Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว – FREE SOLO – ปีนเดี่ยวอิสระ หนังสารคดีรางวัลออสการ์ เรื่องของคนกล้า -ท้า- ฝัน

FREE SOLO: อเล็กซ์ ฮอนโนลด์ เป็นนักปีนหรือไต่หน้าผาแบบฟรีโซโล (ปีนโดยลำพังและปราศจากอุปกรณ์) ชาวอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของสถิติมากมายในเส้นทางชีวิตของตัวเอง อย่าง เป็นคนที่ไต่ขึ้นสามยอดเขาของอุทยานแห่งชาติโยเชมิที เมานท์ วัตกินส์, เดอะ โนส และทางตะวันตกเฉียงเหนือของฮาล์ฟโดม ต่อกันในเวลาที่เร็วที่สุด 18 ชั่วโมง 50 นาที

 

แต่ที่ถือว่าเป็นที่สุดของฮอนโนลด์ก็คงไม่พ้นการปีนเดี่ยวอิสระ หน้าผาเอล แคปิตัน ของโยเซมิที ที่สูงถึง 3,000 ฟุต ซึ่งเขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำได้ แล้วเรื่องราวในครั้งนี้ก็กลายมาเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ Free Solo ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการไล่ตามความฝัน ส่วนตัวภาพยนตร์ก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้เจ้าของเรื่องราวบนจอ เมื่อสามารถคว้ารางวัลหนังสารคดียอดเยี่ยมจากเวทีสำคัญๆ อย่าง บาฟตาของสหราชอาณาจักร และออสการ์ มาได้

เรื่องราวหลักที่เป็นแกนของหนัง ก็คือความพยายามทำตามความฝันของฮอนโนลด์ เพื่อเอาชนะหน้าผาแห่งนี้ ที่ต้องมีการวางแผนแต่ละขั้นแต่ละตอน ทดสอบจนมั่นใจ เพื่อผ่าน 5 จุดทดสอบสำคัญของเอล แคปิตัน ไปถึงยอดของมันให้ได้ ซึ่งเริ่มจาก เดอะ ฟรีบาสท์ สแล็บ (the Freeblast Slab), ฮอลโลว์ เฟลค (Hollow Flake), มอนสเตอร์ ออฟวิดธ์ (Monster Offwidth), เดอะ โบลเดอร์ พรอเบลม (หรือเดอะ ครักซ์) และดิ เอ็นดูโร คอร์เนอร์ (the Enduro Corner)

ถ้าเขาทำได้ เขาก็จะกลายเป็นนักปีนเดี่ยวอิสระคนแรก ที่เอาชนะเอล แคปิตันได้สำเร็จ

หนังแสดงให้เห็นการทำงานของฮอนโนลด์ ตั้งแต่การเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญครั้งนี้ ที่ไม่ใช่แค่เตรียมร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุดแล้วก็ปีน แต่ต้องมีการปีนสำรวจเส้นทางโดยใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ ซึ่งนำไปสู่การวางแผนเดี่ยวว่าจุดโน้น-นี้-นั้น ต้องทำอย่างไร? แบบไหน? ถึงจะเอาชนะอุปสรรคที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้

แค่การสำรวจเส้นทาง ที่ฮอนโนลด์ปีนขึ้นไปกับเพื่อนนักปีนเขาประสบการณ์สูง มีอุปกรณ์ช่วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเชือก, สายรั้ง, รอก ก็ยังมีพลาดพลั้ง จนกลายเป็นความวิตกลึกๆ ในใจของเขาไปพร้อมๆ กัน

งานนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายต้องได้ แต่ใจของฮอนโนลด์เองก็ต้องถึง!!!

หลายๆ คนคงรับรู้ถึงบทสรุปของเรื่องราวกันเรียบร้อย ตั้งแต่เดินไปซื้อตั๋วเข้าชม แต่ด้วยความสามารถของคนทำหนัง ซึ่งจากผลลัพธ์ที่ออกมานั้น สามารถเรียกได้เลยว่า ไม่ใช่เป็นแค่นักเล่าเรื่องที่ ‘ดี’ แต่ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ ‘เก่ง’ ทำให้เรื่องราวที่รู้ผลลัพธ์เรื่องนี้ มีความน่าตื่นเต้น ลุ้นระทึก รู้สึกเสียใจ ดีใจไปด้วยได้ ชนิดที่หลายๆ คนอาจจะถึงกับนั่งหลังไม่ติดพนัก หรือหนักถึงขั้นเอามือจิกเบาะเลยด้วยซ้ำ เมื่อหนังสามารถดึงผู้ชมให้เข้ามามีส่วนร่วมกับภารกิจในครั้งนี้ของฮอนโนลด์ ในฐานะของผู้อยู่ร่วมเหตุการณ์ ทั้งจากภาพที่ทำให้รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับเขา และด้วยความเป็นภาพจากเหตุการณ์ ‘จริง’ ก็ทำให้พร้อมจะเชื่อและรับรู้เรื่องราวที่ถูกเล่า ที่มีการนำเสนออย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีเนื้อหา มีความขัดแย้ง มีหักมุม มีอารมณ์ไม่ต่างไปจากหนัง Features Film ทั้งหลาย มีการสร้าง-นำความรู้สึกที่ดึงคนดู ‘อิน’ ไปกับหนัง ด้วยมุมกล้อง การตัดต่อ โดยเฉพาะดนตรีประกอบ ที่ในช่วงท้ายๆ พาอารมณ์ผู้ชม ‘ปีน’ ไปกับความสูงที่เพิ่มมากขึ้นแต่ละฟุตๆ ที่ฮอนโนลด์ทำได้ จนอาจทำให้ลืมหายใจ และพอเรื่องเดินทางมาถึงบทสรุป หลายๆ คนคงระเบิดความรู้สึกออกมาพร้อมๆ กับภาพบนจอ ก่อนที่จะนั่งจมอยู่กับเก้าอี้ให้สายตารับรู้อักษรในเครดิทท้ายเรื่องไปจนถึงตัวสุดท้าย

ผลลัพธ์ที่เป็นไปของ Free Solo ไม่ได้แค่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอเล็กซ์ ฮอนโนลด์ ไม่ได้แค่แสดงให้เห็นความสำเร็จที่เขาทำได้ แต่ยังแสดงให้เห็นความสามารถของผู้กำกับ จิมมี ชิน และเอลิซาเบ็ธ ชัย วาซาร์เฮลยี

และที่สำคัญที่สุด ยังแสดงให้เห็นถึง ‘พลัง’ ทั้งจากการเล่าเรื่อง, จากหนัง และที่สำคัญที่สุดจาก ‘ตัว’ ของฮอนโนลด์เอง

เมื่อหนังไม่ใช่เพียงนำเสนอภาพการปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญของเขาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังพาไปรู้จักกับชีวิตของเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ได้รับรู้หลายๆ แง่มุมในชีวิต ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นอย่างที่เห็น การใช้ชีวิต ตลอดจนชีวิตส่วนตัว รวมไปถึงชีวิตรัก และบอกเล่าถึงสิ่งสำคัญในชีวิตของผู้ชายคนนี้ ที่น่าจะเดากันถูกว่า มีเพียงหนึ่งเดียว การปีนเดี่ยวอิสระ

ซึ่งไม่ต่างไปจากการตอกย้ำถึงความสำคัญ และความยิ่งใหญ่ของภารกิจครั้งนี้ ที่ก็คือการทำความฝันที่อยู่ในใจมานานให้สำเร็จ ซึ่งไม่ใช่ทำกันได้โดยเตรียมการเพียงไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปี แต่จากสิ่งที่เห็น มันเป็นการเตรียมการมาทั้งชีวิต โดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อให้มาถึงวันนี้เพียงวันเดียว โดยไม่รู้ตัวมาก่อนหน้า!!!

ที่ในมุมหนึ่งของหนัง จากสิ่งที่นำเสนอ ไม่ว่าจะเจตนาหรือว่าบังเอิญก็ตาม ก็อดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่า พยายามจะบอกกับผู้ชมว่า Free Solo ไม่ใช่แค่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการปีนหรือไต่เขา แต่กับฮอนโนลด์ มันคืออีกรูปแบบหนึ่งในการใช้ชีวิต ที่เป็นอิสระ ปลดเปลื้องจากทุกสิ่งอย่าง ไม่มีบ้าน มีแฟนแต่ชีวิตคู่ก็ต้องมาทีหลังการทำตามความฝัน กระทั่งการปีนเอล แคปิตันของเขา ก็ลุล่วงไปได้ เมื่อมีเขาเพียงลำพังกับผาหินอันสูงชัน ไม่มีใครที่อยู่ในสายตาให้จับจ้อง

ท้ายที่สุด Free Solo ก็คือ นิยามที่สมบูรณ์แบบของผู้ชายคนนี้ ที่ดูไปดูมาแม้จะมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ แต่สิ่งที่เขาทำ บางทีคงจะมีแค่ซูเปอร์ฮีโรในหนังสือการ์ตูนเท่านั้นที่ทำได้

แถมเรื่องราวของเขา จะว่าไปแล้วก็มีสีสัน มีแง่มุม ที่หยิบมาเล่าได้ ให้เหนือกว่าบรรดาเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโรทั้งหลายด้วยซ้ำ เพราะขนาดรู้ว่าท้ายที่สุด หนังจะจบลงตรงไหน? ยังไง? ผู้ชมก็ยังคงลุ้นกันราวกับไม่รู้อะไร แต่ก็คงต้องให้เครดิทกับทีมงาน ที่สามารถบิลท์อารมณ์ได้อย่างที่เห็น ต่อให้ความจริงที่รู้มาก่อนหน้าจะเหมือนหนังถูกสปอยล์แบบอล่างฉ่างขนาดไหนก็ตามที

แล้วกับภาพสุดท้ายของเอล แคปิตันที่แสนยิ่งใหญ่ ก็ไม่ต่างไปจากการตอกย้ำว่า
ที่สุดแล้วธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่เสมอ และใครที่สามารถผ่านด่านทดสอบของมันได้ ก็สมควรได้รับการยกย่อง

และเรื่องราวของเขาก็เช่นกัน…

ชมการไต่เอล แคปิตัน แบบ 360 องศา ที่นี่

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง FREE SOLO – ปีนเดี่ยวอิสระ หนังสารคดีรางวัลออสการ์ เรื่องของคนกล้า -ท้า- ฝัน คอลัมน์ หรรษาวันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2562

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.