จากเด็กหญิงที่ถูกไล่ล่า ที่ไปอยู่ในการดูแลของครอบครัวตระกูล กู หลังมีชีวิตแบบเด็กผู้หญิงปกติคนหนึ่ง ที่ความทรงจำในอดีตก่อนที่จะมาพบสองผัวเมียคู่นี้หล่นหาย โดยมีอาการปวดศีรษะและเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่าง แว่บเข้ามาเป็นระยะ ๆ สิบปีผ่านไปชีวิตที่ดูเรียบง่ายของเธอต้องเปลี่ยนแปลง หลังเข้าประกวดความสามารถด้วยหวังรางวัลมาจุนเจือครอบครัว ที่กำลังมีปัญหาทางการเงิน แต่การแสดงความสามารถพิเศษ ด้วยพลังที่เหนือธรรมชาติ ก็ทำให้เธอต้องถูกตามล่าอีกครั้ง โดยคนที่เคยพยายามตามเอาชีวิตของเธอตั้งแต่สิบปีก่อน
นอกจากเธอจะต้องหาทางรอดจากเงื้อมมือของนักล่าที่โหดเหี้ยม และมีพลังพิเศษในตัว เธอก็ต้องขุดค้นหาที่มาของตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
พล็อตของหนัง อาจจะทำให้นึกถึงหนังตะวันตกหลาย ๆ เรื่อง ที่ว่าด้วยตัวละครที่มีพลังพิเศษ ซึ่งถูกขังเอาไว้ และหนีออกมาได้ รอดพ้นการตามล่าและพยายามจะใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่แล้วด้วยอะไรบางอย่างเขาหรือเธอก็ถูกดึงกลับไปสู่สถานการณ์เหล่านั้นอีกครั้ง จนไม่รู้สึกว่าเรื่องราวของ ‘The Witch: Part 1. The Subversion’ จะมีอะไรซับซ้อน และทุกอย่างก็ดูเป็นเช่นนั้นจนมาถึงช่วงสุดท้าย งานไซ-ไฟ สยองขวัญที่เปลืองเลือดเปลืองเนื้อเรื่องนี้ ก็กลายเป็นงานที่เหนือชั้นขึ้นมาทันที ในเรื่องของพล็อต จากสถานการณ์หักมุมที่ใส่เข้ามา ความเป็นมาเป็นไปของตัวละคร ที่ล่อหลอกทั้งกับตัวละครในเรื่องด้วยกัน ทั้งกับผู้ชม ที่พอเปิดหน้าเฉลยมาก็กลายเป็นเซอร์ไพรส์ให้ประหลาดใจเต็ม ๆ ไม่ว่าจะกับคนในจอ หรือนอกจอ
ที่สำคัญก็คือ เป็นการเปลี่ยนมุมมองทุกอย่างที่มีต่อตัวละครโดยสิ้นเชิง
และนั่นก็คือเสน่ห์ของ ‘The Witch: Part 1. The Subversion’
ที่หากรวมไปถึงบทสรุปในฉากสุดท้าย (ที่เรื่องราวยังไม่สรุปสะเด็ดน้ำ) นี่คืองานไซ-ไฟ, สยองขวัญ ที่ตัวเรื่องมีความซับซ้อนอยู่ในตัว และเป็นหมัดเด็ดหมัดสุดท้าย ที่ทำให้อยากรับรู้เรื่องราวต่อไปของตัวละคร และอะไรอีกมากมาย ที่กลายเป็นคำถามใหม่ให้หาคำตอบ
กระทั่งกับเรื่องราวช่วงแรก ที่ดูไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย หนังก็ยังเล่าเรื่องได้สนุก ทั้งการเปิดตัวละครแต่ละราย รวมไปถึงความสัมพันธ์ของแต่ละคน โดยเฉพาะกลุ่มนักล่า ที่มาพร้อมกับลุกเท่ ๆ เสน่ห์ และความลึกลับในตัว ขณะที่การวางลักษณะตัวละครก็ทำให้ดูมีมืติ แม้จะไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก เช่นเดียวมีแบ็คกราวนด์ให้รับรู้เพียงน้อยนิ
การวางสถานการณ์ต่าง ๆ สร้างความตื่นเต้น มีอะไรให้ได้ลุ้นเป็นระยะ ๆ รวมถึงการวางปมน่าสงสัยที่ดึงผู้ชมให้อยู่กับเรื่องไปได้ตลอด ก่อนจะไปเจอเซอร์ไพรส์จัง ๆ อย่างที่ว่าเอาไว้ในตอนท้ายตีหัวเข้าเต็ม ๆ
ฉากแอ็กชันทั้งหลาย แม้จะเปลืองเลือดไม่ใช่เล่น และดูรุนแรงเกิดเหตุอยู่บ้าง แต่ก็ทำออกมาเนี้ยบ และรู้สึกได้ถึงสภาพจิตใจของตัวละคร ที่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว พวกเขาหรือเธอไม่ได้ดูอ่อนโยนอย่างที่แสดงออกมา มุมกล้องการตัดต่อออกมาดี เช่นเดียวกับดนตรีประกอบ ที่ทั้งหมดทั้งมวลในเรื่องของการเล่าเรื่อง และงานโปรดักชัน ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับฮอลลีวูดได้สบาย ๆ
การแสดงเองก็เป็นอีกครั้ง ที่บรรดานักแสดงเกาหลีโชว์ให้เห็นกันเลยว่า เวลาที่ “พลิก” บทบาท หรือรับบทเป็นตัวละครใหม่ ในงานเรื่องใหม่ พวกเขาและเธอต่างสลัดภาพเดิม ๆ ออกไปได้จนหมด ไม่ว่าจะเป็น คิมดามี ที่ลืมไปเลยว่าเธอคือหนึ่งในตัวละครหลักฝ่ายหญิงจาก ‘Itaewon Class’ หรือชเววูซิกที่ผิดไปจากที่เคยเห็นใน ‘Time to Hunt’ และ ‘Parasite’ ราวฟ้ากับเหว
ถือว่าเป็นงานที่ไม่ทำให้พัคฮุนจุง ผู้กำกับและเขียนบทหนังชั้นดี อย่าง ‘Night in Paradise’, ‘V.I.P.’ หรือ ‘New World’ ต้องเสียเครดิต และกับการปิดจบเรื่องราวอย่างที่เห็น มันก็เป็นการกระตุ้นให้อยากชมเรื่องราวต่อไปของตัวละคร เด็กสาวผู้มีพลังพิเศษในตัวรายนี้ต่อ เพราะยังมีเงื่อนปมที่ถูกวางเอาไว้ ให้รอการเฉลยอีกมากมาย
(‘The Witch: Part 1. The Subversion’ ชมได้ที่ IQIYI)
โดย นพปฎล พลศิลป์
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่