Anatomy Of Hell (2004): “จิมมี่” ครองโลก
โดย เกรียนหนัง
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=222735047882829&set=a.113215048834830.20429.112834835539518&type=1&theater
ช่วงนี้ถ้าเกรียนหนังรีวิวหนังช้าก็อย่าว่ากันนะจ๊ะ เพราะเกรียนอยู่ในช่วงที่ชีวิตผกผันอย่างรุนแรง ต้องอัปเปหิตัวเองจากเมืองหลวงมาเป็นเด็ก ตจว. ชั่วคราว แน่นอนล่ะว่าการดูหนังและการรีวิวจึงอาจจะไม่รวดเร็วทันใจเพื่อนๆ เหมือนที่ผ่านมา เกรียนเลยตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเป็นรีวิวหนังเก่าๆ แปลกๆ มาให้อ่านชดเชยแทนแล้วกันจ้า
อยู่ กทม. มาเกือบ 20 ปี ดูหนังมาหลายร้อยเรื่อง (หรืออาจจะเป็นพัน) พอย้ายตัวเองจากมาแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะนั่งไล่ทบทวนว่าการดูหนังครั้งไหนที่อยู่ในความทรงจำมากที่สุด และคำตอบก็คือการดูหนังเรื่องนี้นี่เอง Anatomy Of Hell
ความจริงมันไม่ใช่หนังที่เกรียนชื่นชอบเท่าไหร่นัก และมันก็ไม่ใช่หนังที่ดีเด่อะไรมากมาย แต่มันเป็นหนังที่ให้ประสบการการณ์ในการดูที่แปลกประหลาดที่สุดเรื่องหนึ่ง Anatomy Of Hell ถูกนำมาฉายในเทศกาลบางกอกฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลเมื่อหลายปีก่อน ฉายแค่ 2 รอบ อานิสงฆ์ความแรง และเสียงเล่าลือ ทำให้รอบ 2 คนแน่นเอี๊ยด จนบางส่วนต้องลงไปนั่งดูที่พื้นตามทางเดินก็มี
และก็ถือว่าเป็นโชคดีของเกรียนหนังที่จองตั๋วแต่เนิ่นๆ เลยได้ที่นั่งแถวหลัง ใครตี๋ตั๋วมาแล้วในดูเรื่องนี้ในระยะประชิดจอจากที่นั่งแถวหน้าๆ บอกได้คำเดียวว่ามีอยู่ 2 อย่าง คือถ้าไม่สยองลูกกะตาจนหลอน ก็อาจจะฟินจนเลือดกำเดาแตกไปเลย
ถ้าเรานับกันว่าการถ่ายให้เห็นสรีระเปลือยเปล่าของนักแสดงบนจอ คือ สิ่งที่เรียกว่า “โป๊” หนังเรื่องนี้ก็คือหนังที่โป๊ที่สุดเท่าที่เคยดูมาในชีวิตการเป็นนักดูหนังของเกรียน
ขนาดไหนหน่ะหรือ ขนาดที่ว่าเห็นหมดทุกรูขุมขน ชนิดที่หนังเอวียังลังเลที่จะถ่าย ตลอดการรับชม Anatomy Of Hell คนดูจึงได้ออกอาการเหวอซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นบนจอใหญ่ ยิ่งพอบวกเข้ากับความหมิ่นเหม่ของเนื้อหาที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจแล้ว นี่จึงเป็นประสบการณ์ในการดูหนังในโรงที่ยากจะลืมเลือน
หนังเปิดฉากด้วยตัวละครหญิงสาวที่พยายามฆ่าตัวตายจากความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาเป็นเพศหญิง แต่หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากเกย์หนุ่มใหญ่คนหนึ่ง เธอจึงพยายามจะทดสอบบางสิ่งบางอย่างของเพศหญิงด้วยการว่าจ้างเกย์คนที่ว่านี้ให้ไปนั่งจ้องมองเธอแก้ผ้า เป็นเวลา 4 คืน
และในจำนวน 4 คืนของคนทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยการทดสอบสุดพิลึกที่ทวีความพิสดารมากขึ้นตามจำนวนวัน ส่วนใหญ่มักจะวนเวียนอยู่กับการโชว์ศักยภาพของอวัยวะเพศของฝ่ายหญิงแทบทั้งสิ้น ทั้งโชว์สัดส่วนรูปทรงในมุมแปลกๆ ทั้งถูกใช้เป็นที่เก็บของสารพัดสารพัน หนึ่งในนั้นก็คือ ด้ามจอบ (หรืออาจจะคราด ก็ไม่แน่ พอดีไม่ทันสังเกตุ เพราะเกรียนมัวแต่ตกตะลึง) โดยมีฉากที่ทำให้คนดูพะอืดพะอมจนต้องร้อง “อี๋” ดังขึ้นพร้อมกันทั้งโรงก็คือฉากดื่มเลือดประจำเดือน!
แต่ที่สร้างความอึดอัดปนฮาให้กับเกรียนมากที่สุด คือ บรรดาฉากที่เป็นการถ่ายอวัยวะเพศผู้หญิงในมุมโคลส-อัพแบบใกล้ๆ ดิบๆ ใหญ่ๆ มาเต็มมาชัดทุกอณู และบ่อยครั้งก็เป็นการแช่ภาพทิ้งไว้นานๆ จนดูเหมือนอวัยวะส่วนนั้นของผู้หญิงมันหายใจได้ และมีชีวิตเป็นเอกเทศของมันเอง
เกรียนซึ่งนั่งดูจากข้างหลังต้องกลั้นหัวเราะจนหน้าดำ อายจนหน้าแดงทุกที พอมีฉากอย่างที่ว่านี้โผล่มา เพราะภาพที่เห็นก็คือเหมือนน้องจิมมี่ขนาดยักษ์กำลังจะโผล่จากจอมาเขมือบหัวพวกคนดูที่นั่งดูแถวหน้ายังไงยังงั้น 55
นักดูหนังบางคนยกย่องหนังเรื่องนี้เสียเลิศเลอ แต่เกรียนว่าจริงๆ มันก็ไม่เลิศเท่าไหร่นะ โดยเฉพาะแนวคิดหลักในหนังที่เป็นเนื้อหเชิงเฟมินิสต์ บูชาเพศแม่แบบสุดขั้ว และหยามเหยียดเพศพ่อแบบสุดขีด เกรียนดูแล้วรู้สึกว่าคนทำหนังเรื่องนี้ช่างเป็นคนมองโลกด้วยสายตาขี้ประชดประชัน และคับแคบมากเกินไปจนไร้เหตุผลในบางจุด
มันก็ถูกอยู่เหมือนกันที่ว่าโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน คือโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และวางอำนาจอยู่เหนือเพศหญิง แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายจนทำให้โลกนี้ไม่น่าอยู่อย่างที่หนังพยายามแสดงออกแบบเว่อๆ และก็ไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้แบบ 100% เพราะบ่อยครั้งพลานุภาพ และเสน่ห์มารยาของเพศหญิงก็มีอิทธิพลเหนือเพศชาย (ซึ่งตัวหนังเองก็บอกอยู่)
นอกจากประเด็นเพศชาย-หญิงแล้ว หนังยังทำเท่เลยเถิดไปถึงการพาตัวเองไปผูกเข้ากับประเด็นเกี่ยวกับศาสนาอีกต่างหากในฉากหนึ่ง (ฉากไม้กางเขน) ราวกับจงใจจะย้ำเตือนว่าในโลกที่เพศชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ เป็นผู้วางกฎ แต่จริงๆ แล้วเพศชายบนโลกนี้กลับไม่เคยสำเหนียกเลยด้วยซ้ำว่า ทุกคนล้วนมาจากช่องเล็กๆ ในอวัยวะของเพศหญิงด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่พระเยซู!
คะแนน : ★★★ จ้า
PS. ใครอยากมีประสบการณ์ดูหนังแปลกๆ ลองไปหามาดูจ้า หรือใครที่ได้ดูรอบเดียวกันนี้โปรดยกมือขึ้นแสดงตัว