ตอนจบของ เพลงของพ่อๆ

ในภาพ: เจย์-ซี กับลูกสาว บลู ไอวี

เมื่อวาน หยิบเอาเพลงเกี่ยวกับพ่อ ที่มีทั้งพ่อพูดถึงลูก ลูกพูดหรือเล่าถึงพ่อ และความเป็นพ่อ ที่ทางนิตยสารไทม์เอาท์ของอังกฤษเลือกไว้ มาแนะนำไป 5 เพลง ได้แก่ Glory ของเจย์-ซี, Father and Son ของแคท สตีเวนส์, Papa Don’t Preach จากมาดอนนา, Happy Birthday โดยวง เคลม สไนด์ และ จอห์น เลนนอน กับเพลง Beautiful Boy วันนี้จะมาว่ากันต่อถึง 5 เพลงสุดท้าย

Dance with my Father ของลูเธอร์ แวนดรอสส์ เพลงนี้มักถูกเลือกไปร้องในรายการอเมริกัน ไอดอลเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครทาบต้นฉบับของแวนดรอสส์ เจ้าพ่อเพลงโซลได้ เขาแต่งเพลงนี้ให้พ่อของตัวเอง ที่จากไปตอนเจ้าตัวอายุแค่ 7 ขวบ แต่ก็มากพอจะจำได้ว่าพ่อเต้นรำกับเขาและแม่ ที่สะเทือนอารมณ์ยิ่งกว่าก็คือ แวนดรอสส์ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอาการชัก ก่อนเพลงนี้จะถูกปล่อยออกมา อาการป่วยทำให้เขาไปรับรางวัลแกรมมี่สาขาเพลงยอดเยี่ยมจากเพลงนี้ในปี 2004 ไม่ได้ และริชาร์ด มาร์กซ์ ที่ร่วมแต่งขึ้นไปรับแทน ตัวเขาทำได้แค่ส่งวิดีโอเทปที่พูดว่า “เมื่อผมกล่าวคำอำลา มันจะเป็นไปไม่นานนัก เพราะผมเชื่อในพลังแห่งความรัก” แวนดรอสส์เสียชีวิตเพราะหัวใจวายในปีต่อมา และมิวสิค วิดีโอเพลงนี้ จะทำให้หลายๆ คนต้องเสียน้ำตา

เพลงที่ 4 Song for My Father จากโฮเรซ ซิลเวอร์ จอห์น ทาวาเรส ซิลวา พ่อของโฮเรซ นักเปียโนชื่อดัง เป็นหนึ่งในคุณพ่อในฝัน จากการแต่งตัวที่ดูดี มาดเนี้ยบ และนี่คือเพลงที่เขาแต่งให้พ่อเมื่อปี 1965 จากอัลบั้มชื่อเดียวกันซึ่งภาพปกเป็นภาพของเขากำลังมีความสุขกับซิการ์ที่คาบไว้ในปาก กับอารมณ์เพลงแบบฟังกี้-บอสซา ที่มีสองโน้ตเล่นหยอดเอาไว้ ซึ่งต่อมาสตีลี เดย์ นำไปใช้ในเพลง Rikki Don’t Lose That Number ฉายความเป็นคนเคป เวอร์ดีนของซิลวาออกมาให้เห็น ขณะที่เนื้อเพลงเป็นการบอกกล่าวกับลูกชายของเขาเอง แบบเรียบง่าย แล้วก็มีโจ แฮนเดอร์สัน มาโชว์ความเป็นที่สุดในทางของเพลงฮาร์ดบ็อพ ได้อย่างลงตัว

Girls Just Wanna Have Fun ของซินดี ลอเพอร์ เป็นเพลงที่สาม ว่ากันว่า พ่อทุกคนอย่างให้ลูกสาวเป็นเด็กน้อยของคุณพ่อไปตลอดกาล แต่กับเพลงที่แสดงพลังของสตรีเพศออกมาในปี 1983 เพลงนี้ ลอเพอร์ ทำให้ไม่มีชายคนไหนปฏิเสธความสนุกของลูกสาว แล้วหากได้ชมมิวสิค วิดีโอ ก็ยิ่งชัดเจนในความเป็นเฟมินิสท์ กับเสื้อผ้าหน้าผมยุค 80 ที่ดูเจ็บๆ เปรี้ยวๆ และเนื้อร้องแซ่บๆ “The phone rings in the middle of the night / My father yells what you gonna do with your life / Oh daddy dear, you know you’re still number one.”

เดอะ เทมพ์เทชันส์ กับ Papa Was a Rolling Stone เป็นเพลงต่อมา ถึงแม้เนื้อร้องจะฟังไม่ง่ายกับเรื่องของแม่ที่พยายามบ่ายเบี่ยงการตอบคำถามของลูกๆ ที่ถามถึงพ่อที่ทั้งขี้เมา, ขี้ขโมย และขี้โกง ผู้จากไปของพวกเขา เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 เพลงสุดท้ายของเดอะ เทมพ์เทชันส์ ในท่อนคอรัส คุณแม่พยายามจะทำให้คุณพ่อออกมาดูดี และกลายเป็นท่อนหนึ่งของเพลงโซลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตอลดกาล ” Papa was a rolling stone, (my son) / Where ever he laid his hat was his home.” ตอนที่เพลงนี้ออกมา มีข่าวลือว่าพ่อของ เดนนิิส เอ็ดเวิร์ดส์ สมาชิกในวงเสียชีวิตในวันที่ 3 กันยายน (ซึ่งจริงๆ คือเดือนตุลาคม) ตัวเอ็ดเวิร์ดส์ต้องอัดเสียงของเขาใหม่อีกหลายหน เพื่อให้ได้เสียงร้องกระด้างๆ ที่ส่งเพลงนี้ให้กลายเป็นเพลง “พ่อ” ที่หม่นที่สุดของโมทาวน์

เพลงสุดท้ายเป็น Big Poppa จากโนโทเรียส บีไอจี หรือ คริสโตเฟอร์ วอลเลซซิงเกิลแรกของเขาที่ติดสิบอันดับแรกในชาร์ท ซึ่งเนื้อร้องบอกว่าเขาเห็น “some ladies tonight that should be havin’ my baby.” ถึงจะแต่งงานใหม่กับเฟธ อีแวนส์ ในเวลาต่อมา แต่เพลงนี้จากปี 1994 ก็แสดงให้เห็นว่า ความเป็นพ่อคือสิ่งสุดท้ายที่เจ้าตัวนึกถึง เมื่อเขาให้เด็กๆ ในคาถาเรียกเขาว่า บิ๊ก ป็อปปา และในเพลงที่มีสีสันแบบฟังค์ ฟังเท่ๆ เพลงนี้ เนื้อหาจะเต็มไปด้วยแผนหลอกสาวในผับ ที่เริ่มด้วยอาหารมื้อค่ำดีๆ แล้วไปจบที่ “Forget the telly / We just go to the crib / And watch a movie in the Jacuzzi / Smoke L’s while you do me.”

จากเรื่อง เพลงสำหรับพ่อ (2) โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 6 ธันวาคม 2556