คงไม่ต้องอธิบายกันมากถึงชื่อเสียงเรียงนามของไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ของวง Queen เจ้าของผลงานอมตะมากมายในวงการเพลง
แล้วคงไม่ต้องพูดกันเยอะเช่นกันถึงความเป็นมาหรือว่าสิ่งที่จอห์น เล็นน็อน หนึ่งในสมาชิกของวง The Beatles สร้างสรรค์ให้กับวงการเพลง
ที่บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อก็คือในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งวงควีนของเมย์และเดอะ บีเทิลส์ของเล็นน็อนต่างก็เพิ่งมีภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของพวกเขา ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมออกมาให้ชมกัน
เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ไบรอัน เมย์ได้เขียนบทความพิเศษให้กับเว็บไซต์ loudersound.com หรือเว็บไซต์ของนิตยสาร Classic Rock นั่นเอง โดยใช้ชื่อบทความที่เรียบง่าย แต่กินความหมาย และความรู้สึกได้มากมาย ‘Why I love John Lennon’ – ทำไมเราถึงรักจอห์น เล็นน็อน และนี่คือบทความชิ่้นนั้น ที่เอามาเล่าต่อให้อ่านกัน
ตอนเป็นเด็กผมไม่เคยได้รับอนุญาตให้ไปดูคอนเสิร์ทของเดอะ บีเทิลส์ พ่อแม่ผมคิดว่าคอนเสิร์ตป็อปมักจะมีแต่พวกคนประหลาดๆ ไปดูกัน ทำให้ผมไม่เคยได้ชมปรากฏการณ์แห่งศตวรรษที่ 20 แสดงสดกับตา แต่จากช่วงเวลาที่ผมได้ยินเพลง “Love Me Do” จากวิทยุ ผมรู้เลยว่าหนุ่มๆ พวกนี้มีความมหัศจรรย์ พวกเขาส่งเสียงแห่งความสุขและความปราถนาที่ซุกซ่อนอยู่ของผมออกมา ในฐานะของวัยรุ่นที่ต่อสู้ด้วยวิถ๊ของตัวเองเพื่อก้าวไปสู่โลกในยุค ‘60s
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าส่วนผสมของพวกเขาทั้งสี่คนเป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นความมหัศจรรย์แบบหนึ่งในล้าน เป็นวงร็อคที่สมบูรณ์แบบ ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้วงร็อคทุกวง และเขียนกรอบการทำงานที่ไม่ใช่แค่สำหรับดนตรีป็อปขึ้นมาใหม่ แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมทุกอย่างของคนหนุ่ม-คนสาว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่า จอห์น เล็นน็อนคือหัวใจของขุมพลังที่แสนน่าทึ่ง
กับการยืนอยู่เคียงข้างกับอัจฉริยะในเรื่องเมโลดีอย่าง พอล แม็คคาร์ทนีย์, เปลวไฟแห่งจิตวิญญาณที่ลุกโชนของจอร์จ แฮร์ริสัน และริงโก สตาร์ร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นมือกลองที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดในยุคของเขา ตัวตนที่แท้จริงของเล็นน็อนนี่แหละ ที่ทำให้เดอะ บีเทิลส์ก้าวย่างอย่างมั่นคงออกมาจากความซ้ำซาก เพื่อแสดงความคิดสร้างสรรค์ที่แสนล่อแหลมได้อย่างสุดโต่ง
คงไม่มีพื้นที่มากพอที่จะบันทึกถึงงานระดับมาสเตอร์พีซของเล็นน็อน แต่ลองฟังเพลงอย่าง “Tomorrow Never Knows”, “Lucy In The Sky With Diamonds” แล้วก็ “I Am The Walrus” กับ “Strawberry Fields Forever” แล้วลองบอกผมมาซิว่าคุณไม่ถึงกับตะลึงจนอ้าปากค้าง ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรก็ตามที่ถูกสร้างสรรค์เหมือนกับงานเหล่านี้
เล็นน็อน เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มที่ดูจริงใจแต่ไม่ค่อยมีเสน่ห์ ท่าทางบึ้งตึง ไปเป็นชายหนุ่มที่เจ๋งที่สุดในโลก เขาเจ๋งพอที่จะเขียนเพลงป็อปวัยรุ่นที่เยี่ยมที่สุด (ในความคิดของผม…) “I Want To Hold Your Hand”, กล้าที่ยอมรับวัฒนธรรมไซคีดีลิคแล้วทำมันให้มีคุณค่าในทางดนตรี, กล้าที่จะเดินจากเดอะ บีเทิลส์ เมื่อรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเกมตื้นๆ ที่ไม่เขาอยากเล่นอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็ใส่ทุกอย่างที่ตัวเองมีและเป็น เพื่อโปรโมทสันติภาพในงานเดี่ยว สร้างอัลบัมที่กล้าหาญ, เผยความเป็นส่วนตัวออกมามากที่สุด และแทบจะใช้คำว่ายอดเยี่ยมที่สุดได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็มีมีเพลงของพระเจ้าที่แบกรับความรู้สึกเอาไว้ อย่าง “Jealous Guy” และเพลงอมตะเพื่อมวลมนุษยชาติ “Imagine”
เล็นน็อน สำหรับเราทุกคนในโลกหลังการปฏิวัติทางดนตรี (ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น) เคยเป็น, ยังเป็น และจะเป็น ตำนาน อย่างที่เคยเป็นเสมอ… ผมพอแค่นี้นะ
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง เมื่อไบรอัน เมย์ แห่งวง Queen เขียนถึงจอห์น เล็นน็อน คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 12 กันยายน 2562