Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว – IF ANYTHING HAPPENS I LOVE YOU และ TWO DISTANT STRANGERS สองงานสั้น แต่เรื่องความเป็นมายาว แล้วความเป็นไปไกล ในสังคมอเมริกัน

IF ANYTHING HAPPENS I LOVE YOU ผู้กำกับ: วิลล์ แม็กคอร์แม็ก, ไมเคิล โกเวียร์
TWO DISTANT STRANGERS ผู้กำกับ: ทราวอน ฟรี, มาร์ทิน เดสมอนด์ โร นักแสดง: โจอีย์ แบดแอสส์, แอนดรูว์ โฮเวิร์ด

งานสั้นๆ 2 เรื่องที่ความยาวไม่ได้มากมายอะไร Two Distant Strangers นั้น เป็นหนังคนแสดงที่ความยาวเกินครึ่งชั่วโมงแค่ 2 นาที ส่วน I Anything Happens I Love You ที่เป็นแอนิเมชัน ก็กินเวลาในการชมเพียง 12 นาทีเท่านั้น

แต่ประเด็นที่หนังนำเสนอ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนระยะเวลาในการชมหนังทั้งสองเรื่อง ที่เป็นงานรางวัลออสการ์สาขางานสั้นๆ ยอดเยี่ยม ทั้งคนแสดงและแอนิเมชัน หากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานในสังคมอเมริกัน และฝังรากลึกจนยากจะดึงถอนหรือขุดตัดให้หมดเกลี้ยง จนน่าจะเป็นปัญหาที่มีอยู่ต่อไปอีกหลายๆ ชั่วอายุคน

หนึ่งคือปัญหาเรื่องการครอบครองอาวุธปืน ที่แม้จะเกิดขึ้นทีหลังอีกปัญหาหนึ่ง แต่กลับก่อสร้างความสูญเสีย โศกเศร้า ได้อย่างรุนแรง และเป็นวงกว้างทุกครั้งที่มีเรื่องมีราวเกิดขึ้น อีกหนึ่งคือเรื่องการเหยียดผิว ที่คงอยู่มานาน และดูจะถูกซุกไว้ใต้พรม ซ่อนเอาไว้ภายใต้ฉากหน้าของการเป็นประเทศประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ มีเสียง ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน หากเอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่อย่างที่เห็น ไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอักษรว่าเอาไว้

ในปัญหาที่แตกต่างบนประเทศเดียวกัน หนังทั้งสองเรื่องยังนำเสนอออกมาแตกต่างกัน ไม่ใช่เพราะเป็นงานแอนิเมชันกับหนังคนแสดง แต่โทนและท่าทีในการนำเสนอ ก็ไม่เหมือนกัน

If Anything Happens I Love You เป็นงานในทางเศร้า เล่าเรื่องผ่านงานแอนิเมชันที่เรียบง่าย ในบรรยากาศหม่นๆ โทนภาพเกือบเป็นงานขาว-ดำ เปิดเรื่องราวกับเป็นหนังว่าด้วยคู่แต่งงานที่สถานภาพในการครองคู่ดูง่อนแง่น ก่อนจะค่อยๆ เผยให้เห็นถึงต้นตอที่ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขา ไม่ใช่แค่ดูห่างเหิน หากยังไร้สุขอย่างที่เห็น ผ่านสิ่งละอันพันละน้อย ที่พาย้อนไปถึงลูกสาวของทั้งสองคน ที่วันนี้ไม่มีตัวตนให้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็น ลูกฟุตบอลที่เธอเล่น รอยแตกบนผนังบ้าน เสื้อที่ระลึกจากการไปเที่ยวร่วมกันของพ่อ-แม่-ลูก ซึ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข ไม่ได้อมทุกข์ หมองหม่น เช่นปัจจุบัน

ก่อนที่จะพาไปพบสถานการณ์ชวนช็อก ที่ไม่ยากเลยกับการทำให้รู้สึกสะเทือนใจไปกับตัวละครที่เป็นเพียงภาพลายเส้น รวมถึงเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเมินเฉยเย็นชาต่อกัน ไม่ใช่เพราะความรักล่มสลาย แต่เป็นเพราะความสูญเสียทำให้พวกเขาจมอยู่กับความเจ็บปวด จนลืมไปว่า ยังมี ‘คน’ อื่นอยู่ในชีวิต หรืออาจจะรู้สึกแต่ก็ช้าเกินไปทุกครั้ง จนทุกอย่างเกือบจะสายเกินแก้

และไม่ใช่ทุกครอบครัวที่เจอกับสถานการณ์เดียวกัน จะกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง

วิลล์ แม็กคอร์แม็กกับไมเคิล โกเวียร์ เล่าเรื่องได้อย่างเรียบง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก ทั้งๆ ที่ปราศจากบทพูด มีเพียงเพลงและดนตรีประกอบ ช่วยแสดงอารมณ์ของตัวละคร แล้วก็มีเงาของพวกเขา ที่การแสดงออกต่อกัน ไม่ผิดจากการพูดจา หรือขว้างเหวี่ยงอารมณ์ใส่กัน

หนังจบลงด้วยความหวัง อย่างน้อยก็กับทั้งสองคน ที่แม้วันนี้หรือพรุ่งนี้ บางอย่างที่สูญเสียหรือหายไปจากชีวิตอาจไม่หวนคืน แต่อย่างน้อยพวกเขาทั้งหมดก็เคยมีอดีตร่วมกัน เป็นความสวยงาม และความสุขให้รำลึกถึง ซึ่งน่าจะทำให้คนที่ยังไม่หายไปไหน หันหน้าเข้าหากัน ดูแลกันและกันให้ดีที่สุด

กับ Two Distant Strangers ที่ว่าด้วยเรื่องของการเหยียดผิว หนังมีโทนที่แตกต่างไป เล่าเรื่องด้วยความกระฉับกระเฉง มีอารมณ์ขัน เป็นงานเสียดสี ทำให้มีสีสันจัดจ้านมากกว่า และเรื่องราวที่มีกุญแจสำคัญเป็นเรื่องการเดจาวู อาจทำให้รู้สึกถึงความเป็นงานไซ-ไฟในตัว เมื่อชีวิตตัวละครผิวดำในเรื่อง ต้องวนลูปเหมือนทอม ครูซ ใน Edge of Tomorrow เป็นไป-ตาย แล้วย้อนกลับมาที่จุดหนึ่งในชีวิตเพื่อเริ่มต้นอีก โดยที่เขารับรู้และเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด ด้วยวิธีต่างๆ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ทำยังไง ไปได้ไกลเพียงใด ก็จบลงแบบเดิมๆ ด้วยการกระทำของตำรวจผิวขาว

ที่ไม่ใช่แค่แสดงให้เห็นว่า การเหยียดผิวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตของคนผิวดำ ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แล้วกับความพยายามที่จะพาตัวเองให้รอด ก็คือการตอกย้ำว่า ต่อให้ดิ้นรนยังไง หาทางออกด้วยรูปแบบไหน ก็ใช่ว่าจะหลุดพ้น ทั้งที่สิ่งที่พวกเขาต้องการในชีวิต ไม่ใช่อะไรใหญ่โต ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อย่าง คาร์เทอร์ ตัวละครในเรื่องก็แค่อยากกลับอพาร์ตเมนต์ เพื่อไปให้อาหารสุนัขที่เลี้ยงไว้ หรืออีกหลายๆ คน ก็แค่ออกจากบ้านมาร้านสะดวกซื้อ ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ไม่ได้คิดร้าย หรือจะไปสร้างความวุ่นวาย หรือทำตัวเป็นปัญหา ก็แค่ใช้ชีวิตประจำวัน ที่ไม่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร ซึ่งหนังหยิบรายชื่อพวกเขาและเธอไล่เรียงให้เห็นในตอนท้าย

โดยหนึ่งในนั้นก็คือ จอร์จ ฟลอยด์ ที่หนังย้ำชื่อของเขาให้รับรู้ อย่างน้อยก็สองครั้ง ทั้งในเรื่อง และจากรายชื่อในตอนท้าย

ปัญหาไม่มีวันจบหรือหมดไป ตราบใดที่อีกฝั่งหนึ่งยังมีอคติ ซึ่งไม่ใช่แค่ปิดกั้นโอกาสของมิตรภาพ แต่หลายๆ ครั้งยังปลิดชีวิตของอีกฝ่ายไปในคราวเดียวกัน

ซึ่งจากสิ่งที่คาร์เตอร์ พูดกับหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันเพียงคืนเดียว…

เขาจะหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป ที่ในสายตาผู้ชม ต่อให้เขาจะดิ้นรนยังไง ท้ายที่สุด ถ้าอีกฝ่ายไม่เปิดกว้าง หรือวางอคติลง จุดจบของเขาไม่ควรแตกต่างไปจากเดิม

การเหยียดผิวก็เช่นกัน ต่อให้พยายามแก้ไขกันยกใหญ่ ถ้าเป็นการปรบมือข้างเดียว มันก็ไม่มีทางจบ อาจจะดีขึ้นสักวูบ เช่น ที่ได้เห็นมิตรภาพชั่วครู่ยามของตัวละคร ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นละคร หลอกให้อีกฝ่ายดีใจและตายใจ แล้วสุดท้ายก็เหมือนเดิม

ที่เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาก็หมักมม พอกพูนขึ้นมาเรื่อยๆ ที่สักวันก็ระเบิดขึ้นมาสักที เมื่อมีปัจจัยบางอย่างมาเร่งปฏิกริยา เช่น กรณีของจอร์จ ฟลอยด์

และทำให้หนังที่ดูมีชีวิตชีวา มีอารมณ์ขัน การเล่าเรื่องดูวูบวาบ อย่าง Two Distant Strangers จบลงแบบเหมือนไม่มีหวัง ผิดไปจากงานที่ดูหม่น ให้ความรู้สึกอมทุกข์มาทั้งเรื่อง แบบ If Anything Happens I Love You ซึ่งปิดท้ายได้สวยงาม มองเห็นแสงสว่างมากกว่าในตอนเริ่มต้น แต่จะว่าไป มันก็คือเรื่องเฉพาะตัวบุคคล

หากในภาพรวม…

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเหยียดผิว หรือว่าการครอบครองอาวุธปืนในอเมริกา นอกจากจะมีความเป็นมายาวนาน ทางออกปลายอุโมงค์นั้น ก็อยู่อีกยาวไกลเหลือเกิน เมื่อมองดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นไป

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 32 ฉบับที่ 6 พฤษภาคม 2564

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.