FEATURESMusic Features

รำลึกถึงวันที่เอ็ดดี แวน เฮเลน เป็นนักแต่งเพลงผี พร้อมเล่นกีตาร์ให้ไมเคิล แจ็คสันฟรีๆ ในเพลง Beat It

ฝีมือที่เอ็ดดี แวน เฮเลน ฝากเอาไว้ในเพลง “Beat It” ของไมเคิล แจ็คสัน ได้รับการชื่นชมว่าเป็นงานกีตาร์โซโลชั้นยอด แต่มือกีตาร์ระดับตำนาน ที่จากไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2020 ในวัย 65 ปี มีส่วนร่วมในการสร้างเพลงฮิตเพลงนี้มากกว่าที่เปิดเผยออกมาในตอนนั้น

นอกจากการเล่นริฟฟ์กีตาร์ ที่เอ็ดดีไม่ได้ตังค์สักเซนต์เดียว มือกีตาร์ของแวน เฮเลนยังเป็นนักแต่งเพลงผีให้เพลงนี้อีกด้วย “ผมคิดว่าสิ่งที่คนพากันพูดถึงเพลงนี้ แบบนั้น-แบบนี้ มันสนุกดี” เอ็ดดี บอกกับบิลล์บอร์ดในปี 2015 “มันเป็น 20 นาทีแห่งชีวิตของผม ผมทำมันโดยไม่ต้องการอะไรเลย” เขาเล่าถึงการบันทึกเสียงเพลงอันดับ 1 ในชาร์ทเมื่อปี 1983 ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในซิงเกิลขายดีตลอดกาลในเวลาต่อมา “ผมคิดกับตัวเองแบบนี้เลยนะ ‘ใครจะรู้บ้างวะ ว่าผมมาเล่นให้เพลงของไอ้หนูคนนี้? จากนั้นผมก็มาที่สตูดิโอ ฟังเพลงไปสองรอบ ซึ่งผมไม่ชอบช่วงที่พวกเขาอยากให้ผมเล่นโซโลลงไปสักเท่าไหร่ คือพวกเขาอยากให้ผมใส่โซโลลงไปในช่วงท่อนแยก ผมขอให้ควินซี โจนส์ (โปรดิวเซอร์ของอัลบัม Thriller) ตัดแต่งคอร์ดที่รองพื้นโซโล จากนั้นผมก็เล่นโซโลในคีย์ อี แต่มันเป็นเพราะคอร์ดที่รองพื้นไว้ต่างหาก ที่ทำให้โซโลมันน่าสนใจ ผมเลยเดาเอาว่า ผมคงเรียบเรียงมันใหม่ด้วยแหละ”

การที่เอ็ดดี เรียกแจ็คสันว่า ‘ไอ้หนู’ อาจจะฟังเหมือนไม่ให้เกียรติ แต่มือกีตาร์ระดับตำนานรายนี้ เกลียดการฟัง ‘เพลงร่วมสมัย’ หรือจริงๆ แล้วก็คือ ดนตรีอะไรก็ตามที่เขาไม่ได้ทำงานกับมันอย่างจริงจัง (บางทีอาจจะยกเว้นก็งานของ โย-โย มา) “ผมไม่ฟังอะไรเลย” เขาบออกกับบิลล์บอร์ด กระทั่งวิทยุก็ไม่เปิด “ผมชอบฟังเสียงของมอเตอร์”

ก่อนเอ็ดดีจะตกปากรับคำไปเล่นกีตาร์ใน “Beat It” จนกลายเป็นหนึ่งในคามีโอ (การทำงานแบบไม่ได้เครดิต) ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค เขาต้องแน่ใจว่า โทรศัพท์ที่ปลายสายบอกว่ามาจากโจนส์ ไม่ใช่การเล่นอุตริของใคร “ผมสวนกลับไป ‘นายต้องการอะไร แกมันโคตรเฮงซวย!’” เอ็ดดี เล่ากับซีเอ็นเอ็น ในปี 2012 หลังการทำงานเพลงนี้ 30 ปี “แล้วเขาก็ถามกลับมา ‘นี่เอ็ดดีใช่ไหม?’ ผมบอก ‘เออ… แกต้องการห่าอะไรวะ?’ – ‘นี่ควินซีนะ’ ผมคิดกับตัวเอง ‘กูไม่รู้จักใครที่ชื่อควินซีเลยนี่หว่า’ เขาพูดต่อ ‘ควินซี โจนส์ ไง’ ผมเลยพูดไป ‘อ๋อ… ผมขอโทษ!’”

เอ็ดดีเอง ยอมรับว่าตอนแรกก็ลังเลที่จะไปทำงานให้แจ็คสันอยู่เหมือนกัน ด้วยความสงสัยว่า ตัวเองมีอะไรที่เข้ากันได้กับนักร้องที่เขาจำได้ว่าร้องเพลง “A-B-C ง่ายๆ ยังกับนับ 1-2-3” แต่แจ็คสันแต่งเพลง “Beat It” ให้เป็นเพลงร็อค ที่ปูทางไว้แล้วด้วยการเล่นแบบฟังค์หนักๆ ของสตีฟ ลูคาเธอร์ มือกีตาร์ชั้นยอดอีกคน พอเอ็ดดีมาถึงสตูดิโอในลอส แองเจลีส โจนส์ก็บอกให้เขาด้นสดเลย และก็อย่างที่เขาเล่า พอฟัง “Beat It” ไปสักสองรอบ เขาก็ขอเรียบเรียงเพลงใหม่ แล้วก็ใส่โซโลลงมา

“ผมฟังเพลง แล้วคิดเลย ‘ผมเปลี่ยนบางช่วงได้ไหม?’ ผมหันไปทางเอ็นจิเนียร์ แล้วก็ ‘ฟังนะ ตรงช่วงท่อนแยก ตัดตรงนี้ แล้วก็ไปต่อกับตรงนี้ ตรงช่วงก่อนท่อนคอรัส แล้วก็ท่อนคอรัสที่ส่งออก’ เขาใช้เวลาสัก 10 นาทีในการจัดการเอาทุกอย่างรวมกัน แล้วผมก็จัดการด้นโซโลไปสองท่อนใส่ลงไป” เอ็ดดีทำให้เอ็นจิเนียร์ในห้องอัดถึงกับสบถ เพราะลำโพงแทบลุกเป็นไฟ พอเอ็ดดีเล่นเสร็จ แจ็คสันก็เดินเข้ามา

“ผมเพิ่งเล่นโซโลที่สองจบลงไป ตอนไมเคิลเดินเข้ามา คุณก็คงรู้ว่าพวกศิลปินเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เรารู้สึกแปลกๆ ต่อกันบ้าง ผมไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกริยากับสิ่งที่ผมกำลังทำยังไง เลยเตือนเขาก่อนที่จะเปิดฟัง ‘ฟังนะ ฉันเปลี่ยนช่วงกลางเพลงของนาย’” เอ็ดดี บอกกับซีเอ็นเอ็น เมื่อปี 2012 “ตอนนี้ความคิดในหัวผมก็คือ เขาอาจจะสั่งให้บอดีการ์ดเตะผมออกจากห้อง เพราะดันไปสับเพลงของเขา หรือเขาอาจจะชอบมัน จากนั้นผมก็ให้เขาเปิดฟัง เขาหันมามองผม แล้วบอกว่า ‘ว้าว ขอบคุณมากๆ สำหรับความตั้งใจที่ไม่ได้แค่เข้ามาเล่นโซโล แต่ยังใส่ใจกับเพลง แล้วทำให้มันดีขึ้น’”

เอ็ดดี ทำงานนี้ฟรีๆ แถมไม่ได้มีเครดิทในอัลบัม ไม่ได้เล่นมิวสิค วิดีโอ แต่สัมผัสของเขาเป็นสิ่งที่โต้แย้งไม่ได้ หลังเพลงถูกปล่อยออกมา เอ็ดดียังจำได้ถึงตอนเข้าไปในร้านทาวเวอร์ เรคอร์ดส์ ขณะเพลง “Beat It” ถูกเปิดดังกระหึ่ม “พอท่อนโซโลดังขึ้น ผมก็ได้ยินเด็กกลุ่มหนึ่งที่ยืนข่างหน้าผมคุยกันว่า ‘ฟังซิ ไอ้มือกีตาร์คนนี้พยายามที่จะเล่นให้เหมือนเอ็ดดี แวน เฮเลน’” เขาเล่า “ผมแตะไหล่ของเขาเบาๆ แล้วบอกว่า ‘นั่นน่ะฉันเอง! ซึ่งมันตลกดี”

ที่น่าตลกยิ่งกว่า ก็คือในเวลาต่อมาพีท ทาวน์เช็นด์ ของ The Who เผยออกมาว่า จริงๆ แล้วเขาถูกเสนองานนี้มา แต่ไม่สามารถทำได้ก็เลยแนะนำเอ็ดดี แวน เฮเลน “มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมถูกไมเคิล แจ็คสัน ขอให้ไปลงเสียงกีตาร์ไฟฟ้าในอัลบัม Thriller” ทาวน์เช็นด์บอกกับโรลลิง สโตน “ผมบอกไปว่าผมคงทำไม่ได้ แต่ผมแนะนำเอ็ดดีให้ แล้วเราก็คุยกัน เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก มีความสุขกับการได้พูดคุยกัน เขาเล่าให้ผมฟังว่าสนุกแค่ไหนกับการเล่นคีย์บอร์ด รอยยิ้มของเขาคลาสสิคมาก แล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ” แล้วเรื่องราวก็เป็นไปอย่างที่รู้กัน เอ็ดดีตกลงที่จะเจอกับควินซี โจนส์ และแจ็คสัน หลังโปรดิวเซอร์ถามเขาว่าสนใจมาเล่นกีตาร์ให้สักเพลงไหม แม้จะไม่แน่ใจว่ามือกีตาร์ร็อคจะทำอะไรได้ในเพลงป็อป

“Beat It” เป็นเพลงหนึ่งในอัลบัมชุดที่ 6 ของแจ็คสัน Thriller ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1983 โดยถูกตัดเป็นซิงเกิลต่อจาก “The Girl is Mine” และ “Billie Jean” สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทเพลงฮิตของบิลล์บอร์ดได้ถึงสามสัปดาห์ ความสำเร็จที่เพลงนี้สร้างขึ้น ช่วยให้อัลบัม Thriller กลายเป็นอัลบัมขายดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์วงการเพลง

โดย นายสะเด่าส์

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.