๆ ของเธอในหลายๆ สถานการณ์ รวมไปถึงการกล้าเผชิญหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดในตอนท้าย กลายเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักขึ้นมาในระดับหนึ่ง แม้จะดูเวอร์ๆ อยู่บ้าง เพราะม็อดแทบจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร หรือเหมือนกับจู่ๆ ก็สวมวิญญาณฮิตเกิร์ล ตัวละครสร้างชื่อของเกรซ มอร์เร็ทท์ ขึ้นมาซะอย่างนั้น รวมไปถึงมีการหาทางออกให้ตัวละครของน้องรอดตายได้ในแบบ ‘โคตร’ เวอร์ด้วยซ้ำ
แล้วกับตัวหนังเอง ความสนุกสนานในแบบงานแอ็คชัน จะว่าไปแล้วก็เริ่มต้นหลังจากโฉมหน้าของม็อดถูกเปิดเผยนั่นละ เพราะก่อนหน้านั้น แม้จะมีเครื่องหมายคำถามที่หนังต้องตอบ มีเรื่องชวนสงสัยของตัวละครให้ติดตามก็จริงอยู่ แต่การนำเสนอที่เป็นก็คงบอกไม่ได้ว่าสนุก เพราะมีเพียงบทสนทนากับใบหน้าของเกรซ มอร์เร็ทท์แบบโคลส-อัพให้ชมเป็นส่วนใหญ่ ที่ต่อให้เป็นสาวกของน้องขนาดไหนก็เชื่อว่าน่าจะรู้สึกแทบไม่ต่างกัน
ยังดีที่ตอนท้ายหนังก็กลับมาเป็นงานเพื่อความบันเทิงที่รู้สึกทันทีจนได้ นอกเหนือไปจากการเชิดชูเพศแม่ ในแบบดาบก็แกว่งเปลก็ไกว ซึ่งเป็นการหักมุมในแบบสร้างความประหลาดใจที่ดี ขณะที่คำถามถึงความเก่งกาจเหลือเกินของม็อด การ์เร็ทท์ ที่ทำได้สารพัด กระทั่งทหารเพศชายยังทำได้ไม่เท่า ก็เหมือนกับมีคำตอบกลายๆ จากคลิปในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นการฝึกของเหล่าทหารหญิง
ที่เป็นการตอกย้ำความเป็นหนังพลังหญิงแบบแรงๆ ปิดท้าย ที่จะว่าไปแล้วตอกแรง กระแทกหนักกว่า Wonder Woman 1984 หนังซูเปอร์ฮีโรหญิงแท้ๆ ด้วยซ้ำไป
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน 1322 ปักษ์หลัง กุมภาพันธ์ 2564
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่
[one_half][/one_half][one_half_last][/one_half_last]
What is your reaction?
