จิมิ เฮนดริกซ์ คือมือกีตาร์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลกตลอดกาล ซึ่งถ้าไม่ใช่ก็คงไม่มีใครใกล้เคียงแล้วล่ะ แม้จะมีช่วงชีวิตการทำงานที่แสนสั้น แต่เขาก็ไม่ต่างไปจากโมซาร์ต หากเป็นโมซาร์ตที่ใช้พรสวรรค์สร้างสรรค์ผลงานด้วยเครื่องดนตรี 6 สาย ซึ่งยากที่ใคร ๆ จะเลียนแบบ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาชอบวงของคุณ และให้เกียรติคุณในฐานะนักดนตรี นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
ระหว่างการพูดคุยแบบ ถาม-ตอบ (Q&A) ที่เป็นส่วนหนึ่งในอัลบัมสารคดี Compelling Stories: The Inside Secrets ของแพทริเซีย ฟริปป์ โรเบิร์ต ฟริปป์ มือกีตาร์วง King Crimson ถูกถามว่า จริงไหมที่จิมิ เฮนดริกซ์ขอจับมือซ้ายเขา “ใช่ เขาขอ” ฟริปป์ตอบ โดยพยายามทำให้ดูเป็นเรื่องปกติที่สุด ก่อนจะเล่าเรื่องราวในตอนนั้น เมื่อสองมือกีตาร์ผู้ยิ่งใหญ่มาพบกัน
“หนเดียวที่ผมได้เจอกับจิมิ เฮนดริกซ์ ก็คือที่ The Revolution Club ในเมย์แฟร์ (ลอนดอน – แต่มีแฟนเพลงบางรายแย้งเรื่องวันและสถานที่แตกต่างออกไป) ตอน (คิง) คริมสัน ไปเล่นที่นั่นในปี 1969 และเป็นครั้งแรกที่ผมนั่งเล่น” ฟริปป์ เล่า “ผมเป็นมือกีตาร์ที่นั่งเล่นกีตาร์ แต่การอยู่ในวงร็อก คุณไม่ควรนั่งเล่น ใช่ไหมล่ะ?” เขาเล่าต่อ “ไม่มีใครนั่งเล่นกีตาร์ แต่ผมรู้สึก… คือหลังเล่นมาแล้วสัก 12 โชว์ สำหรับผมมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะยืนเล่นกีตาร์ เลยคิดว่า เอาน่ะ ฉันจะนั่งละ” ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ท้าทายสไตล์การแสดงบนเวทีตามมาตรฐานทั่วไปของวงร็อคแอนด์โรลล์ และเกร็ก เลก นักร้องนำของวงก็แซวแรง ๆ กับเขา “นายนั่งไม่ได้นะ เพราะนายดูเหมือนเห็ดเลยว่ะ!” ฟริปป์ตอบกลับ “เห็ดมันถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ในหลาย ๆ วัฒนธรรมเลยนะเว้ย”
ถึงปี 1969 คิง คริมสันจะเพิ่งเริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างได้ไม่นานนัก แต่ความสามารถทางศิลปะอันโดดเด่น และซาวนด์ใหม่ ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมของพวกเขา ก็กระตุ้นให้เกิดความน่าตื่นเต้นที่น่าติดตามในวงการเพลง คืนที่ฟริปป์เป็นนักดนตรีนั่งเก้าอี้ ก็คือ 2 มิถุนายน ก่อนหน้าเดือนตุลาคม ที่งานเปิดตัวสุดทรงอิทธิพลในโลกดนตรีโพรเกรสสีฟร็อคของพวกเขาจะออกขายไม่กี่เดือน
คืนนั้น มือกีตาร์ยอดเยี่ยมตลอดกาลอยู่ในกลุ่มของผู้ชม สวมชุดสีขาว และแขนขวาห้อยอยู่กับผ้าคล้องไหล่ หลังการแสดงจบ เฮนดริกซ์ไปหาฟริปป์ ซึ่งเขาบอกว่าเฮนดริกซ์เป็นหนึ่งในคนที่มี “รังสีส่องสว่าง” ที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา และเมื่อคิดไปถึงว่าฟริปป์ทำงานกับเดวิด โบวีไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ทำให้รู้สึกว่า จิมิเป็นคนที่เจิดจ้ามาก ๆ จริง ๆ เฮนดริกซ์พูดกับฟริปป์ที่ดูจะด้อยกว่า ว่า “เฮ้… จับมือซ้ายผมซิเพื่อน มันใกล้หัวใจผมมากกว่า (อีกข้าง)”
แม้จะเป็นชั่วเวลาไม่นาน มันก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับฟริปป์ ทั้งในแง่ของการกระทำและความตั้งใจ เป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ที่มือกีตาร์คนใดคนหนึ่งปรารถนาที่จะได้รับ สไตล์การเล่นของเฮนดริกซ์มีความเป็นต้นแบบ (Original) การเล่นกีตาร์ของเขาคือการปฏิวัติ และทักษะของเขาก็อยู่ในระดับสูงสุด เมื่อเขาแสดงถึงการรับรู้พรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวคนอื่น มันก็ไม่ต่างไปจากการที่นักแข่งรถระดับลิวอิส แฮมิลตัน เอ่ยชมการขับรถของคุณ แต่… เรื่องนี้ ไม่ได้จบแค่นี้
หลายปีต่อมา ราว ๆ ปี 1981 ฟริปป์เจอน้องสะใภ้ของไมเคิล ไจลส์ มือกลองคนแรกของคิง คริมสัน โดยบังเอิญในร้านขายหนังสือ เลยไปนั่งดื่มด้วยกัน เธอเป็นหนึ่งในผู้ชมของค่ำคืนสำคัญที่เฮนดริกซ์จับมือกับเขา และราวกับโชคชะตาฟ้ากำหนด เธอนั่งโต๊ะถัดจากจิมิ เรื่องในคืนนั้นที่เธอบอกกับฟริปป์ บางทีอาจทำให้เขาถ่อมตัวยิ่งขึ้นไปอีก “เธอบอกผม ‘คุณจำคืนที่เฮนดริกซ์ไปดูคิง คริมสันเล่นได้ไหม?’” ผมบอกไปว่า “แน่นอน จำได้ซิ มันเป็นเรื่องเฮนดริกซ์ของผมเลยนะ!’” เธอเล่าต่อ “คุณรู้ไหม ฉันนั่งโต๊ะถัดจากเขา… เขากระโดดไปมา” เธอบอก แล้วตะโกนว่า “นี่คือ วงดนตรีที่เจ๋งที่สุดในโลก!’”
“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ฟริปป์สรุปเรื่องราว “และนั่นเป็นหนึ่งในการพูดถึง ที่นักดนตรีอาชีพสักคน อยากจะใช้นำเสนอตัวเอง”
ถึงการเล่นของเฮนดริกซ์กับฟริปป์อาจจะแตกต่างกันมาก แต่การเล่นที่มี “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ของทั้งคู่ ทำให้พวกเขาเชื่อมโยงถึงกัน ไบรอัน อีโนพูดถึงฟริปป์ว่า “การทำงานของฟริปป์ในอัลบัมของเดวิด โบวี มีความพิเศษที่เป็นไปตามธรรมชาติ เขาเป็นนักดนตรีที่ไม่มีใครเหมือน ที่ไม่ใช่แค่ ‘ทำงาน’ ตามความหมายทั่ว ๆ ไป ใครทำงานกับเขา นอกจากจะได้พรสวรรค์ของเขา จะยังได้จินตนาการที่ไม่เหมือนใคร และได้ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา เพิ่มมาด้วย เขาสามารถทำให้ท่อนดนตรีเพียงหนึ่งชิ้น ถูกนำเสนอไปในทิศทางที่แตกต่างหลากหลาย แล้วก็ทำแบบนั้นอยู่หลายครั้งหลายหนในอัลบัมเหล่านั้น”
จากที่พีต ทาวน์เช็นด์เคยบอก เฮนดริกซ์อาจจะมอบ “ทางสว่าง” แต่ฟริปป์นำเสนอการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน ซึ่งมีน้อยคนจะเคยได้ยินมาก่อน การเล่นกีตาร์ของเขาราวกับเป็นการรำพึงรำพันกับตัวเอง และดูไม่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น หากในความเป็นจริงแล้ว ส่วนหนึ่งที่ทำให้ใคร ๆ ไม่สามารถชี้ชัดไปถึงซาวนด์อันลี้ลับของฟริปป์ได้ อาจเป็นเพราะเขาหยิบยืมสิ่งเหล่านั้นมาจาก เบลา บาร์ท็อก, อิกอร์ สตราวินสกี และบรรดาคอนโพเซอร์ยุคใหม่ เพื่อนำมาใช้สร้างซาวนด์ดนตรีโพรเกรสสีฟ ร็อคที่ฟังดูหวือหวา
บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเฮนดริกซ์ถึงชอบคิง คริมสันมากนัก หนึ่งในฮีโรของเขา ที่เคยอยู่ในบ้านที่ท้ายที่สุดเขาได้ใช้ชีิวิตอยู่ ก็คือจอร์จ ฟรีเดอริก แฮนเดล คอมโพเซอร์ชาวเยอรมันในยุคบาโรก และเฮนดริกซ์เองก็ขลุกอยู่กับการเปลี่ยนงานคลาสสิคัลให้เป็นดนตรีร็อกด้วยตัวเอง ดนตรีที่เยี่ยมยอดย่อมไร้กาลเวลา ดังนัั้นความยอดเยี่ยมมาก ๆ บางอย่างก็คือการกระทำที่ไร้รูปแบบ ที่เลี่ยงแนวคิดแบบปกติทั่วไป ยามที่กำลังแสวงหาการเชื่อมโยงกันของอิทธิพลต่าง ๆ
เช่นที่ไมลส์ เดวิสเคยพูด “ดนตรีที่ดีก็คือดี ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นดนตรีประเภทไหน” เฮนดริกซ์และฟริปป์คือดวงดาราที่ใช้ความสามารถของตัวเองสนับสนุนคำพูดที่ว่า ด้วย “ดนตรีที่ดี” ที่เยี่ยมยอดที่สุดที่ใครเคยสร้าง แล้วนำมาผสมผสานจนกลายเป็นการสร้างสรรค์
(จาก: Inside The World Of Rock และ ultimateclassicrock.com)
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่