เป็นประจำทุกปีที่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐอเมริกา จะออกมาบอกถึงหนังสือ, ภาพยนตร์ทั้งจอใหญ่และจอแก้ว รวมไปถึงผลงานเพลงที่ตัวเองชื่นชอบประจำปีที่เพิ่งจบไป โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ในปี 2015 ที่ยังดำรงตำแหน่งผู้นำของหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก ซึ่งประเดิมด้วยการเผยถึงหนังสือที่ชอบและอยากแนะนำ จากนั้นก็ขยับขยายมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นไฮไลท์สำคัญในแต่ละปีเหมือนกัน
ส่วนใครที่สงสัยว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา – โดนัลด์ ทรัมป์ มีการเผยรายชื่ออะไรทำนองนี้บ้างไหม คำตอบคือ ท่านประธานาธิบดีบอกว่า ท่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็มีการโปรโมทหนังสือที่ชื่นชมการทำงานของตัวเองอยู่บ่อยๆ ผ่านทางทวิตเตอร์ที่ใช้
โดยในปี 2019 อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เลือกหนังสือทั้งที่เป็นนิยายและที่ไม่ใช่นิยายมาแนะนำรวมทั้งหมด 19 เรื่อง โดยเนื้อหานั้นก็หลากหลาย เมื่อมีตั้งแต่หนังสือที่ว่าด้วย ทุนนิยมสอดแนม (surveillance capitalism) รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจตลอดจนสิทธิสตรีและเชื้อชาติในอังกฤษ แล้วก็ผลงานของนักเขียนที่ได้ชื่อว่า ‘เป็นนักเขียนนวนิยายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนแรกของยุคมิลเลนเนียม’
อดีตประธานาธิบดีโอบามาโพสท์ในทวิตเตอร์เมื่อ 29 ธันวาคม 2562 เอาไว้ว่า “เราจบปี 2019 ลงไปแล้ว และผมก็อยากจะแบ่งปันรายชื่อของผลงานโปรด ที่ทำให้ปีที่ผ่านมามีความสดใสมากขึ้นเล็กน้อยกับพวกคุณ เราจะเริ่มกันด้วยหนังสือในวันนี้, ภาพยนตร์และเพลงจะตามมาในเร็ววัน ผมหวังว่าพวกคุณคงเพลิดเพลินกับหนังสือเหล่านี้อย่างมาก เช่นเดียวกับที่ผมรู้สึก”
โดยหนังสือที่ได้ชื่อว่าเป็นไฮไลท์ก็คือ “The Age of Surveillance Capitalism” ของโชชานา ซูบอฟฟ์ ซึ่งเกี่ยวกับสภาวะอันตรายของวิศวกรรมทางสังคมและการปรับพฤติกรรมทางสังคม ที่เกิดขึ้นภายในสภาพของทุนนิยมสอดแนมยุคใหม่ที่น่าขยะแขยง, นวนิยายของแซลลี รูนีย์ “Normal People” ซึ่งกำลังจะเป็นซีรีส์ความยาว 12 ตอนให้ได้ชมกันทางช่องฮูลู, “Solitary” ที่บอกเล่าเรื่องราวจริงๆ ของอัลเบิร์ท วูดฟ็อกซ์ ที่ถูกขังเดี่ยวยาวนานกว่า 40 ปี จากอาชญากรรมที่เขาไม่ได้ก่อ จากการเขียนของเจ้าตัวเอง และนี่คือหนังสือ 19 เล่มที่โอบามาแนะนำ
“The Yellow House” โดยซาราห์ เอ็ม. บรูม ซึ่งเคซีย์ เซ็ป นักเขียนของเดอะ นิวยอร์เคอร์บอกว่า “เป็นบันทึกความทรงจำที่สวยงาม และนำเสนอภาพที่มีค่าและซับซ้อนของเมืองนิว ออร์ลีนส์ให้ได้รับรู้”
“The Age of Surveillance Capitalism: The Fight for a Human Future at the New Frontier of Power” โดยโชชานะ ซูบอฟฟ์ Shoshana Zuboff
“The Anarchy: The Relentless Rise of the East India Company” โดยวิลเลียม ดัลรีมเพิล
“Furious Hours: Murder, Fraud, and the Last Trial of Harper Lee” โดยเคซีย์ เซ็ป ซึ่งเป็นการเผยถึงหนังสืออาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงของฮาร์เปอร์ ลีที่สูญหาย
“Girl, Woman, Other” โดย เบอร์นาดีน อีวาริสโต
“The Heartbeat of Wounded Knee: Native America from 1890 to the Present” โดย เดวิด ทรูเออร์
“How to Do Nothing: Resisting the Attention Economy” โดยเจนนี โอเดลล์
“Lost Children Archive” โดยวาเลเรีย ลุยเซลลี
“Lot: Stories” โดยไบรอัน วอชิงตัน
“Normal People” โดย แซลลี รูนีย์
“The Orphan Master’s Son” โดยอดัม จอห์นสัน
“Say Nothing: A True Story of Murder and Memory in Northern Ireland” โดยแพทริค แรดเดน คีเฟ
“Solitary” โดยอัลเบิร์ท วูดฟ็อกซ์
“The Topeka School” โดยเบน เลอร์เนอร์
“Trick Mirror: Reflections on Self-Delusion” โดยเจีย โทเลนทิโน
“Trust Exercise” โดยซูซาน ชอย
“We Live in Water: Stories” โดยเจสส์ วอลเตอร์
นอกจากนี้ยังแนะนำหนังสือพิเศษสำหรับแฟนกีฬาอีกสองเล่มคือ “A Different Way to Win: Dan Rooney’s Story from the Super Bowl to the Rooney Rule” ของจิม รูนีย์ และ “The Sixth Man” ของอังเดร อิกูโอดาลา
วันต่อมา (30 ธันวาคม 2562) โอบามาก็ทวีตรายชื่อภาพยนตร์ทั้งที่ฉายโรง และภาพยนตร์โทรทัศน์ที่เขาชื่นในปี 2019 “ต่อจากนี้เป็นภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่ผมชื่นชอบของปี 2019 แน่นอนว่า มี American Factory ภาพยนตร์ที่เป็นผลงานจากบริษัทสร้างภาพยนตร์ของพวกเรา – ไฮก์เออร์ กราวนด์ ซึ่งล่าสุด (ในตอนนั้น) อยู่ในรายชื่อหนังที่มีสิทธิเข้าชิงออสการ์”
ที่หากไล่เรียงดูรายชื่อภาพยนตร์ที่โอบามาเลือก จะพบว่าเต็มไปด้วยงานในแบบดรามา แต่ก็มีงานสารคดี นอกจาก American Factory แทรกเข้ามาด้วย เช่น Apollo 11 และ Amazing Grace รวมไปถึงภาพยนตร์คอนเสิร์ทการแสดงของอารีธา แฟรงคลินในปี 1972 ที่โบสถ์นิว เทมเพิล มิสชันนารี แบ็พทิสท์ในลอส แองเจลีส
หนัง The Irishman ของมาร์ติน สกอร์เซซีก็อยู่ในรายชื่อ รวมไปถึงงานของเกรตา เกอร์วิก Little Women และหนังเกาหลีใต้ Parasite ของบอง จูน-โฮ นอกจากนี้ยังมีหนังโปรดตามเทศกาลภาพยนตร์ของมาติ ดิย็อป – Atlantics, Ash Is Purest White ของเจีย แชงเค ที่ได้เข้าชิงปาล์มทองคำ, หนังมหากาพย์ว่าด้วยการค้ายาในโคลัมเบีย – Birds of Passage และ หนังประวัติศาสตร์เบอรมัน – Transit
ที่น่าสนใจก็คือปีนี้โอบามาดูจะไม่ค่อยปลื้มงานเบาสมองสักเท่าไหร่ หรือบางทีอาจจะไม่เข้าตานักโดยมีแค่ Booksmart ของโอลิเวีย ไวลด์ กับ The Farewell ลูลู หวังเท่านั้นที่อยู่ในลิสท์ และงานของเควนติน ทารานติโน – Once Upon a Time in Hollywood ก็หายไป โดยหนังเด่นๆ ที่หลุดโผจากรายชื่อของโอบามายังมี Joker ของผู้กำกับท็อดด์ ฟิลลิปส์ และ 1917 หนังสงครามโลกครั้งที่ 1 ของแซม เมนเดส ที่ถ่ายทำในแบบลองเทค ซึ่งทั้งหมดเป็นงานที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีรางวัลในปีนี้
ขณะที่การมาอยู่ในรายชื่อของหนังเยอรมัน Transit ที่ดัดแปลงจากนิยายในยุค 1940s ซึ่งเล่าเรื่องของผู้อพยพที่หวังว่าจะหนีการปกครองของนาซีในฝรั่งเศส มาสู่โลกในยุคปัจจุบันโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงเรื่องราว แล้วก็ Diane หนังอินดีที่เป็นการศึกษาตัวละครที่นำโดย แมรี เคย์ เพลซ ที่รับบทเป็นตัวละครที่กลายเป็นชื่อหนัง ซึ่งพยายามหาทางช่วยเหลือคนอื่นๆ ในขณะที่ตัวเองก็มีการต่อสู้กันภายในจิตใจ
สำหรับรายการโทรทัศน์ โอบามามีงานโปรดเพียงไม่กี่เรื่อง และไม่ต่างไปจากที่บรรดานักวิจารณ์ชื่นชอบ อย่างสามรายการ Fleabag (ปีที่ 2) ของบีบีซี, Unbelievable ของเน็ทฟลิกซ์ และ Watchmen ของเอชบีโอ ที่น่าสนใจก็คือตอนหนึ่งของ Fleabag ตัวละครที่รับบทโดยฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์ ผู้สร้างสรรค์รายการ จะนั่งชมการปราศรัยของอดีตประธานาธิบดีอย่างมีความสุข
และนี่คือรายชื่อหนังและรายการโทรทัศน์โปรดของโอบามาในปี 2019
ภาพยนตร์: “American Factory”, “Amazing Grace”, “Apollo 11”, “Ash is Purest White”, “Atlantics”, “Birds of Passage”, “Booksmart”, “Diane”, “The Farewell”, “Ford v Ferrari”, “The Irishman”, “Just Mercy”, “The Last Black Man in San Francisco”, “Little Women”, “Marriage Story”, “Parasite”, “The Souvenir”, “Transit”
โทรทัศน์: “Fleabag: Season 2”, “Unbelievable”, “Watchmen”
ปิดท้ายกันที่เพลง ซึ่งโอบามาทวีตรายชื่อขึ้นมาในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 “จากฮิพ-ฮ็อพไปถึงคันทรี และเดอะบอสส์ นี่คือบรรดาเพลงของผมในปีนี้” และ “ถ้าคุณกำลังมองหาบางสิ่งที่ทำให้บริษัทของคุณมีแรงขับไปได้ยาวๆ หรือช่วยให้คุณมีกำลังวังชามากขึ้น ผมหวังว่าน่าจะมีสักเพลงหรือสองเพลงในจำนวนนี้ ที่ทำเช่นนั้นได้”
โดยเพลงที่โอบามาเลือกมีทั้งเพลงของบียอนเซ – “Mood 4 Eva”), โรซาเลีย – “Con Altura”, แม็กกี โรเจอร์ส – “Burning” รวมไปถึงเพลงฮิตของลิล นาส เอ็กซ์กับบิลลี เรย์ ไซรัส “Old Town Road” และ “Juice” ของลิซโซ แล้วก็เพลงลึกๆ จากสโนห์ แอเลกรา ศิลปินอาร์แอนด์บีสวีดิช “I Want You Around”, เพลง “Oblivions” ของ The National และเพลงจากนักร้องในทางบลูส์ อเดีย วิคตอเรีย – “Different Kind of Love ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสนิยมการฟังเพลงที่กว้างขวางของโอบามา
และนี่คือรายชื่อเพลงทั้งหมดในปี 2019 ที่โอบามาแนะนำ
“Playing Games” – ซัมเมอร์ วอลเคอร์, “Not” – Big Thief, “Go DJ” – เคย์ทรานาดา ฟีเฌอริง เซอร์, “Juice” – ลิซโซ, “Redesigning Women” – The Highwomen, “Anybody” – เบอร์นา บอย, “Burning” – แม็กกี โรเจอร์ส, “Baila Baila Baila (Remix)” – โอซูนา ฟีเฌอริงแด็ดดี แยงคี/ เจ บัลวิน/ ฟาร์รูโค และ แอนูเอล เอเอ, “Different Kind of Love” – อเดีย วิคตอเรีย, “Change” – มาวิส สเตเพิลส์, “Toast” – คอฟฟี, “Oblivions” – เดอะ เนชันแนล, “Binz” – โซแลงจ์, “Seventeen” – ชารอน ฟาน เอ็ทเทน, “Middle Child” – เจ. โคล, “Jícama” – แองเจลิกา การ์เซีย, “Go” – The Black Keys, “La Vida Es Un Carnaval (Rollo Tomasi Remix)” – แองเจลิคว์ คิดโจ, “Show Me Love” อลิเซีย คีย์ส ฟิเฌอริง มิเกล, “Joke Ting” – Goldlink โกลด์ลิงก์ ฟีเฌอริง อาริ เพ็นสมิธ, “Old Town Road (Remix)” – ลิล นาส เอ็กซ์ ฟีเฌอริง บิลลี เรย์ ไซรัส, “cold/mess” – ปราทีค คูฮัด, “Suge” – ดาเบบี, “Hello Sunshine” – บรูซ สปริงสทีน,, “In My Room” – แฟรงค์ โอเชียน, “Iron Man” – เรมา, “The London” โดย ยัง ธัก ฟิเฌอริง เจ. โคล และเทรวิส สก็อทท์, “Raleighwood Hills” – เลสเดอะจีเนียส ฟีเฌอริง ซอนนี ไมล์ส และแจ็กซ์สัน ฟรี, “Pure Water” – มัสตาร์ด ฟีเฌอริง มิกอส, “3 Nights” – โดมินิค ฟิเค, “The Fact of Love” – โจ เฮนรี, “Con Altura” – โรซาเลีย, “I Want You Around” -สโนห์ แอเลกรา, “On Chill” – เวล ฟีเฌอริง เจเรมิห์, “Mood 4 Eva” – บียอนเซ
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง หนังสือ-หนัง และเพลงโปรดประจำปี 2019 ของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563