วันเกิดของศิลปินคันทรีที่ประสบความสำเร็จแบบข้ามแนว ในระดับทุบสถิติถึงสองครั้งสองครา วันที่จิมิ เฮนดริกซ์ มอบอีกหนึ่งมรดกสำคัญให้กับวงการเพลง และวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของลอรีน ฮิลล์ ในฐานะศิลปินเดี่ยว
วันนี้ในโลกดนตรี 25 สิงหาคม 1961: วันเกิดของบิลลี เรย์ ไซรัส นักร้องชาวอเมริกัน เจ้าของเพลง “Achy Breaky Heart” ซึ่งขึ้นอันดับ 3 ในอังกฤษ และเจ้าของอัลบัมอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ‘Some Gave All’ ที่รู้จักกันดีว่าเป็นพ่อของไมลีย์ ไซรัส ที่โด่งดังมาจากการรับบทเป็น แฮนนาห์ มอนทานา
ในปี 2019 หลังจากบิลล์บอร์ดนำเพลง “Old Town Road” งานคันทรี-แร็ปของ ลิล นาส เอ็กซ์ ศิลปินแร็ปชาวอเมริกัน ที่มีไซรัสร่วมงานด้วย ออกจากชาร์ตเพลงคันทรี เพลงนี้ก็เข้าชาร์ตเพลงฮิตบิลล์บอร์ด ฮ็อต 100 และขึ้นถึงอันดับ 1 ก่อนทำสถิติใหม่ด้วยการอยู่ในอันดับ 1 ยาวนานถึง 19 สัปดาห์
เรย์ ไซรัส เกิดที่แฟล็ตสูดส์, เคนตัคกี โด
วันนี้ในโลกดนตรี 25 สิงหาคม 1970: จิมิ เฮนดริกซ์เปิดห้องอัด อิเล็กทริก เลดีแลนด์ สตูดิโอ ในนิว ยอร์คซิตี
ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เฮนดริกซ์ก็เสียชีวิต แต่สตูดิโอยังเดินหน้าต่อ และมีศิลปินดัง ๆ มากมายมาใช้บริการตลอดหลายปีที่ผ่านมา
วันนี้ในโลกดนตรี 25 สิงหาคม 1998: ลอรีน ฮิลล์ หนึ่งในสมาชิกของวง Fugees ออกอัลบัมเดี่ยวชุดแรก ‘The Miseducation of Lauryn Hill’ ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตบิลล์บอร์ด 200 และทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้ถึง 422,624 ก็อปปี สร้างสถิติอัลบัมยอดขายสัปดาห์แรกมากที่สุดสำหรับศิลปินหญิง
งานชุดนี้มีเพลงฮิตถึง 3 เพลง “Doo Wop (That Thing)”, “Ex-Factor” และ “Everything Is Everything” โดย “Doo Wop (That Thing)” ที่เป็นซิงเกิลนำของอัลบัม ขึ้นไปถึงอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ส่วนอีกสองเพลงติดท็อปโฟร์ตี เพื่อโพรโมตอัลบัมชุดนี้ ฮิลล์ไปแสดงในรายการ ‘Saturday Night Live’ และงานประกาศรางวัลเดอะ บิลล์บอร์ด มิวสิก อวอร์ดส์ ก่อนจะออกทัวร์ทั่วโลก ซึ่งขายบัตรได้หมดเกลี้ยงในทุกที่ นอกจากนี้ ‘The Miseducation of Lauryn Hill’ ยังเป็นอัลบัมฮิป-ฮ็อปชุดแรกที่ได้รับรางวัลอัลบัมแห่งปีของแกรมมี
ฮิลล์อายุเพียง 13 ปีเท่านั้น ในตอนที่เธอชนะใจผู้ชมใน ดิ อพอลโล เธียเตอร์ เมื่อปี 1988 ด้วยการร้องเพลง “Who’s Lovin’ You” หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี เธอก็ตั้งวงเดอะ ฟูจีส์ ซึ่งเธอได้เรียนรู้วิธีที่จะนำเสนอบทกวีของเธอผ่านงานแร็ป ด้วยการทำงานแบบจัดเต็มในฐานะนักร้อง, แร็ปเปอร์ และนักแต่งเพลง พรสวรรค์ของฮิลล์ช่วยให้อัลบัม ‘The Score’ ที่ออกมาในปี 1996 ของวง กลายเป็นหนึ่งในอัลบัมขายดีของทศวรรษ ขณะที่เพลงซึ่งเป็นการตีความ “Killing Me Softly” ใหม่ของเธอ ก็เป็นซิงเกิลอันดับ 1 ของปีในอังกฤษ และเป็นหนึ่งในเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดทางสถานีวิทยุของสหรัฐอเมริกา
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เดอะ ฟูจีส์รับมือไม่ทัน ก่อนที่จะแยกทางกันในปี 1997 และสมาชิกทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานเดี่ยวของตัวเอง ฮิลล์เอาทักษะทางดนตรีที่หลากหลายของเธอ ไปใช้ในเพลง “A Rose Is Still a Rose” ของอะรีธา แฟรงคลิน ซึ่งเธอร่วมแต่งและร่วมโปรดิวซ์ ตลอดจนกำกับมิวสิกวิดีโอ โดยแฟรงคลินพูดถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า เป็น “การทำงานร่วมกันของพี่น้องสองสาวที่เปี่ยมไปด้วยพลัง” และเพลงนี้ก็เป็นเพลงไทเทิลสำหรับอัลบัมของเธอ ที่ออกมาในเดือนมีนาคม 1998
ห้าเดือนต่อมา ฮิลล์ก็ออกอัลบัม ‘The Miseducation of Lauryn Hill’ อัลบัมที่นำเสนอเนื้อหาซึ่งก้าวล่วงไปในเรื่องของศีลธรรมและสังคม ด้วยการหยิบเรื่องการเหยียดผิว, การแสวงหาอำนาจ และความละโมบของอุตสาหกรรมดนตรี ที่พยายามบอกกับเธอให้วางความเป็นแม่ลง เพื่อทำงานต่อ มาเล่าในเพลง ซึ่งเซลาห์ ลูกคนที่ 2 ของเธอก็คลอดออกมาหลังอัลบัมวางจำหน่ายได้แค่ 2 เดือน
งานชุดนี้กลายเป็นงานอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา โดยสามารถขายได้ถึง 8 ล้านก็อปปี เข้าชิงและได้รับรางวัลมากมาย โดยเป็นอัลบัมฮิป-ฮ็อปชุดแรกที่ได้รับรางงานแกรมมี สาขาอัลบัมแห่งปี โดยฮิลล์คว้ารางวัลถึง 5 รางวัล ซึ่งมากกว่าที่ศิลปินเดี่ยวหญิงคนไหนเคยทำได้ในปีเดียวกัน
หลังจากนั้นฮิลล์ก็หายหน้าไปจากวงการ ก่อนจะกลับมาในปี 2001 ด้วยการขึ้นเวมีรายการ ‘MTV Unplugged’ ด้วยการแสดงแบบเบา ๆ ที่เป็นการร่วมงานกับเพื่อน ๆ วงฟูจีส์อีกด้วย ชีวิตส่วนใหญ่ของฮิลล์ในทุกวันนี้ ใช้ไปกับการเลี้ยงดูลูก ๆ ซึ่งในปี 2011 เธอมีลูกทั้งหมด 6 คน
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่