By Sadaos
LA LA LAND: เรื่องราวของหนุ่มสาว ที่เดินทางมาตามหาความฝันในวงการบันเทิง เจอกับอุปสรรคมากมาย ไม่สามารถทำได้ดั่งใจหวัง หลายครั้งล้มเหลว หลายครั้งหกล้ม หากก็ยังพยายามผลักดันตัวเองต่อไป แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ก็มาพบและรักกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน และตามหาฝันของตัวเองต่อ ก่อนที่จะพบว่า…
ทุกความฝันไม่อาจกลายเป็นความจริง แต่ในทุกความจริง ล้วนมีความฝันอยู่ข้างใน
นับจากฉากเปิดเรื่อง ด้วยเพลง Another of the Sun ซึ่งเต็มไปด้วยความสดใส และเนื้อหาไม่ต่างจากการบ่งบอกธีมเรื่องของหนัง คนดูก็ได้รู้จักกับ เซบาสเตียน นักดนตรีแจ๊ซซ์หนุ่ม และมีอา นักแสดงสาว ที่ต่างมีความฝันของตัวเอง อยากประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน
ดูเหมือน La La Land จะเป็นงานด้านสว่าง ดูมีสีสันกว่า Whiplash ที่เปรียบดัง แด่คุณครูที่รัก ฉบับดาร์คๆ โดยเฉพาะเมื่อหนังสานต่อด้วย โทนภาพที่เต็มไปด้วยความสดใส สีของฉากและเสื้อผ้า ที่มาเป็นสีสดๆ แบบแม่สี มีอารมณ์ขัน มีเพลงเพราะๆ แล้วก็เดินหน้าไปด้วยเรื่องโรแมนซ์ ระหว่างนักดนตรีหนุ่มกับนักแสดงสาว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป แดเมียน ชาเซลล์ พาหนังไปอยู่ในที่ทางที่หม่นทึมมากขึ้น องค์ประกอบรอบๆ ตัวละคร ดู ‘จริง’ กว่าช่วงแรกๆ เมื่อเขาและเธอพบว่า ไม่อาจประนีประนอมความจริงกับความฝันได้ง่ายนัก เช่นเดียวกับการหาจุดกึ่งกลางระหว่างเรื่องโรแมนติคกับเรียลิสติค
ที่ท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็ได้รู้จักชีวิต ความรัก ความจริง ความฝัน และพาชีวิตของพวกเขาก้าวเดินต่อไป
ภายใต้ของการเป็นหนังเพลง เป็นหนังโรแมนติค เป็นหนังเบาๆ La La Land คือหนังชีวิตที่แสนเศร้า หม่น ที่มีนัยเสียดสีเย้ยหยันอยู่ในตัว ทำให้หนังดูลึกและมีมิติกว่าหนังเพลงโดยทั่วๆ ไป ทั้งเล่นกับยุคสมัยของดนตรี แนวทางของเพลง ที่มีทั้งการจิกกัดเพลงจากบางยุค การเอาตัวรอดผ่านยุคสมัยที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน อนุรักษ์แต่ไม่มีใครรับ กับปรับแต่งแต่มีคนฟัง อย่างไหนคือการทำดนตรีบางแนวทางอยู่รอด
หนังยังหยอกล้อกับชีวิตของตัวละคร ที่ยามกำลังไต่เต้ามองหาความสำเร็จ ชีวิตแร้นแค้น แต่รอบกายเต็มไปด้วยความฉูดฉาด แต่ในยามที่ชีวิตประสบความสำเร็จ รอบกายกลับทึบทึมกว่าที่เคยเป็น เพลงไม่สดใสเหมือนเก่า ราวกับจะบอกว่า ชีวิตไม่มีทางได้ทุกสิ่งอย่างมาพร้อมๆ กัน ได้อย่างอาจต้องเสียอย่าง ได้หน้าที่การงาน แต่ก็อาจเสียความเป็นตัวของตัวเอง ความล้มเหลวในบางครั้งก็ไม่ใช่จุดจบ เพราะที่สุดแล้ว แสงแดดยามเช้าก็จะปรากฏขึ้นมา อย่างที่เพลงเปิดหนัง Another Day of the Sun ว่าเอาไว้ และความฝันสีสดใส บางทีก็ไม่อาจอยู่ในโลกแห่งความจริงได้
ที่น่าตลกก็คือ ฉาก-เสื้อผ้า-หน้าผม-โปรดัคชันดีไซน์ ใน La La Land แม้จะดูแฟนตาซี ฉูดฉาด หากเนื้อหาที่หนังนำเสนอ กลับมาพร้อมกับความจริงของชีวิต ที่ไม่ได้ดูแฟนตาซีอย่างภาพ ไม่ได้งดงามอย่างที่เห็น และตัวละครก็ไม่ได้อยู่กับความรื่นรมย์อย่างที่น่าจะเป็น รวมไปถึงไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังในยุคนี้ แต่เป็นเหมือนงานยุคเก่า สมัยหนังเพลงเฟื่องฟู ระบบสตูดิโอแข็งแรง
ซึ่งก็เห็นได้ชัดจาดฉากร้องเพลง เต้นรำ ที่เป็นการคารวะบรรดาหนังเพลงเก่าๆ อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Singing in the Rain, My Fair Lady และอีกมากมาย ส่งให้ La La Land ไปไกลกว่าที่หนังเพลงหลายๆ เรื่องเป็น นอกเหนือไปจากความแข็งแรงในแทบทุกส่วนของหนัง ที่งานคุณภาพดีๆ เรื่องหนึ่งพึงและต้องมี
โดยเฉพาะเนื้อเพลง ที่มาพร้อมกับความคมคาย ลึกซึ้ง
หากที่กลายเป็นความเยี่ยมยอดที่สุด ก็คือ การมองชีวิตผ่านความฝันสีสวย ไปเห็นความจริงที่เจ็บปวด รวมไปถึงการประนีประนอมระหว่างทั้งสองสิ่ง ที่ทุกความฝันไม่อาจกลายเป็นความจริง แต่ในทุกความจริง ล้วนมีความฝันอยู่ข้างใน
ควรชมหากชอบ: Singing in the Rain, Moulin Rouge, A Star is Born, Rock of Ages
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่
What is your reaction?
