DON’T F**K WITH CATS: HUNTING AN INTERNET KILLER: นอกจากจะมีภาพยนตร์และซีรีส์ให้ได้ชมกันมากมายแล้ว ในห้องสมุดของผู้ให้บริการสตรีมิงเจ้าใหญ่อย่างเน็ทฟลิกซ์ ก็ยังมีความบันเทิงที่แตกต่างให้ได้สัมผัสอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นบันทึกการแสดงสดของศิลปินชื่อดัง, การแสดงเดี่ยวไมโครโฟน และหนังสารคดีที่มีทั้งสารคดีขนาดยาว สารคดีที่เป็นซีรีส์ ซึ่งหลายๆ เรื่องก็คืองานระดับรางวัลเลยทีเดียว
และ Don’t F**k With Cats: Hunting An Internet Killer ก็เป็นซีรีส์สารคดีอีกเรื่องหนึ่งที่นอกจากจะมีให้ชมในเน็ทฟลิกซ์แล้ว ยังเป็นผลงานของเน็ทฟลิกซ์เองอีกด้วย
เรื่องราวว่าด้วยการตามหาคนร้ายที่ฆาตกรรมแมวด้วยวิธีการที่เหี้ยมโหดเมื่อปี 2010 แล้วถ่ายคลิปอัพโหลดขึ้นโซเชียลมีเดีย ของคนกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของดีแอนนา ธอมป์สันเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของคาสิโนแห่งหนึ่งในลาส เวกัส และจอห์น กรีน หนุ่มใหญ่ที่อยู่ในลอส แองเจลีส
พวกเขาสามารถแกะรอยจากสิ่งต่างๆ ในคลิป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดฝุ่น ลายของผ้าปูเตียง จนรู้ว่าฆาตกรโหดในคลิปคือ ลูกา แม็กน็อตตา – เด็กหนุ่มเจ้าของจิตใจที่ผิดมนุษย์มนา ที่ใฝ่ฝันอยากจะมีชื่อเสียงเป็นคนดังในวงการบันเทิง แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน และหลังจากคลิปแรกที่ทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าตามล่าของคนกลุ่มนี้ ลูกาก็ขยับขยายขอบเขตความร้ายกาจของตัวเองออกไป จากแมวก็กลายเป็นสุนัข และคนในท้ายที่สุด พาตัวเองกลายเป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้ำ เมื่อคดีฆาตกรรมของลูกากลายเป็นคดีสะเทือนขวัญที่โด่งดัง เพราะเขาไม่ได้แค่สังหารชีวิตเด็กหนุ่มอนาคต ที่เป็นความหวังของครอบครัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังตัดศพเป็นชิ้นส่วนส่งไปยังที่ทำการของพรรคการเมืองอีกด้วย จนตัวเองต้องหนีหัวซุกหัวซุน และจนมุมในท้ายที่สุด
แม้จะเป็นสารคดี แต่ Don’t F**k With Cats: Hunting An Internet Killer ก็เล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตามไม่แพ้หนังที่สร้างจากเรื่องแต่ง ซึ่งก็ต้องให้เครดิทกับมาร์ค ลิวอิสที่ทั้งเขียนบทและกำกับสารคดีซีรีส์เรื่องนี้ ที่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างมีจังหวะจะโคน เล่นกับอารมณ์ของผู้ชมได้ดี และในขณะเดียวกัน ก็ไม่ทำให้ความสมจริงของเรื่องเสียหาย
โดยเฉพาะการทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัด ขยะแขยง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่ตัวละครทำ แสดงให้เห็นว่า ลิวอิสเป็นนักเล่าเรื่องชั้นดีคนหนึ่ง อย่างน้อยก็ในหนังเรื่องนี้
ที่สำคัญ เขาทำให้ผู้ชมรู้สึกพรั่นพรึงได้โดยไม่ต้องนำเสนอภาพโหดๆ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างจะแจ้ง แต่นำเสนอภาพในแบบที่ทำให้ผู้ชมคิดต่อ ซึ่งกลายเป็นภาพที่ติดอยู่กับจินตนาการอย่างแน่นหนา
หนังแสดงให้เห็นถึงอันตรายและประโยชน์จากอินเตอร์เน็ทอย่างชัดเจน ทั้งการเป็นเวทีสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง โดยไม่สนว่าเป็นในทางบวกหรือลบ เช่นที่แม็กน็อตตาทำ ทั้งการใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการช่วยกันหาตัวผู้กระทำผิดในเรื่องต่างๆ ที่หากมองกันในอีกด้านหนึ่ง มันก็คลับคลากับการล่าแม่มด
แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น การตามล่าหาคนร้ายในบางทีหรือคิดกันอีกมุมหนึ่ง หากคนๆ นั้นเป็นคนอย่างแม็กน็อตตาการที่ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างที่เห็น ก็อาจจะเป็นการกระตุ้นให้เขาทำอะไรที่ร้ายแรงมากขึ้นก็เป็นได้ เพราะจะว่าไปแล้วหากดีแอนนากับเพื่อนๆ เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับการกระทำของแม็กน็อตตา บางทีคนที่อยากดังจนถึงขั้นพยายามสร้างคดีเลียนแบบการฆาตกรรมในหนังที่ตัวเองชอบ อาจจะวางมือไปตั้งแต่ต้นก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้หนังทิ้งท้ายให้ผู้ชมไปคิดต่อเอาเองว่า การกระทำของดีแอนนา, กรีน และพรรคพวกนั้น ที่สุดแล้วคือการกระตุ้นหรือการป้องกัน
ที่บางทีการเลือกจะปิดอินเตอร์เน็ทตั้งแต่แรก ก็น่าจะเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่ต้องรับรู้ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้กระทำความผิดก็หมดโอกาสที่จะกลายเป็นคนดัง หรือกลายเป็นจุดสนใจไปพร้อมๆ กัน
ไม่ต่างไปจากการเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างแมว ที่หากเราทำเฉยกับมันซะ มันก็จะเลิกราหรือไปสาละวนอยู่กับตัวเอง ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรา อย่างที่ชื่อหนังว่าเอาไว้ Don’t F**k With Cats ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1297 ปักษ์แรก กุมภาพันธ์ 2563