BLACKKKLANSMAN: เปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในเดือนพฤษภาคม 2561 แล้วก็คว้ารางวัลกรังด์ปรีซ์มาครอง แล้วพอถึงช่วงฤดูรางวัลปลายปี BlacKkKansman ก็เข้าชิงลูกโลกทองคำถึง 4 สาขา ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ หนังเยี่ยมประเภทดรามา ส่วนบรรดารางวัลของสมาคมต่างๆ ก็ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ของงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับยอดเยี่ยมของสมาคมผู้กำกับแห่งสหรัฐอเมริกา, ผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยมของสมาคมผู้อำนวยการสร้างแห่งสหรัฐอเมริกา ขณะที่รางวัลของสมาคมนักแสดง หนังก็เข้าชิงทั้ง ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม, นำชาย, สมทบชาย พอมาถึงออสการ์ BlacKkKlansman ก็ได้เข้าชิงถึง 6 รางวัล ที่ก็มีรางวัลใหญ่ หนังเยี่ยม, ผู้กำกับเยี่ยม, สมทบชาย และบทดัดแปลง
นอกจากนี้ สถาบันภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ยังเลือก BlacKkKlansman ให้เป็นหนึ่งใน 10 หนังเยี่ยมของปี 2018
คำวิจารณ์ก็ไม่ต้องห่วง เมื่อกวาดรางวัล เข้าชิงเป็นว่าเล่นอย่างนี้ หนังได้คะแนน 95% จากบทวิจารณ์ 365 ชิ้นของเว็บมะเขือเน่า ส่วนทางเมตาคริติกให้คะแนนหนัง 83 เต็ม 100 คะแนน จากนักวิจารณ์ 56 คน หันมาดูการสำรวจหน้าโรงของซีนีมาสกอร์ BlacKkKlansman ได้คะแนนเฉลี่ยที่ เอ-ลบ แล้วถ้าลงลึงไปกว่านั้น ทางโพสต์แทร็ครายงานว่า คนดูให้คะแนนหนังในทางบวก 85% และมีถึง 67% ที่แนะนำให้คนอื่นไปดู
ไม่ใช่แค่ไปได้สวยบนเวทีรางวัลหรือรับคำชม หนังยังทำได้ดีในเรื่องของสตุ้งสตางค์ด้วย เมื่อทำเงินไปทั่วโลกถึง 89.1 ล้านเหรียญ โดยใช้ทุนสร้างเพียง 15 ล้านเหรียญเท่านั้น
จะว่าไปแล้วนี่คือการกลับมาอย่างสวยสดงดงามของสไปค์ ลี หลังจากที่งานในช่วงหลังๆ ไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างสักเท่าไหร่
สำหรับเรื่องราวนั้น BlacKkKlansman สร้างมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของรอส สตอลล์เวิร์ธ ซึ่งมีที่มาจากเหตุการณ์จริงในยุค 70 ที่เขาเป็นตำรวจผิวดำคนแรกของสถานีตำรวจโคโลราโด สปริงฟิลด์ โดยในเรื่องเขาต้องทำการสืบคดีการวางแผนก่อความไม่สงบของพวกคูคลักซ์แคลน ร่วมกับฟลิป ซิมเมอร์แมน หลังจากที่สตอลล์เวิร์ธไปสมัครร่วมกลุ่มคูคลักซ์แคลนโดยใช้ชื่อจริง ทำให้ซิมเมอร์แมนต้องปลอมตัวเป็นเขาเพื่อแฝงเข้าไปในกลุ่ม
ประเด็นหลักๆ ของหนังก็คือเรื่องของการเหยียดผิวที่เป็นปัญหาซุกไว้ใต้พรมมานมนานของสังคมอเมริกัน ซึ่งหนังก็แสดงให้เห็นว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาก็คือการนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ในมุมมองของตัวเองที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง จนทำให้ปัญหายังคงไม่สูญหายไปตามกาลเวลา แม้ฉากหน้าจะบอกกันว่า ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ เท่าเทียมกัน ยอมรับความเสมอภาค บลาๆๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ลึกๆ ในความคิดของบางคนก็ยังมีอคติที่เหยียดผิว ชังเชื้อชาติอยู่
จนปัญหานี้กลายเป็นปัญหาที่ปราศจากเวลาหรือว่ายุคสมัย
แม้ประเด็นของหนังจะให้ความรู้สึกจริงจัง, ซีเรียส แต่หนังที่ดูน่าจะหนาหนัก ก็ถูกนำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิงในแบบงานที่ดูบันเทิงได้ จากอารมณ์ขัน ที่ส่วนใหญ่เป็นมุกประเภทคนดำจำต้องด่าคนดำเพื่อหน้าที่ เช่นเดียวกับคนยิวที่ต้องแสร้งรังเกียจคนยิวเพื่อให้งานลุล่วง แล้วที่ฮายิ่งกว่านั้นก็คือ ตัวละครซิมเมอร์แมนที่อดัม ไดรเวอร์เล่น ยังเป็นคนยิว ที่ต้องปลอมตัวเป็นคนดำ ที่ปลอมตัวเป็นคนขาว อีกที ซึ่งไอ้มุกผิดฝาผิดตัวแบบนี้ก็ทำให้หนังมาพร้อมกับรอยยิ้ม
แถมยังเป็นอารมณ์ขันในเชิงเสียดสี ที่แสบๆ คันๆ ไม่น้อยเลยอีกต่างหาก
ขณะที่เรื่องของความเข้มข้น มีลุ้น มีระทึก หนังก็ตอบโจทย์ แม้จะไม่ถึงกับมันส์ระเบิดแบบหนังแอ็คชัน แต่ก็สร้างความน่าตื่นเต้นได้ โดยเฉพาะการหาทางเอาตัวรอดของซิมเมอร์แมนที่ต้องแฝงตัวไปในกลุ่มคูคลักซ์แคลน ที่ทำให้ลุ้นได้ทุกครั้งเมื่อในกลุ่มมีพวกเจ้าหนูจำไมช่างถาม ช่างสงสัย ที่ต้องเอาใจช่วยว่า เขาจะรอดออกไปจากการพบปะกันแต่ละครั้งยังไง
การแสดงของสองตัวหลัก จอห์น เดวิด วอชิงตัน กับอดัม ไดรเวอร์ ก็เข้าคู่เข้าขากันได้เป็นอย่างดี แล้วกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่อยู่รายรอบก็ทำหน้าที่ได้เนี้ยบ ส่งตัวละคร ส่งเรื่องได้เต็มที่
ทำให้เวลาสองชั่วโมงกว่าหมดไปอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญสารต่างๆ ที่หนังต้องการสื่อก็ยังอยู่ครบ และเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฉากสุดท้าย ที่เป็นการนำเอาคลิปเหตุการณ์จริงที่พวกคูคลักซ์แคลนออกมาเดินขบวนกันอีกครั้ง หลังโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการตอกย้ำได้อย่างชัดเจนว่า ปัญหาการเหยียดผิว การเกลียดชังเชื้อชาติที่แตกต่างนั้น ยังไม่หายไปไหน เพียงแต่เป็นเรื่องที่ในช่วงเวลาหนึ่ง ยุคสมัยหนึ่ง อาจจะถูกเก็บเอาไว้เท่านั้นเอง
BlacKkKlansman ไม่ได้เข้าฉายบ้านเรานะครับ แต่ก็สามารถหาชมกันได้ทางไอทูนส์ สโตร์ ทั้งในแบบซื้อและเช่า คุณภาพก็ตามมาตรฐานไอทูนส์ สโตร์ ภาพคมชัด อัตราส่วนภาพเป็นจอกว้างมาก 2.40:1 ไม่มีเสียงไทย แต่มีบรรยายไทยมาให้
ส่วนเนื้อหาพิเศษหรือไอทูนส์ สโตร์ก็ให้มา แต่มีแค่สองเรื่องคือ A Spike Lee Joint กับ BlacKkKlansman Extended Trailer
เรื่องแรกเป็นสารคดีสั้น ที่จอร์แดน พีล ผู้อำนวยการสร้างของหนัง (และผู้กำกับ Get Out) รวมไปถึงรอน สตอลล์เวิร์ธตัวจริง และนักแสดง ตลอดจนทีมงาน มาพูดถึงการทำงานร่วมกับสไปค์ ลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนานคนหนึ่งของวงการ ที่รอน สตอลล์เวิร์ธถึงกับบอกว่า “ใครจะอารมณ์เสีย ถ้าได้สไปค์ ลีมากำกับหนังชีวิตของเรา” ส่วนลอรา แฮร์ริเออร์ นักแสดงนำหญิงของเรื่องก็เผยว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าจะไปออดิชันเรื่องอะไร แต่พอรู้ว่าเป็นสไปค์ ลีกำกับ ฉันก็มาเลย”
ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของผู้กำกับผิวดำรายนี้เป็นอย่างดี แล้วไม่ใช่แค่เป็นการยกย่องลีแต่เพียงอย่างเดียว ในหลายๆ ความเห็นยังขยับไปถึงเรื่องของเบื้องหลังของหนัง ความเป็นไปในการทำงาน และไม่ต้องกลัวดูไม่รู้เรื่องครับ เพราะมีบรรยายไทยครบ
เนื้อหาพิเศษเรื่องที่สอง แม้จะบอกว่าเป็นตัวอย่างแบบยาวของหนัง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว น่าจะเรียกว่าเป็นการร้อยเรียงภาพจากหนังแล้วใช้เพลง “Mary Don’t You Weep” ของปรินซ์มาประกอบ จนกลายเป็นมิวสิค วิดีโอมากกว่า
จะว่าไปแล้วเนื้อหาพิเศษ หรือไอทูนส์ สโตร์ที่ให้มานั้น ออกจะน้อยไปนิด เพราะดูจากตัวหนังแล้ว น่าจะมีอะไรมาให้เล่นเพิ่มเติมได้อีกสารพัด แต่ถึงกระนั้น กับแค่คุณภาพและความบันเทิงที่หนังมีให้ ก็สมควรจัดการหามาไว้ในครอบครองอยู่ดี
รายละเอียดภาพยนตร์
ผู้กำกับ: สไปค์ ลี ผู้เขียนบท: ชาร์ลี วอชเทล, เดวิด ราบิโนวิทซ์, เควิน วิลล์ม็อตต์, สไปค์ ลี จากเรื่อง Black Klansman ของรอน สตอลล์เวิร์ธ นำแสดง: จอห์น เดวิด วอชิงตัน, อดัม ไดรเวอร์, ลอรา แฮร์ริเออร์, โทเฟอร์ เกรซ ดนตรีประกอบ: เทอเรนซ์ แบลนชาร์ด กำกับภาพ: ชายเซ เออร์วิน ตัดต่อ: แบร์รั อเล็กซานเดอร์ บราวน์ จัดจำหน่าย: โฟกัส ฟีเจอร์ส ฉาย: 10 สิงหาคม 2018 (สหรัฐอเมริกา) ความยาว: 135 นาที เสียงต้นฉบับ: ภาษาอังกฤษ รูปแบบ: ไฟล์ดิจิตอล ไอทูนส์ สโตร์ เนื้อหาพิเศษ: 1. A Spike Lee Joint 2. BlacKkKlansman Extended Trailer
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง BLACKKKLANSMAN คอลัมน์ แกะกล่องหนังแผ่น เอนเตอร์เทน 1273 ปักษ์แรก กุมภาพันธ์ 2562