
เมื่อ 6 กรกฎาคม 2022 เจมส์ คาน นักแสดงชาวอเมริกันเจ้าของบทซันนี คอร์เลโอเน ใน ‘The Godfather’ เสียชีวิตด้วยวัย 82 ปี ด้วยอาการหัวใจวาย โดยคานเป็นนักแสดงคนสำคัญของฮอลลีวูดตลอดยุค 1970s และมีชีวิตการทำงานที่ยาวนานหลายทศวรรษ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์กับเอ็มมี อย่างละ 1 ครั้ง และลูกโลกทองคำอีกถึง 4 ครั้ง
ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของคาน เขาได้ชื่อว่าเป็นปาร์ตีแมนตัวยง และผ่านชีวิตการแต่งงานถึง 4 หน มีลูกรวมทั้งหมด 5 คน คานเป็นคนนิวยอร์กโดยกำเนิด เขาเกิดที่บรองซ์ในปี 1940 และในตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะเป็นนักอเมริกันฟุตบอล แต่ก็ก้าวเข้าสู่โลกของการแสดงเมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ฮอฟสตรา และที่นี่เอง ที่เขาได้พบกับฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโพลา ผู้กำกับ ‘The Godfather’
หลังรับบทเล็ก ๆ ในงานโทรทัศน์และภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง คานก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 1965 เมื่อได้เล่นหนังของโฮเวิร์ด ฮอว์กส์ ถึงสองเรื่อง ‘Red Line 7000’ และ ‘El Dorado’ แต่ก็เป็นหนังแกงสเตอร์ในปี 1972 ‘The Godfather’ ที่ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นชื่อที่คุ้นหูผู้คนทั่วไป โดยในตอนแรกเขาไปทดสอบบทของไมเคิล คอร์เลโอเน และดูจะถูกอกถูกใจบรรดาผู้บริหารของสตูดิโอมาก ๆ สำหรับการรับบทนี้ แต่ค็อปโพลายืนกรานว่า คนที่จะเล่นเป็นไมเคิล คอร์เลโอนต้องเป็นอัล ปาชิโนเท่านั้น
คานเลยได้เล่นเป็นพี่ชายของไมเคิล – ซันนีแทน และกลายเป็นความลงตัวสุด ๆ ฉากเสียชีวิตของเขาที่ถูกกระสุนกระหน่ำยิงถึงกว่า 140 นัด คืออีกหนึ่งฉากที่น่าจดจำในโลกภาพยนตร์ และคานได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
ช่วงต้นยุค 1980s คานหายหน้าหายตาไปจากสาธารณะอยู่พักใหญ่ เนื่องจากสาเหตุที่เจ้าตัวบอกเองว่า เป็น “ช่วงของการหวาดกลัว” อันเป็นผลจากการใช้ยาและการเสียชีวิตของน้องสาว ก่อนที่จะกลับมามอบการแสดงชั้นดีให้กับผู้ชมอีกครั้งในหนังอย่าง ‘Elf’ และ ‘Misery’ รวมถึงการให้เสียงในแอนิเมชันเมื่อปี 2009 ‘Cloudy with a Chance of Meatballs’
นอกจากงานในฮอลลีวูด คานยังเชี่ยวชาญในศิลปะป้องกันตัวจากการฝึกคาราเต้ โดยชีวิตในช่วงท้าย คานเป็นเซียนทวีตคนสำคัญ มีผู้ติดตามมากมายและมักจะปิดท้ายการโพสต์ด้วยคำว่า “จบการทวีต” (End of tweet)
และทวีตสุดท้ายของเขาก็คือการบอกว่า “เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างที่สุด เราขอแจ้งให้ทุกคนทราบถึงการจากไปของจิมมี เมื่อค่ำวันที่ 6 กรกฎาคม… จบการทวีต”
ที่หลังจากนี้ คงมีแต่ผลงานดี ๆ ให้นึกถึงตลอดไป
และนี่คือ 10 หนังที่คานมอบการแสดงที่น่าจดจำเอาไว้
El Dorado (1967)
คานอายุ 27 ปีในตอนที่รับบทเป็นนักพนันมือขว้างมีดชาวมิสซิสซิปปีในหนังตะวันตกของโฮเวิร์ด ฮอว์กเรื่องนี้ และเขาก็ทำได้ดีมาก ๆ กับการประกบนักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง จอห์น เวย์น และโรเบิร์ต มิตชัม แม้จะต้องสวมรองเท้าที่เสริมส้นเพื่อให้เขาสูงขึ้นอีกถึง 3 นิ้ว
Brian’s Song (1971)
ในตอนแรก คานลังเลที่จะรับบทในหนังโทรทัศน์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของไบรอัน พิกโคโล นักอเมริกันฟุตบอลของทีมชิคาโก แบร์ส ที่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายในวัยแค่ 26 ปี แต่เมื่อตัดสินใจเล่น มันก็กลายเป็นหนึ่งในการแสดงที่เยี่ยมยอดของคาน และทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลเอ็มมี ร่วมกับบีลลี ดี วิลเลียมส์ นักแสดงร่วมจอ
The Godfather (1972)
บทซานติโน “ซันนี” คอร์เลโอนของคานอาจจะปรากฏตัวในเรื่องไม่นานนัก แต่การแสดงที่เขามอบให้กับหนังที่เล่าเรื่องของครอบครัวอาชญากรรมของฟรานซิส ฟอร์ด ค็อปโพลาเรื่องนี้ ก็ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกและครั้งเดียว อีกสองปีต่อมา คานกลับมารับบทนี้อีกครั้งในฉากย้อนอดีตของหนัง ‘The Godfather: Part II’ ช่วงท้ายเรื่อง
The Gambler (1974)
ตัวคานมองว่าบทในหนังดรามาเรื่องนี้ ที่เขารับบทศาสตราจารย์ในสาขาวรรณกรรม ซึ่งต้องต่อสู้กับการติดการพนันของตัวเองเป็นหนึ่งในบทที่เขาชอบมากที่สุด ถึงแม้ว่าระหว่างการทำงาน คานน์ต้องมีปากเสียงกับผู้กำกับคาเรล ไรสซ์ ก็ตาม โดยตัวหนังมีที่มาแบบหลวม ๆ จากนวนิยายสั้น ๆ ของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี ในปี 1866 และมีการนำมาทำใหม่ในปี 2014 โดยมาร์ก วอห์ลเบิร์กรับบทนำ
Funny Lady (1975)
คานประกบกับบาร์บรา สไตรแซนด์ ด้วยการเล่นเป็น บิลลี โรส ผู้จัดการแสดงและสามีคนที่สามของนักแสดงหญิงแฟนนี ไบรซ์ ของสไตรแซนด์ ในหนังเพลงที่เป็นภาคต่อของ ‘Funny Girl’ เมื่อปี 1968 ซึ่งทำให้คานได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้เขาได้แผ่นเสียงทองคำจากยอดขายซาวนด์แทร็คที่เขาเป็นหนึ่งในเจ้าของเสียงร้อง
Rollerball (1975)
คานที่เคยเป็นนักกีฬาสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมิิชิแกน รับบทที่คุ้นมือเป็นอย่างดีในหนังเรื่องนี้ ด้วยการเล่นเป็น โจนาธาน อี ในหนังระทึกขวัญ โลกอนาคตของผู้กำกับนอร์แมน จิวิสัน ซึ่งเกมกีฬากลายเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายให้กับผู้คน ในปี 2002 หนังถูกนำมาทำใหม่โดยผู้กำกับจอห์น แม็กเทียร์แนน และคริส ไคลน์รับบทนำ
A Bridge Too Far (1977)
ในหนังมหากาพย์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ของริชาร์ด แอ็ทเทนเบอเรอห์ะเรื่องนี้ บทของคานเป็นบทเล็ก ๆ จ่า เอ็ดดี โดฮัน ทหารอเมริกันที่ไม่ยอมทิ้งเพื่อนให้ตายต่อหน้าต่อตา ถึงแม้จะต้องทำให้จ่อปืนใส่แพทย์สนามที่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็ตาม ซึ่งเขาก็สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองได้สำเร็จ
Misery (1990)
หนังที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟน คิง และแคธี เบตส์คว้ารางวัลออสการ์ แต่บทนักเขียนนิยาย – พอล เชลดอน ที่นอนแบ่บอยู่บนเตียงของคาน โดยถูกแฟนหมายเลข 1 ของเขาจับตัวไว้ คือบทที่สร้างอารมณ์ความรู้สึกให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี
Mickey Blue Eyes (1999)
เครดิตใน ‘The Godfather’ ที่คานรับบทเป็นหนึ่งในคอร์เลโอเน ทำให้เขาคือนักแสดงที่เหมาะกับบทแฟรงก์ วิทาเล มาเฟียนิวยอร์ก ที่ไม่โอเคเท่าไหร่กับที่ลูกสาว (จีน ทรีปเปิลฮอร์น เล่น) ไปหมั้นกับนักขายสินค้าประมูลชาวอังกฤษ ที่ฮิวจ์ แกรนต์ รับบท “เราเข้ากันได้ดี” แกรนต์พูดถึงคาน “ทฤษฏีของผมคือเขาค่อย ๆ รักผมมากขึ้นเรื่อย ๆ”
Elf (2003)
คนดูรุ่นใหม่ให้การต้อนรับคานอย่างอบอุ่น เมื่อเขารับบทพ่อของวิลล์ เฟอร์เรลล์ ในหนังเบาสมองประจำเทศกาลว่าด้วยชายคนหนึ่งที่โตมาในขั้วโลกเหนือ แล้วเดินทางมานิวยอร์กเพื่อตามหาพ่อในสายเลือดของตัวเอง ในหนังแฟนตาซีของจอน แฟฟโรเรื่องนี้ คานยังได้ร่วมงานกับเอ็ด แอสเนอร์ ซึ่งเขาเล่น ‘El Dorado’ ด้วยกันเมื่อ 36 ปีก่อนด้วย
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่