The Hangover Part III (2013): งานแฮงค์ ย่อมมีวันเลิกรา
โดย เกรียนหนัง
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=192770924212575&set=a.113215048834830.20429.112834835539518&type=1&theater
หนังภาคนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นหนังตลกรสนิยมก้าวร้าว ที่หาเรื่อง แดกดันเกย์ เสียดสีคนเอเชีย เหยียดคนผิวสี และด่าคนยิว นอกจากนั้นบทหนังที่มาแบบเลือกที่จะต่างไปจากเดิม ยังทำให้นักวิจารณ์ (และนักอยากวิจารณ์) หลายคนลงความเห็นตรงกันว่าเรื่องราวในภาคนี้มันไม่ใช่แฮงค์โอเวอร์ในรสชาติแซ่บๆ ที่คุ้นเคยอีกต่อไป เป็นผลให้หนังได้รับคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนน่าใจหายจากเว็บ weight score อย่าง Metacritic, Rotten Tomatoes รวมถึงงานวิจารณ์จากนิตยสารดังๆ
ซึ่งขอบอกว่าต่างจากความเห็นของคนดูหนังทั่วไปแบบผู้เขียนอย่างสิ้นเชิง ที่นอกจากจะรู้สึกว่าหนังไม่ได้แย่อย่างที่นักวิจารณ์ว่าแล้ว ยังรู้สึกว่าเฮีย ท็อดด์ ฟิลลิปส์ ทำหนังภาคนี้ออกมาได้ละมุนละไม ผสานความอบอุ่นไว้ท่ามกลางมุกหยาบโลนได้อย่างลื่นไหล และก็ไม่ได้มีปัญหาต้องทุกข์ร้อนใดๆ ถ้าหนังจะเล่นตลกกับมุก แดกดันเกย์ เสียดสีคนเอเชีย เหยียดคนผิวสี และด่าคนยิว เพราะเอาเข้าจริงมันเป็นเรื่องที่ไกลตัวของผู้เขียนมากๆ (ฮา)
The Hangover ภาค 3 นำเสนอตัวเองในมุมที่ต่างไปจากขนบเดิมๆ จนถ้าจะบอกว่ามันกลายสภาพไปเป็นหนังตลกกึ่งแอ็คชั่นทริลเลอร์ก็ไม่น่าจะผิด เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ดัค หนึ่งในสมาชิกของแก๊งวูฟแพ็ค โดนมาเฟียจับตัวไปเพื่อบีบบังคับให้สมาชิกคนที่เหลือ (ฟิล, สตู, อลัน) ทำภารกิจบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน ที่สุดท้ายก็นำมาซึ่งสถานการณ์วายป่วงชวนหัวชวนฮาขึ้นมาอีกจนได้ โดยที่ทั้งหมดแทบจะไม่แตะต้องของมึนเมาเลยในหนังภาคนี้
แน่นอนว่าการที่หนังเล่าเรื่องโดยไม่มีประเด็นของความทรงจำที่สูญหายไป (จากอาการเมาแฮงค์) ได้ทำให้ความแสบ ซ่า ลามก ที่เคยกลายเป็นความเซอร์ไพรส์ของหนังมันเบาบางลงไปในระดับหนึ่ง ซึ่งท็อดด์ ฟิลลิปส์ (ผู้กำกับ) ก็พยายามที่จะทดแทนสิ่งเหล่านั้น ด้วยการสร้างเงื่อนไขของเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นมาใหม่ จากการไล่ล่า+หักเหลี่ยมกันระหว่าง แก๊งวู๊ฟแพ็ค กับ มิสเตอร์เชา อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของหนัง กระทั่งกลายเป็นสถานการณ์ที่พลิกผันไปมาได้อย่างน่าติดตาม รวมๆ แล้วหนังดูมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องมากกว่าหนังภาคก่อนหน้าอยู่หลายขุม
ขณะเดียวกันก็ยังพยายามเกี่ยวโยงเนื้อหาบางส่วนเข้ากับหนังภาคแรก พร้อมทั้งสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับ “การเติบโตและเปลี่ยนแปลงตัวเอง” เข้ามาทางตัวละครอย่าง อลัน (แซ็ค แกลิเฟียนาคิส) ที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของเรื่องราวทั้งหมด และเรื่องของการเติบโตขึ้นนี่เองคือเหตุผลหลักที่ว่าทำไม ท็อดด์ ถึงเลือกที่จะปิดฉากหนังแฮงค์รั่วในภาคสุดท้ายนี้ด้วยการให้แก๊งวูฟแพ็คสุดซ่าเลิก “แฮงค์” กันได้เสียที
คะแนน : สามดาวจ้า
PS. ท็อดด์ ฟิลลิปส์ ก็คือ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ หลังเอ็นเครดิตขึ้นมาอย่าเพิ่งลุก เพราะเฮียแกแอบทิ้งท้ายด้วยการแฮงค์ให้ฮากันอีกนิดนึง