By Sadaos
นับถึงวันที่ 9 มกราคม 2562 หนังอัตชีวประวัติของวง Queen และเฟร็ดดี เมอร์คิวรี – นักร้องนำและแกนหลักคนสำคัญของวง ก็ทำเงินทั่วโลกไปแล้วถึง 748.3 ล้านเหรียญ แซงหน้า Straight Outta Compton เป็นหนังเพลง อัตชีวประวัติทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปแล้วเรียบร้อย
ส่วนบนเวทีรางวัล Bohemian Rhapsody ก็เดินหน้าไปได้ด้วยดี เมื่อคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – ดรามา จากงานลูกโลกทองคำ ส่วนรามี มาเล็ค ที่รับบทเป็นเมอร์คิวรี ก็ได้รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม และกับรางวัลของสมาคมนักแสดงแห่งอเมริกา หนังก็ได้เข้าชิงรางวัลทีมนักแสดงยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากมาเล็ค ขณะที่รางวัลใหญ่ด้านภาพยนตร์ของอังกฤษ – บาฟตา (BAFTA) Bohemian Rhapsody ก็เข้าชิงถึง 7 สาขา จากนักแสดงนำชาย, หนังอังกฤษยอดเยี่ยม, กำกับภาพ, ตัดต่อ, บันทึกเสียง, ออกแบบเสื้อผ้า และแต่งหน้า-ทำผม ซึ่งคงต้องตามกันต่อว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ หนังจะได้รางวัลนี้กี่รางวัล โดยก่อนหน้านั้นสองสัปดาห์ก็เป็นการประกาศผลรางวัลของสมาคมนักแสดง
และสำหรับออสการ์ คงต้องดูกันว่า ในวันที่ 22 มกราคมหนังจะได้เข้าชิงกี่สาขา เพื่อไปลุ้นกันอีกรอบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันประกาศรางวัล
แต่ถ้าคิดว่าหนังฉบับที่ได้ชมกัน จนกลายเป็นงานที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่อง คือฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ขอบอกว่าคิดผิด เพราะหลังวันประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 22 มกราคม ทางทะเว็นตี เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ จะปล่อยหนังฉบับดิจิตอลออกมา ในบ้านเราวันที่ 30 มกราคม ทางไอทูนส์ สโตร์ส และมีฉากหนึ่งของหนังที่จะได้ชมกันในแบบที่สมบูรณ์กว่าตอนได้เห็นกันในโรงภาพยนตร์
แล้วเป็นฉากไหนล่ะ?
ถ้าเป็นแฟนของควีนก็คงรู้ว่า ไฮไลท์สำคัญของหนัง ที่เป็นการแสดงของควีนในงานคอนเสิร์ตไลฟ์ เอดมีแค่ 13-14 นาทีเท่านั้น ขาดหายไปเกือบๆ สิบนาที ไม่มีเพลง “We Will Rock You” กับ “Crazy Little Thing Called Love” และในที่สุดทั้งสองเพลงที่ว่า และการแสดงแบบทำซ้ำของจริงในวันนั้นของวง ก็จะมีให้ได้ชมกันครบ 22 นาทีในภาพยนตร์ฉบับดิจิตอล ดาวน์โหลด รวมไปถึงแผ่นหนังในฉบับ 4เค อูลตรา เอชดี, บลู-เรย์ และดีวีดี ซึ่งจะวางขายตามมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ (ในบ้านเราอาจจะหลังจากนั้น)
แต่ไม่ได้หมายความการแสดงที่หายไปในวันนั้น จะถูกตัดต่อเพิ่มเข้าไปในหนัง เพื่อให้กลายเป็น Bohemian Rhapsody ฉบับ extended cut เพราะจะถูกนำเสนอแยกออกมาให้ได้ชมกันเป็นเอกเทศในส่วนของเนื้อหาพิเศษหรือ Special Features ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ไม่ทำให้หนังที่มีความยาวถึง 134 นาทีต้องยืดยาวออกไปจนเกินเหตุ
นอกจากจะได้ดูการแสดงในคอนเสิร์ตไลฟ์ เอดของควีนที่ทำใหม่แบบครบๆ ยังมีเนื้อหาพิเศษเรื่องอื่นๆ ให้ได้ชมกันอีก เช่น คลิปของเฟร็ดดี เมอร์คิวรีในคลับต่างๆ ที่นิว ยอร์คช่วงยุค 80, ที่มาของเพลง “Crazy Little Thing Called Love” ซึ่งเฟร็ดดี เมอร์คิวรีได้ไอเดียขณะที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ, ฉากการใช้ชีวิตร่วมกันของเฟร็ดดีและแมรี ที่ยาวกว่าในภาพยนตร์, ที่มาของสัญลักษณ์วง ซึ่งเป็นไอเดียของเฟร็ดดีอีกเช่นกัน, การมาร่วมวงของจอห์น ดีคอน, การแสดงเพลง “’39” เมื่อวงไปทัวร์ญี่ปุ่น, การเตรียมตัวรับบทเฟร็ดดีของรามี มาเล็ค, การวิเคราะห์ภาพและเสียงของเพลงจากวงควีน, การถ่ายทำฉากการแสดงสดในไลฟ์เอด
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็น่าจะถูกใจแฟนๆ ของควีน หรือผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับการถ่ายทำฉากสำคัญที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง รามี มาเล็คเล่าว่า เป็นการถ่ายทำแบบวันเทค หลังจากคิดกันแล้วว่า การถ่ายทำทีละเพลงทำให้การแสดงขาดพลัง ที่สำคัญฉากการแสดงในไลฟ์ เอด ก็คือการถ่ายทำฉากแรกของหนัง ซึ่งเริ่มต้นในเดือนกันยายน 2017 โดยจำลองสนามบินโบวิงดอน ใกล้ๆ กับฮีเมล เฮมป์สตีด ให้เป็นสนามกีฬาเวมบลีย์ในปี 1985 และมีเกร็ก บรูคส์ ผู้ที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของวงควีนให้คำปรึกษา เพื่อสร้างฉากนี้ให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มาเล็คเล่าถึงการถ่ายทำเอาไว้ว่า “ผมเตรียมตัวไว้พร้อมนะ แต่ไม่มีใครที่เตรียมอารมณ์คุณได้หรอกว่ามันจะออกมาเป็นยังไง” มาเล็คเล่า “สิ่งที่ถูกยกย่องว่าเป็นการแสดงที่เยี่ยมยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค กำลังถูกท้าทาย ผมถึงกับบอกตัวเอง… ‘อะไรกันเนี่ย พวกเขาสร้างเวทีขึ้นมา เฮ้… มาเล่นกันเถอะ’” เขาเสริมด้วยว่า “มันถูกวางไว้ว่าเป็นวันซ้อม แต่ทุกคนก็แต่งตัวมาเต็ม ผมเลยสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ การถ่ายฉากลอง ช็อตของซีรีส์ Mr. Robot มันทำให้ผมมีความเชื่อมั่น แล้วก็ช่วยให้ผมสงบลงได้เยอะ มันเป็นเรื่องของการจมน้ำหรือว่ายน้ำ เป็นการทำพิธีล้างบาปด้วยไฟ วันแรกเป็น “Bohemian Rhapsody” วันที่สองก็เป็น “Radio Gaga”… ”
แล้วพอจบการการถ่ายทำทีละเพลง มาเล็คก็เสนอกับเกรแฮม คิง ผู้อำนวยการสร้างว่า น่าจะมีวันถ่ายทำเพิ่ม “เราเอาเครนพร้อมกล้องสามตัวเข้ามา แล้วก็ถ่ายการแสดงทั้งหมดรวดเดียว 22 นาที” เขาบอก “มันกลายเป็นเทคที่ดีที่สุดที่เราถ่ายกัน คุณเดินหน้าไปด้วยอะดรีนาลีนเพียวร์ๆ แค่คิดถึงวันนั้น หัวใจของผมก็เต้นตุ้บๆ คุณรู้สึกได้เลยว่าอะดรีนาลีนที่หลั่งไหลไปตามร่างกายของเมอร์คิวรีต่อหน้าผู้ชมกว่า 75,000 คน มันมากมายขนาดไหน ผมรักการแสดงนะ การได้เข้าถึงอารมณ์ของร็อค สตาร์แบบนี้ มันเหมือนกับการเล่นยาเลยล่ะ”
“เราได้เล่นคอนเสิร์ตรวดเดียวพร้อมๆ กัน” มาเล็คเล่าต่อ “นั่นคือช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าเราทำได้เจ๋งที่สุด คุณต้องเดินทางจากเพลงหนึ่งไปสู่เพลงหนึ่ง เพื่ออะดรีนาลีนจะได้ไหลในแบบที่พวกเขาเป็น เรามีแฟนๆ ของวงควีนอยู่ตรงนั้น เพื่อสร้างคอนเสิร์ตในตำนานให้เกิดขึ้นอีกหน และอะดรีนาลีนก็พลุ่งพล่านในแบบที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน”
“เราศึกษาฟุตเตจกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น เพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทำ” กวิลีม ลี ที่เล่นเป็นไบรอัน เมย์ เผย “ผมจำได้ว่า ทุกครั้งที่ชม เหมือนถูกสะกดจิตด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น โดยเฉพาะความสามารถของเฟร็ดดีที่จัดการคน 7 หมื่นกว่าคนได้อยู่หมัด
“ผมจำเสียงอื้ออึ้งของฟุตเตจขณะชมจากจอคอมพิวเตอร์เล็กๆ ของผมได้ ศึกษา แล้วก็มากองถ่าย เพื่อทำเลียนแบบให้สมบูรณ์ที่สุด การมองไปรอบๆ แล้วเห็นทุกคนในเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม การได้เห็นรายละเอียดทุกอย่างที่มาเป๊ะ มันโคตรเป็นช่วงเวลาเหนือจริงสุดๆ”
“เรากำลังจะได้ชมมันเต็มๆ ในเร็วๆ นี้ และพวกคุณก็เช่นกัน” มาเล็คพูดตบท้าย
ซึ่งเชื่อว่า หลังจากได้เงินได้ทองจากแฟนของวง และคอหนังไปแล้ว Bohemian Rhapsody ฉบับดูในบ้านก็น่าจะได้เงินซ้ำจากคนกลุ่มเดียวกันไปอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง คอนเสิร์ต Live Aid ฉบับเต็มๆ ที่จะได้เห็นกันซะทีในหนัง Bohemian Rhapsody คอลัมน์ หรรษาวันจันทร์ – Happy Monday หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ วันที่ 13 มกราคม 2562
What is your reaction?
