อัลบัมคลาสสิก ‘It’s Better to Travel’ จาก Swing Out Sister

ย้อนไปในปี 1986 ท่ามกลางกระแสเสียงเพลงนิว เวฟ ที่ผสมผสานงานอิเล็กทรอนิกส์กับดนตรีร็อกออกมาเป็นงานดนตรีพอปที่มีลักษณะเฉพาะ ผ่านภาพลักษณ์ถูกปรุงแต่งมาอย่างดี วงทรีโอจากอังกฤษวงหนึ่งสร้างความแตกต่างทางดนตรีให้กับตัวเอง จากการเดินทางสายดนตรีก้าวแรก ด้วยการผสมผสานดนตรีแจซลงในเพลง ทำให้พวกเขาและ “เธอ” ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในบ้านเกิด ก่อนจะข้ามฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงอเมริกา

วงทรีโอวงนั้นชื่อว่า สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ และงานชุดนั้นคืออัลบั้มแรกของพวกเขา ‘It’s Better to Travel’

ชื่อวงสวิง เอาต์ ซิสเตอร์ ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร นอกจากเป็นชื่อหนังปี 1945 ที่นำแสดงโดย อาร์เธอร์ ทรีเชอร์ ซึ่งสมาชิกตอนก่อตั้งวงเมื่อปี 1985 ที่แมนเชสเตอร์ แอนดี คอนเนลล์ (คีย์บอร์ดส์), มาร์ติน แจ็กสัน (กลอง) และ คอรินน์ ดรูเวอร์รี (ร้องนำ) เห็นพ้องต้องกันมากที่สุดแล้ว แม้จะไม่มีใครชอบเลยก็ตาม คอนเนลล์กับแจ็กสันเคยเล่นดนตรีมาก่อนหน้า แต่ดรูเวอร์รีคือนักออกแบบเสื้อผ้าและนางแบบ ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานดนตรีเลย แต่สองนักดนตรี กับหนึ่งนางแบบ-คนออกแบบเสื้อผ้า ก็ทำให้ดนตรีพอปของสวิง เอาต์ ซิสเตอร์ กลายเป็นหมายเหตุสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลง และน่าจะเป็นพิมพ์เขียวชิ้นสำคัญให้กับงานอิเล็กทรอนิกส์ในยุคถัดๆ มาอย่าง Saint Etienne เตียง หรือ Everything But the Girl

ชื่ออัลบั้ม ‘It’s Better to Travel’ นั้น มีที่มาจาก “It’s better to travel hopefully than to arrive,” ซึ่งเป็นการถอดความจากคำกล่าวของโรเบิร์ท หลุยส์ สตีเวนสัน นักเขียนชาวสก็อตติช ที่ว่า “To travel hopefully is a better thing than to arrive, and the true success is to labour.”

และการเดินทางก้าวสำคัญของอัลบัม ก็คือการมาบรรจบพบกันของดนตรีแจซกับงานอิเล็กทรอนิกส์ พอปร่วมสมัย ที่เขย่าผสมกันได้อย่างกลมกลืน จนกลายเป็นเสน่ห์ และสำเนียงดนตรีที่แตกต่างในยุคนั้น (หรือกระทั่งยุคนี้) ให้อารมณ์เคลิ้มฝัน ซาวนด์อบอุ่น นุ่มนวล ไม่ใช่แข็งกระด้างจากเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เพราะสวิง เอาต์ ซิสเตอร์ ยังให้ชีวิตชีวากับบทเพลงด้วยเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองสด ๆ และเครื่องสาย (เล่นโดยใช้ซินธิไซเซอร์) ขณะที่การเขียนสกอร์ให้กับเพลงของริชาร์ด ไนล์สก็เติมเต็มความอิ่มในเนื้อดนตรีของวงให้มากขึ้น แล้วที่ลืมไม่ได้เสียงร้องที่ชวนให้หลงรักของดรูเวอร์รี ที่นักวิจารณ์หลายๆ คนบอกว่า ทำให้นึกถึงเสียงร้องระดับตำนานอย่าง ดัสตี สปริงฟิลด์

รวมไปถึงจัดให้สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ อยู่ในกลุ่มเดียวกับศิลปินแบบ โซฟิสติ-ป็อป (Sophisti-Pop) เจ้าของงานเพลงป็อปที่ผสมผสานดนตรีร็อก, แจซ และโซล อย่าง Roxy Music, ชาเด, The Style Council เป็นต้น.

สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ทำ ‘It’s Better To Travel’ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ พอล สแตฟลีย์ โอดัฟฟี โดยก่อนอัลบัมจะออก วงที่เซ็นสัญญากับเมอร์คิวรี เรคอร์ดส์ ก็ปล่อยซิงเกิล “Blue Mood” ชิมลางก่อนในอังกฤษตอนเดือนพฤศจิกายน 1985 แต่ก็ไปได้ไม่ถึงไหน ไม่ติดชาร์ตและไม่สร้างชื่อให้กับวงเลย จนอีกเกือบหนึ่งปีเต็ม พวกเขาก็ตัด “Breakout” เป็นซิงเกิล และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนของสวิง เอาต์ ซิสเตอร์

“Breakout” เพลงเปิดอัลบัมและซิงเกิลแรก คือเพลงสำคัญที่ไม่ใช่เฉพาะกับอัลบัมนี้ หรือกับสวิง เอาต์ ซิสเตอร์ เพราะนี่คือหนึ่งในซิงเกิลพอปเยี่ยมยอดที่สุดเพลงหนึ่งของเกาะอังกฤษจากปลายยุค ’80s และความเฉพาะตัวของเพลง ก็ไม่ได้ทำให้แค่นึกถึงยุคสมัยนั้นยามได้ยิน หากแต่เฉพาะเจาะจงลงไปยิ่งกว่า เมื่อคิดถึงได้แค่ สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ ด้วยซ้ำไป “Breakout” ขึ้นถึงอันดับ 4 ในชาร์ตซิงเกิลของอังกฤษตอนเดือนพฤศจิกายน 1986 ก่อนจะไปดังในอเมริกา และขึ้นอันดับ 6 ของชาร์ตบิลล์บอร์ด ฮ็อต 100 ในอีกหนึ่งปีถัดมา

ซิงเกิลที่สอง “Surrender” ที่เด่นด้วยเสียงโซโลทรัมเป็ทของ จอห์น เธอร์เคลล์ ขึ้นถึงอันดับ 7 ชาร์ตเพลงของอังกฤษในเดือนมกราคม 1987 พอมาถึงซิงเกิลที่ 3 “Twilight World” งานขายความเข้มข้นทางดนตรี มีความเป็นแจซมากขึ้น ซึ่งในยุคนั้น เพลงนี้ถูกหยิบจับนำไปทำรีมิกซ์เป็นว่าเล่น สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ ปิดอัลบั้มด้วยซิงเกิลสุดท้าย “Fooled By a Smile” เพลงสนุก ๆ ดนตรีแบบนอร์เธิร์น-โซลเสนาะหู ที่ย้อนกลับไปในเส้นทางที่พวกเขาเริ่มต้นจาก “Breakout” แต่ในอัลบัมก็ยังมีเพลงที่น่าสนใจอย่าง เพลงบรรเลงในสไตล์งานดนตรีประกอบภาพยนตร์ “Theme From It’s Better To Travel” ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพการทำงานดนตรีของวงได้เป็นอย่างดี

ตัวอัลบั้ม ‘It’s Better to Travel’ ออกวางจำหน่ายในอังกฤษ วันที่ 11 พฤษภาคม 1987 และขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบัมของอังกฤษ นอกจากความสำเร็จจากคนฟัง ‘It’s Better to Travel’ ยังทำให้สวิง เอาต์ ซิสเตอร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีในปี 1988 ถึงสองสาขา คือ Best New Artist และ Best Pop Vocal Performance by a Group or Duo (จากเพลง “Breakout”)

กับความสำเร็จที่ได้รับ การเป็นอัลบัมที่อยู่เหนือกาลเวลา นอกจากการวางจำหน่ายครั้งแรกในแบบแผ่นไวนีล ที่มีเพลงบรรจุไว้เพียง 9 เพลง ‘It’s Better to Travel’ ถูกนำกลับมาทำใหม่ อีกหลายต่อหลายครั้ง โดยในครั้งที่ครบรอบ 25 ปีของอัลบัม ยูนิเวอร์ซัล มิวสิกต้นสังกัดของวง ได้ทำออกมาเป็นอัลบัมซีดีแผ่นคู่ วางจำหน่ายเมื่อ 16 กรกฎาคม 2555

ในซีดีแผ่นแรกนอกจากเก้าเพลงจากต้นฉบับที่ทำรีมาสเตอร์ใหม่ ก็จะเพิ่มงานรีมิกซ์ สามซิงเกิลฮิตของอัลบัม “Breakout”, “Surrender” และ “Twilight World” เข้าไป

ส่วนซีดีแผ่นที่สอง ซึ่งเป็นแผ่นโบนัส จะเป็นงานรวมเพลงรีมิกซ์ และเพลงจากซิงเกิลหน้าบี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยทำออกมาในรูปแบบของซีดีเอาไว้ให้ฟังกันอีก 12 เพลง

และถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง หรือตัวอัลบัม ‘It’s Better to Travel’ ก็ยังคงเดินทางจากคนฟังรุ่นหนึ่ง ไปสู่คนฟังอีกรุ่น อย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนล้า

การได้ “เดินทาง” ช่างดีกว่า “การมาถึง” จริงๆ

Album Profile ชื่อชุด: ‘It’s Better to Travel’ ศิลปิน: Swing Out Sister แนวเพลง: พอป, แจซ, ร็อก วางจำหน่าย: (ครั้งแรก) 11 พฤษภาคม 1987 บันทึกเสียง: 1985-1987 ความยาว: 63:45 นาที สังกัด: Mercury Records โปรดิวเซอร์: พอล สตาฟลีย์ โอดัฟฟี ซิงเกิล: “Blue Mood” (พฤศจิกายน 1985),  “Breakout” (ตุลาคม 1986 – อันดับ 4 ในอังกฤษ/ อันดับ 6 บิลล์บอร์ดชาร์ต), “Surrender” (มกราคม 1987 อันดับ 7 ในอังกฤษ), “Twilight World” (เมษายน 1987 – อันดับ 32 ในอังกฤษ / อันดัล 31 บิลล์บอร์ด ฮ็อต 100), “Fooled by a Smile” (กรกฎาคม 1987 – อันดับ 43 ในอังกฤษ)

โดย ลุงทอย จากเรื่อง IT’S BETTER TO TRAVEL การเดินทางแสนอมตะของสวิง เอาท์ ซิสเตอร์ คอลัมน์ อัลบั้มคลาสสิค นิตยสาร ฮิพ (เชียงใหม่) ธันวาคม 2012 ปีที่ 9 ฉบับที่ 98

เป็นกำลังใจให้ www.facebook.com/Sadaos ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนมาที่ shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนคำขอบคุณให้ผู้สนับสนุนที่โชคดีเป็นประจำทุกเดือน

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่