FEATURESMovie Featuresสัมไม่พลาด

เมื่อลูซิลล์ บอลล์ คุยกับเจ้าหญิงไดอะนา เมื่อเจ้าของออสการ์นิโคล คิดแมน คุยกับผู้เข้าชิงปี 2022 คริสเทน สจวร์ต

วาไรตี จับนิโคล คิดแมน ที่หนังใหม่ ‘Being the Ricardos’ เข้าตาเวทีรางวัลสุด ๆ มาคุยกับ คริสเทน สจวร์ต ที่บทเจ้าหญิงไดอะนาของเธอก็เข้าตาเวทีรางวัลไม่แพ้กัน มาคุยกันในคอนเซ็ปต์ Actors on Actors ซึ่งเป็นการพูดคุยกันก่อนหน้าการประกาศชื่อผู้เข้าชิงออสการ์ ที่ปรากฏว่าทั้งคู่ต้องมาเจอกันในสาขานักแสดงนำหญิง มาดูกันว่าสองนักแสดงหญิงมากความสามารถต่างยุค ต่างสมัย คุยอะไรกันบ้าง

งานใหม่ของนิโคล คิดแมนและคริสเทน สจวร์ต ต่างเป็นการรับบทคนในตำนาน สวมบทบาทของคนที่มีตัวตนอยู่จริง ใน ‘Being the Ricardos’ คิดแมนเล่นเป็นลูซิลล์ บอลล์ ทั้งต้องรับตัวละครที่บอลล์เล่นในทีวี ลูซี ริคาร์โด และตัวบอลล์ ที่อยู่ในกองถ่ายของซีรีส์ ‘I Love Lucy’ ซึ่งเป็นบทที่ต้องใช้ความสามารถและความอดทน จนนึกถึงตัวคิดแมน ที่เป็นนักแสดงระดับหัวแถวมานานหลายทศวรรษ และใน ‘Spencer’ สจวร์ตต้องรับบทเจ้าหญิงไดอะนา ในช่วงเวลา 3 วัน ที่สภาพจิตใจไม่มั่นคง เมื่อต้องไปใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาเชื้อพระวงศ์ งานนี้ทำให้ได้เห็นทั้งเสน่ห์และความสามารถของสจวร์ต รวมถึงด้านของนักแสดงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน


นิโคล คิดแมน: “เราเคยเกือบได้ทำงานด้วยกันเมื่อหลายปีก่อนโน้น (ในหนัง ’Panic Room’) ใช่ไหม?”
คริสเทน สจวร์ต: “ตอนนั้นฉัน 10 ขวบเอง”
คิดแมน: “ฉันจำตอนที่เดวิด ฟินเชอร์บอกว่า ‘โอ… พระเจ้าเราค้นพบนักแสดงหญิงที่แสนมหัศจรรย์คนหนึ่ง’ ได้ แล้วจากนั้นฉันก็ได้รับบาดเจ็บและจบตรงที่ไม่ได้เล่นเป็นแม่คุณ”
สจวร์ต: เราได้ซ้อมบทกันอยู่สัก 2 สัปดาห์ ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับคุณชัดมากเลยนะ เพราะวิธีที่คุณปฏิบัติต่อเด็ก ๆ ด้วยการพูดคุย ฉันรู้สึกเป็นเพื่อนกับคุณมากกว่า มันน่าจะกินเวลาสัก 2 หรือ 3 สัปดาห์ แต่ฉันก็รู้สึกเสมอว่า ‘เธอคือเพื่อนคนหนึ่งของฉัน’ คุณให้วิทยุวอลกี-ทอลกีเป็นของขวัญคริสต์มาสกับฉันด้วยนะ”
คิดแมน: “เรื่องนั้น มันผ่านไปเป็นทศวรรษ ๆ แล้วนะ แต่คุณก็น่าทึ่งมาก ๆ ฟินเชอร์พูดถูก ก็อย่างที่เขาทำได้เสมอ ๆ นั่นแหละ ตอนนี้เป็นคำถามที่อยากถามคุณจริง ๆ อะไรที่ทำให้คุณอยากเล่น ‘Spencer’ และการงานของคุณเป็นยังไงบ้างนับตั้งแต่อายุ 10 ขวบ บอกฉันหน่อยซิ คุณบอกว่า ‘ไม่’ สำหรับ ‘Spencer’ ก็ได้นะ แต่ทำไมไม่ทำ?


สวจร์ต: “มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องคิดเยอะเลย เพราะทันทีที่คุณเริ่มหยิบรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นมา การหาเหตุผลที่จะไม่เล่นน่ะง่ายมาก พาโบล ลาร์เรน (ผู้กำกับ ‘Spencer’) เสนอไอเดียของหนังกับฉันว่า เราจะพยายามล่วงรู้ถึงตัวตนในรูปแบบหนึ่งของเธอ (ไดอะนา) ผ่านมุมมองที่เห็นแก่ตัว หรือเป็นวิถีของความปรารถนา แล้วก็จับมาใส่ไว้ในเวลา 3 วัน จากนั้นก็ให้อิสระทางความคิดกับผู้หญิงคนนี้เต็มที่ โดยไม่ต้องพยายาม หรือทำให้มันถูกต้องตามเรื่องจริง
“ซึ่งเขาก็แบบ… ‘โดยพื้นฐานแล้ว คุณไม่ทำพลาดหรอก แล้วก็ไม่ทำให้มันวุ่นวายแน่ ๆ”
คิดแมน: “และเขาก็พูดถูก”
สจวร์ต: ฉันก็รู้สึกว่า ‘ชายคนนี้พูดถูก และเขากำลังพูดกับฉันด้วยคำที่ใช่ เขาบอกว่านี่คือ ไอเดียที่เยี่ยมมาก และเขาเชื่อในตัวฉัน’ ถ้าคุณยังเป็นนักแสดง คุณควรจะเล่นอะไรแบบนี้ หรือไม่ก็หยุดไปเลย


“คุณเองก็โตมากับการได้ดู ลูซิลล์ บอลล์ใช่ไหม? อะไรทำให้คุณรับบทเป็นเธอ?”
คิดแมน: “ฉันรู้จักลูซี และรายการ ‘I Love Lucy’ แต่พอฉันอ่านบท ฉันไม่เคยรู้เรื่องของเธอและการเดินทางของเธอเลย แต่ฉันก็เข้าถึงหลาย ๆ ส่วนของเรื่อง มันเป็นเกมที่พอเล่นแล้วก็ต้องไปต่อ จากนั้นก็เต็มไปด้วยความกลัวที่มันหลั่งไหลเข้ามา และฉันก็… ‘โอ… ไม่ ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย?’ ซึ่งฉันรู้สึกแบบนั้นมาเยอะในชีวิต ต่อจากนั้นก็พาตัวเองผ่านไปให้ได้”
สจวร์ต: “ฉันโตมากับการดู ‘I Love Lucy’ แล้วฉันก็จำเสียงนั้น (เสียงของบอลล์) ได้ โคตรเหลือเชื่อเลยที่ได้ยินออกมาจากปากของคุณ มันเป็นเสียงที่ไม่ได้มาจากการซ้อม เป็นเสียงของมนุษย์คนหนึ่ง”
คิดแมน: “สูบบุหรี่ เธอสูบจัดมาก แต่ฉันไม่ นั่นคือหัวใจสำคัญ ฉันเริ่มสูบบุหรี่ ซึ่งฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรแบบนั้น (พูดถึงการทำเสียงแบบบอลล์ของคิดแมน) จากนั้นฉันก็เลิก หยุดสูบไปเลย”


สจวร์ต: “มันบังเอิญน่ะ คุณกังวลกับการที่ต้องทำตัวสนุกกับมันหรือเปล่า?”
คิดแมน: “ฉันกังวลกับขอบเขตความพยายามที่จะให้เสียงเหมือนเธอมากกว่า มันมีจังหวะสำหรับลูซิลล์ ฉันต้องทำเสียงแบบนั้น และพูดช้า ๆ แล้วมันก็เข้าไปล้างปากฉัน ตัวฉัน สมองฉัน, จิตฉัน ทันใดนั้นเธอ (ลูซิลล์) ก็อยู่ตรงนั้น เธอปรากฏขึ้นมาเลย จากนั้น มันก็ไม่ต้องพยายามอะไรละ การทำงานโดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเป็นความพยายาม คือการเข็นครกขึ้นภูเขา”
สจวร์ต: “เห็นด้วยเลย มันมีช่วงเวลายาว ๆ ที่ฉันไม่ฟังอะไรเลย ฉันพยายามพูดด้วยสำเนียงอังกฤษ แต่มันมีบางอย่างที่… เหมือนคุณไม่ได้เป็นตัวคุณ มาถึงตรงนั้นฉันก็ต้องปล่อยมันไป บางทีสักสัปดาห์หนึ่งก่อนเริ่มถ่ายทำมั้ง เธอ (ไดอะนา) ถึงได้ปรากฏตัวขึ้น และฉันก็เข้าถึงเธอได้เต็ม ๆ เธอกลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง คุณได้ถ่ายทอดตัวตนของเพื่อนออกมาได้อย่างดีที่สุด ฉันโชคดี ที่ฉันทำได้ในชั่วโมงสุดท้าย หรือทำอะไรก็ตามที่ฉันต้องทำสำเร็จ”


คิดแมน: “ใช่ ก็ยอมแพ้แล้วพูดกับตัวเองว่า ‘พระเจ้า… ฉันหวังว่าเธอจะปรากฏตัวนะ’ ฉันได้ดูการให้สัมภาษณ์ของเธอ (ลูซิลล์) แล้วพยายามเรียนรู้ มีอะไรเยอะมากที่ฉัน… ‘นั่นไง ฉันเข้าใจเธอแล้ว ฉันอยู่ในสถานภาพนั้นแล้ว’ มีการเชื่อมโยงระหว่างเธอกับฉันเกิดขึ้น แอรอน (ซอร์กิน) แค่นั่งลงแล้วก็… ‘อือฮึ’ แล้วฉันก็… ‘อ่อ… นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกฉัน’
“แต่ฆาเบียร์ (บาร์เด็ม) กับฉันแค่ซูมด้วยกัน เราซ้อมบทกันผ่านซูม เลยไม่ได้ช่วยกันสักเท่าไหร่ เพราะจะทำให้กันและกันสติแตกไปซะเปล่า ๆ มันไปถึงจุดที่ว่า เราปรึกษากันถึงการทำให้หนังเลื่อนกำหนดออกไป แล้วแอรอนก็บอกว่า ‘ฟังนะ คุณสามารถเล่นได้’ อาชีพของฉันก็แค่นั้นแหละ อย่าไปคิดถึงมันมากเลย”


สจวร์ต: “ไม่มีทางที่จะมองเส้นทางทำงานของคุณแล้วรู้สึกแบบนั้น ฉันเข้าใจเหตุผลนะ แต่มันก็มีบางอารมณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่า ฉันรู้จักคุณ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงนักแสดงสักคน”
คิดแมน: “ฉันยังไม่รู้จักตัวเองเลย เพราะฉะนั้นฉันดีใจนะที่คุณรู้จักฉัน”
สจวร์ต: “มันเป็นนิสัยของฉัน ฉันอาจจะไม่ถูกนะ แต่ฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ คุณเลือกเล่นหนังเจ๋ง ๆ ได้ตลอดเลย เป็นเพราะความคิดที่จะไม่พยายามทำอะไรในสิ่งที่คนคาดหวังหรือปล่า?”
คิดแมน: “ประสบการณ์น่ะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราอยู่และตายไปกับมันในท้ายที่สุด คนที่คุณเลือกจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ฉันชื่นชมในความเป็นมนุษย์นะ ฉันลุ่มหลงในสิ่งที่หมายความถึงการมีชีวิต ฉันหลงใหลในสิ่งที่หมายถึงความตาย ฉันชื่นชอบทุกคำถามในเชิงปรัชญาที่อยู่รายรอบเรา ด้วยเหตุนี้ ฉันเลยมองหาคนทำหนังที่ศึกษาอะไรแบบนั้นเป็นอย่างแรก
“ฉันหาอะไรที่เบา ๆ ทำด้วยนะ ‘Moulin Rouge!’ ไง แต่มันโคตรยากเลย คือฉันอยากเล่นหนังรัก ฉันเลยพยายามทำมันให้ได้ ‘ได้โปรด ให้ฉันได้เล่นหนังรักที่สร้างสรรรค์ ๆ หน่อยเถอะ’”


สจวร์ต: “ฉันดูหนังเรื่องนี้ในโรงกับแม่ ฉันหลงหนังเรื่องนี้มาก จำคำพูดในเพลง ๆ หนึ่งที่ยาวมาก ๆ ได้ทุกคำเลย”
คิดแมน: “เพลง ‘Elephant Love Medley’”
สจวร์ต: “ทุกคำเลย และบางทีก็ยังจำได้อยู่นะ มันเป็นหนังที่สวยงามมาก”
คิดแมน: “ฉันได้ดูคุณใน ‘Twilight’ เราดูกันที่โรงหนังในแนชวิลล์ คุณคิดยังไงกับมัน? คุณดูผ่องมาก คุณเกิดมาพร้อมกับรัศมีบางอย่าง คุณจัดการกับมันได้ยังไง?”
สจวร์ต: “มันสนุกดีนะ ทั้งประสบการณ์ที่คุณมีและประสบการณ์ที่คุณได้จากคนอื่น ๆ ตอนเริ่มเล่น ฉันอายุสัก 17 และเป็นพวกเปิดเผยตัวตนข้างในออกมา ฉันเดินไปรอบ ๆ กองถ่าย เลือดลมสูบฉีดออกมาทั่วร่างกาย คุณอายุเท่าไหร่ ตอนที่เริ่มทำงานแสดง?”
คิดแมน: “14 ฉันยังจำตอนแอนโธนี มินเกห์ลลา บอกว่า ‘คุณเป็นพวกไม่มีผิวหนัง’ ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่คุณพยายามจะอธิบายออกมา ความเปราะบาง, ความเปิดเผย ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตก็เพื่อนำมาใช้ คุณเจออะไรใหญ่โตมากกว่าฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตัวเองผ่านสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาได้”
สจวร์ต: “พอแก่ตัวมากขึ้น มีไหมที่คุณรู้สึกว่าอยากจะปกป้องตัวเอง ผิวหนังของคุณบางลง และมันก็ต้องมองหาโปรเจ็กต์ที่เหมาะสม มองหาเส้นที่แตกต่างเพื่อการเข้าถึงอารมณ์ ฉันเคยทำก็แค่ควบคุมความวิตกกังวล แต่ตอนนี้ฉันพบว่าตัวเองทำงานหนักกว่าตอนที่อายุน้อยกว่านี้ การทำตัวไม่มีผิวหนังใช้ได้กับฉันมาพักหนึ่งละ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องสร้างอะไรขึ้นมาบ้าง แทนที่จะแค่โยนลูกบอลไปในสนาม แล้วก็ทำให้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวถูกเติมเต็ม”


คิดแมน: “คุณเคยกำกับมาแล้วเรื่องหนึ่ง ซึ่งฉันอยากจะถามคุณเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ มีผู้กำกับที่คุณสนใจ แล้วทำไมคุณถึงสนใจพวกเขา?”
สจวร์ต: “มันเริ่มจากงานที่พวกเขาทำ แต่ฉันเป็นคนเปิดกว้างในการทำงานศิลปะกับศิลปิน โดยไม่จำเป็นจะต้องมีห้องสมุดในการทำงานที่ทำให้คุณเชื่อมั่นในตัวเขานะ บางครั้งมันเป็นเรื่องของอุณหภูมิภายในห้อง หรือเรื่องโทนเสียงที่เขาพูด การกระโดดเข้าไปหาคนที่คุณรู้สึกว่าตัวเองสามารถก้าวไปกับเขาได้อย่างสนิทใจเป็นเรื่องที่คุ้มค่า คุณต้องให้โอกาส ต่อให้มันไม่มีอะไรออกมา ฉันก็ต้องลองดู ต้องมองให้เห็นว่ามันคุ้มไหม”
คิดแมน: “ฉันชอบความคิดที่ไม่ต้องติดอยู่กับว่าสิ่งต่าง ๆ จะออกมาเป็นยังไง ตอนฉันเล่นเรื่อง ‘Birth’ กับโจนาธาน เกลเซอร์ ฉันคิดว่า ‘โอ พระเจ้า คนต้องรักเรื่องนี้’ ฉันจำตอนที่อยู่ในเวนิซ แล้วคนก็พากัน ‘ผมไม่เชื่อฉากในอ่างอาบน้ำสักเท่าไหร่’ แต่เขาเป็นผู้กำกับที่เก่ง และมันก็เจอเส้นทางของมันในท้ายที่สุด สิ่งต่าง ๆ ย่อมหาทางของตัวเองเจอ พวกเขามีชีวิตของตัวเอง มีเส้นทางของตัวเอง แล้วกับตอนนี้ ‘หนังมันประสบความสำเร็จหรือเปล่า?’ ฉันเถียงสุดใจขาดดิ้นเลย ฉันยืนยันหัวชนฝา และยืนยันแบบนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ มันคือการเดินทางทางศิลปะที่ยาวนาน”


สจวร์ต: “ฉันสนุกกับการดูหนังที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เวลาคุณดูอะไรที่บ้าๆ บอ ๆ วุ่นวาย เลอะ ๆ เทอะ ๆ ที่มาอยู่รวมกัน ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง”
คิดแมน: “คุณอยากกำกับไหม?”
สจวร์ต: “อยากจะตาย”
คิดแมน: “ว้าว”
สจวร์ต: “ฉันดัดแปลงหนังสือความทรงจำของนักเขียนที่ชื่อ ลิเดีย ยุกนาวิตช์ และเราเพิ่งหาคนมารับบทนำ ซึ่งเป็นบทที่โดดเด่นมาก ๆ ฉันอยู่กับเรื่องนี้ตามลำพังในสภาวะสุญญากาศแบบนี้ มันเป็นเรื่องดีที่ได้ให้บางสิ่งกับใครบางคน เพื่อนคนหนึ่ง หรือคู่หูสักคน แล้วก็บอกว่า ‘ช่วยฉันหน่อย’ ตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่กำลังต้องทำมัน และเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย แต่ฉันน่ะลอยตัวไปแล้ว”
คิดแมน: “คุณไม่กลัวอะไรเลย คุณจะเริ่มเมื่อไหร่?”
สจวร์ต: “มันคืบหน้าไปเรื่อย ๆ ฉันได้คุยกับบางคนที่มีงบไปเมื่อสองวันก่อน และเธอก็ตื่นเต้นกับมัน แต่ฉันอยากให้ออกมาเป็นหนังเล็ก ๆ ฉันคิดว่าออกมาแบบนั้นถึงจะดีที่สุด ฉันกำลังจะโยนผู้หญิงคนนี้ลงไปในน้ำที่เย็นเจี้ยบ ฉันรู้สึกว่ามันน่ากลัว การเชื้อเชิญใครสักคนมาทำงานพิเศษ ๆ นี้ เป็นคำขอที่ยิ่งใหญ่มาก ฉันคิดว่าคุณน่าจะชอบมัน งานเขียนมันมีตัวตน ดุดัน แรง ๆ แบบผู้หญิง ๆ”


คิดแมน: “มีบทให้ฉันไหม? ฉันชอบความคิดในการพาตัวเองไปอยู่ในที่ซึ่งคุณไม่เคยอยู่ และสนับสนุนใครก็ตามที่ขยับขยายตัวเองไปอยู่ในสถานภาพที่ไม่เคยเป็น ฉันไม่ได้ขอให้เลือกฉันไปเล่นนะ แต่มันเป็นวิธีการพูดแบบ ‘การสนับสนุนอยู่ตรงนี้เสมอ นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องทำ’ ในแบบของฉัน แล้วในอีกทางหนึ่ง คุณอยู่ในที่ซึ่งยากจะหาอากาศหายใจ ซึ่งไม่สนุก และไม่ค่อยสร้างสรรค์ เป็นเรื่องอย่าง ‘ฉันทำงานเป็นนักแสดง บอกมาให้ฉันไปไหน และทำอะไร แล้วฉันก็จะทำตามคุณ
“ล่าสุดฉันได้คุยกับผู้กำกับที่ฉันกำลังทำงานด้วย ‘คุณเป็นผู้นำ ฉันเป็นผู้ตาม คุณคือแม่ของฉัน ฉันรู้ว่าตัวเองอายุมากกว่าคุณ แต่คุณต้องทำตัวเป็นพ่อ-แม่’ เพราะฉันไม่สามารถก้าวเข้ามาในกอง แล้วควบคุมทุกอย่างได้ ฉันอยากเข้ามาแล้วก็อยู่ตรงนั้น เปิดกว้าง เตรียมตัว และพร้อมสำหรับคุณ”
สจวร์ต: “มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมสุด ๆ ฉันพนันเลยว่า มันต้องมีองค์ประกอบที่น่าตะลึงจนอ้าปากค้างเกิดขึ้น แล้วคุณก็บอกไป ‘ไมเป็นไร เพื่อน นี่คือหนังของคุณ บอกฉันมาเถอะ’ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คุณทำได้ดี”
คิดแมน: “ความเชื่อมั่นของฉันมันวูบ ๆ วาบๆ คุณก็แค่เล่นไป จนเมื่อมีใครบอกว่า ‘ตามฉันมาทางนี้’ เมื่อนั้นฉันรู้สึกว่าเหมือนได้อยู่บ้าน ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่ควรกำกับ”
สจวร์ต: “จริงเหรอ?”
คิดแมน: “ใช่ มันน่ากลัวจะตาย ฉันไม่ใช่พวกชอบตัดสินใจ ฉันทำงานตั้งแต่ตัวเองยังอายุไม่มาก และฉันก็อยู่ในวงการมาถึงตอนนี้ไม่รู้กี่ทศวรรษ ฉันผูกติดอยู่กับเส้นทางเฉพาะไปแล้ว นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เรื่องที่คุณกำลังทำมันเป็นเรื่องดี เพราะคุณไม่ต้องติดอยู่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง”
สจวร์ต: “แต่การติดอยู่กับอะไรบางอย่างของคุณมันเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่จากการวางแผน หรือตั้งใจนี่ มันง่ายมากที่เลือกเดินตามคุณ แต่มันก็เหมือนแส้ อย่าพยายามตัดสินใจ เรารักที่จะได้ดูคุณ แต่อย่าตัดสินคุณ”

แปลและเรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ใน www.variety.com

เป็นกำลังใจให้ www.facebook.com/Sadaos ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนมาที่ shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนคำขอบคุณให้ผู้สนับสนุนที่โชคดีเป็นประจำทุกเดือน

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
1
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.