ROMA: เหมือนเป็นเพียงการบันทึกภาพความเป็นไป ที่เกิดขึ้นในบ้านชนชั้นกลางที่มีฐานะดีครอบครัวหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโก ซิตี ซึ่งประกอบด้วยนายแพทย์อันโตนิโอ – หัวหน้าครอบครัว, ภรรยา – โซเฟียและเทเรซา – แม่ของเธอ, ลูกๆ อีก 4 คน กับสองคนรับใช้ – อเดลาและเกลโอ ในช่วงปี 1970 – 1971 โดยมีเกลโอคนรับใช้เป็นศูนย์กลาง ทั้งนำเสนอให้เห็นชีวิตของผู้คนในบ้านหลังนี้ผ่านสายตาของเธอ ทั้งเผยให้เห็นเรื่องราวของตัวเอง ที่ใช้ชีวิตและมีความสุขตามอัตภาพ ดำเนินไปไม่ต่างจากการกรอเทปเปิดฟังบทเพลงเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา กับการทำหน้าที่ดูแลผู้คนในบ้านหลังนี้
แล้วก็มีฉากหลังบางๆ เป็นเหตุการณ์ทางการเมือง ที่นักศึกษาลุกฮือประท้วงรัฐบาล ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเกลโอ และครอบครัวที่เธอทำงานให้ได้
หากท้ายที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลก็เหมือนกับเป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อชีวิตในบ้านหลังนี้ต้องพบกับความแตกแยก วุ่นวาย จากการที่แอนโตนิโอแยกทางกับโซเฟีย หลังบอกกับทุกคนในบ้านว่าต้องเดินทางไปทำงานที่ควีเบ็ค แต่แล้วเขาก็ไม่เคยกลับมาที่บ้าน มาเจอภรรยาและลูกๆ อีกเลย ขณะที่เกลโอเองก็ตั้งท้องกับฟาร์มินแฟนหนุ่ม แต่แทนที่จะยอมรับ เขากลับหนีเธอไป และปฏิเสธว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา
ขณะที่บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ความเป็นไปในบ้านหลังนี้ ทั้งที่เป็นภาพใหญ่อย่างครอบครัวของโซเฟีย และที่เป็นภาพเล็กๆ อย่างชีวิตของเกลโอ ก็สั่นคลอนไม่ต่างกัน
หลังทำงานที่ดูหวือหวา มากไปด้วยเทคนิค อย่าง Gravity ที่ทำให้ได้รางวัลออสการ์มาครอง งานชิ้นนี้ของคัวรองดูเป็นงานที่เรียบง่าย การนำเสนอก็ดูแตกต่างกันสุดขั้ว ไม่มีเทคนิคพิเศษ หรืออย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าต้องใช้ เล่าเรื่องตรงไปตรงมา แค่นำภาพชีวิตของผู้คนในครอบครัวนี้มาให้สัมผัส โดยไม่มีความพยายามเร้าอารมณ์ใดๆ มากระตุ้นความรู้สึกผู้ชม และขึ้นจอด้วยการเป็นภาพยนตร์ขาว-ดำ ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม
ไม่แปลกที่จะรู้สึกว่า Roma (โรมา เป็นชื่อพื้นที่ส่วนหนึ่งในกรุงเม็กซิโก ซิตี) ก็คือการบันทึกความทรงจำถึงชีวิตในอดีตของใครบางคน (และในที่นี้ก็คือคัวรองเอง) ที่ตัวหนังเองก็เสมือนภาพถ่ายขาว-ดำที่ผู้คนในยุคนั้น ใช้บันทึกภาพสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แล้วด้วยความประณีต ละเมียดละไมของงานสร้าง
ความทรงจำที่ว่า ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ที่เป็นความทรงจำที่ดี และสวยงาม
อาจจะมองเหมือนเข้าข้าง หรือว่าตีความไปไกล แต่ Roma ทำให้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเรื่องราวที่ถูกนำเสนอ ก็ไม่ใช่แค่การเก็บภาพชีวิตประจำวัน หรือเอาความเป็นไปของผู้คนในบ้านหลังนี้มาขึ้นจอให้ชม ในแบบที่ตัวละครทุกคนราวกับเป็นผู้คนในบ้าน มีตัวตน มีชีวิตจริงๆ มีชื่อเสียงอย่างที่เห็นในหนัง เหมือนเป็นหนังสารคดีชีวิตจริง ที่ไม่ใช่การแสดง
เพราะภายใต้ความเรียบง่าย ดิบ ตรงไปตรงมา คัวรองยังแฝงนัยยะ สัญลักษณ์บางอย่างมากมายเข้ามาในเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นภาพเครื่องบินที่บินผ่าน
มูลสุนัขที่เลอะเทอะพื้นที่จอดรถ
วงโยธวาทิตที่เล่นผ่านหน้าบ้าน ด้วยสภาพที่แตกต่างกันในตอนต้นและตอนท้าย
ความโกลาหลในครอบครัว ความไม่มั่นคงในชีวิตของเกลโอ และความวุ่นวายของบ้านเมือง
ที่ชัดที่สุด ก็คงไม่พ้นรถฟอร์ดแกแล็กซี ของอันโตนิโอ ที่ยากจะเข้าจอดในบ้าน มีเพียงเขาคนเดียวที่จัดการให้มันอยู่ในที่ทางได้อย่างที่ควรจะเป็น แต่พอไปอยู่ในมือของโซเฟีย มันก็กลายเป็นภาระและความยากลำบาก สร้างปัญหาให้กับทั้งบ้านและตัวเอง หากในท้ายที่สุด โซเฟียก็จัดการกับมันสำเร็จ เช่นเดียวกับจัดการกับชีวิตครอบครัว ที่ปราศจากอันโตนิโอได้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อยสักที หลังจากที่ยักแย่ยักยันมานาน
เรื่องราวที่เหมือนไม่มีเป้าหมาย ก็มีปมสำคัญที่แทรกอยู่ในหนังอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ความเป็นครอบครัว ความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้คนในบ้าน ที่ถูกบอกเล่าผ่านการแสดงออกที่ทุกคนมีต่อกัน ทั้งจากสมาชิกทุกคนกับเกลโอ (ที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติโดย ยาลิตซา อาพาริซิโอ) ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่ง ทั้งจากเกลโอที่มีต่อคนอื่นๆ ทั้งหมดสัมผัสได้ตั้งแต่คำบอกลาก่อนนอนของเธอกับเด็กๆ ก่อนที่จะมาตอกย้ำด้วยคำสารภาพของเจ้าตัวเองถึงความรู้สึกที่มีต่อลูกในท้อง
เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้าน แม้สถานะอาจจะต่ำต้อยกว่าคนอื่นๆ แต่เธอก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ โดยเฉพาะเมื่อครอบครัวที่เธอพยายามสร้าง (โดยไม่ได้ตั้งใจ) พังครืน ล้มทลายไม่เป็นท่า
จากที่ดูนิ่งเรียบ คล้ายจะเป็นเพียงบันทึกภาพชีวิตครอบครัวหนึ่ง คนหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง ได้อย่างละเมียดละไม
Roma กลายเป็นความอบอุ่น สวยงาม ของการมีชีวิต มีครอบครัว ที่รู้สึก และห่วงใยกันจริงๆ ในแบบที่ประณีตอารมณ์ และบรรจงในการเล่าเรื่องเป็นอย่างยิ่ง แล้วหากถอยมามองด้วยสายตาในระยะที่แตกต่างไป ก็จะเห็นได้ถึงการจัดการกับสิ่งต่างๆ จากเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว มาเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว และความสัมพันธ์ของผู้คนในบ้านเมือง
ที่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน
(หมายเหตุ: Roma เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เฮาส์ อาร์ซีเอ)
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ROMA เรื่องชีวิตบนจอภาพยนตร์ งานฝีมือของอัลฟองโซ คัวรอง คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 17 ธันวาคม 2561
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่