ช่วงเวลาหนึ่ง เคยนึกตั้งคำถามเล่นๆ ในวงสนทนาว่า บริเวณคาบสมุทรเกาหลีไปถึงหมู่เกาะญี่ปุ่น น่าจะมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ บนโลก เพราะมักจะเกิดเรื่องข้ามเวลากันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกันของคนต่างยุคผ่านวิทยุสื่อสาร, จดหมาย รวมถึงการเดินทางข้ามเวลา เช่นที่เห็นในหนัง อย่าง Ditto, Il Mare หรือว่า Calla
เมื่อเวลาผ่านมาถึงปี 2020 เหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้น ล่าสุดก็ใน The Call แต่หนนี้เป็นการติดต่อทางโทรศัพท์ของคนในสองช่วงเวลา และทำให้เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ไม่ใช่ความโรแมนซ์อย่างที่เคยเป็น
คิม ซี-ยอน (ปาร์ค ชิน-ฮยี) กลับมาบ้านเกิดที่เป็นเมืองเล็กๆ เพื่อเยี่ยมแม่ผู้ห่างเหิน แต่เพราะทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำให้เธอไปขุดเอาโทรศัพท์บ้านที่เธอเจอในบ้านมาใช้ แล้วก็ได้รับสายจากหญิงสาวลึกลับที่อ้างว่าถูกแม่ทำร้าย ซี-ยอนไม่สนใจนัก จนกระทั่งไปเจอสมุดบันทึกของเด็กสาวคนหนึ่งในห้องลับใต้ดินในบ้าน เธอเอาไปสอบถามคนในพื้นที่ก็ได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ คือ โอ ยัง-ซุค (เจียน จอง-เซียว) ที่เคยอยู่บ้านหลังเดียวกับเธอในตอนนี้เมื่อ 10 ปีก่อนกับแม่เลี้ยงที่เป็นคนทรง และเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้เธอตัดสินใจพูดคุยกับยัง-ซุค ที่ฝ่ายหลังซึ่งอยู่ในอดีตช่วยชีวิตพ่อซี-ยอนจากอุบัติเหตุไฟไหม้สำเร็จ และเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของซี-ยอนตามมา และเธอก็หาทางช่วยให้ยัง-ซุครอดพ้นจากการเสียชีวิตเช่นกัน นี่คือการตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายมากมายในชีวิตของซี-ยอน รวมไปถึงผู้คนมากมายรอบข้าง
แม้จะสร้างจาก The Caller หนังอังกฤษ-เปอร์โตริกัน เรื่องของม่ายสาวที่ย้ายเข้ามาอยู่อพาร์ทเมนท์แห่งใหม่ แล้วเจอโทรศัพท์เก่าเข้า เลยเอามาเสียบสายโชว์เก๋ๆ แต่ทำให้ได้รับสายจากหญิงลึกลับจากอดีต ที่เริ่มด้วยความเป็นเพื่อน ก่อนจะกลายเป็นความน่าหวาดหวั่นตามมา แต่ The Call ก็แทบไม่มีสัมผัสแบบตะวันตกให้รู้สึก และจากเรื่องราวคร่าวๆ ของ The Caller งานรีเมคซับซ้อนกว่า และไปไกลกว่า
ไม่ใช่เพราะว่าหนังมีคนที่ร่วมชะตากรรมกับซี-ยอนมากขึ้น แต่ตัวละครหลักทั้งสองคนยังมีปมที่ซับซ้อนมากกว่า ว่าด้วยความสัมพันธ์กับผู้เป็นแม่ ฝ่ายหลังมีความชิงชังแม่เลี้ยงที่พยายามจัดการกับเธอในแบบไล่ผี ซี-ยอนก็ไม่รู้สึกดีกับแม่ เพราะทำให้พ่อต้องจากไป ปมในใจที่หนังเติมเข้ามา นอกจากช่วยให้ตัวละครมีมิติแล้ว ยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่พอใช้อธิบายได้ว่า ทำไมซี-ยอนถึงสนิทสนมกับยัง-ซุคได้ในเวลาไม่นานนัก
รวมทั้งไใช้ขยายขอบเขตของเรื่องราวออกไปอีก เมื่อสถานการณ์ที่เป็นไป ทำให้ซี-ยอนได้เห็นถึงความห่วงใย ความรัก ที่แม่มีให้กับเธอ
หนังเล่าเรื่องได้น่าติดตาม วางปมไว้ที่ทำให้ผู้ชมกระหายคำตอบเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ใครที่โทรมาหาซี-ยอน?, ทำไมเธอถึงโดนทำพิธีกรรมไล่ผี? รวมไปถึงเปิดตัวยัง-ซุคในฐานะผู้ถูกกระทำอย่างโหดร้าย ก่อนที่สถานการณ์ของเธอจะเปลี่ยนไปในเวลาต่อมา และทำให้ต้องมาเอาใจช่วยซี-ยอนแทนว่า จะหาทางจัดการกับคนที่อยู่ในอดีตอย่างไร? เมื่อเธอกลายเป็นตัวละครที่ด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เพราะในยุคของยัง-ซุค เธอเป็นเพียงเด็กหญิงวัยไม่กี่ขวบ แถมอีกฝ่ายยังจัดการกับผู้คนมากมายได้โดยที่ซี-ยอนไม่สามารถบอกให้เขาหรือเธอรู้ตัวได้เลย
ตัวละครอาจจะมีแต้มต่อที่แตกต่างกัน แต่หนังก็ให้ซี-ยอนใช้เทคโนโลยีและไหวพริบที่มีต่อกรกับยัง-ซุคได้สนุก วางแผนล่อหลอกให้อีกฝ่ายอยู่ในสถานการณ์เจียนอยู่เจียนไปได้เหมือนกัน กลายเป็นหนังที่มีความตื่นเต้น ภายใต้บรรยากาศที่ลุ้นระทึก ซึ่งต้องมีเครื่องหมาย * แปะไว้ด้วยว่า ควรมองข้ามเรื่องทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา เพระถึงจะว่าด้วยการย้อนอดีตในแบบเดียวกับ Tenet แต่เมื่อ The Call เป็นการแก้ไขอดีต ไม่ใช่การย้อนอดีตของตัวละคร ทำให้ตัวละครมีเพียง ‘ชุด’ เดียว จนตัวละครบางรายไม่น่าจะแก้สถานการณ์ได้อย่างที่เห็นในตอนท้าย
ดูเหมือนหนัง (น่าจะ) ละเลยความสมจริงเรื่องเวลาอย่างจงใจ เพื่อเน้นให้ความบันเทิงจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวละครเป็นหลัก เพราะในหลายๆ ครั้งเห็นได้ชัดว่า สิ่งที่หนังนำเสนอย้อนแย้งกันเอง โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีที่ดูไม่สอดรับกันสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับบทสรุปที่ยิ่งทำให้เส้นเวลาเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อหนังพยายามใช้เป็นตัวพลิกผันเรื่องราวที่เป็นไป จนทำให้ยากจะคาดเดา
หากก็ต้องยอมรับว่า การละเลยความสมจริงบางอย่าง ทำให้ The Call ดูสนุก ตื่นเต้น เต็มไปด้วยความพลิกผัน รวมถึงจบลงด้วยความสงสัย และคำถาม ว่าสถานการณ์เป็นไปอย่างที่เห็นเครดิตท้ายเรื่องได้ยังไง เป็นความบันเทิงที่ชวนสงสัยได้ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งบอกกับผู้ชมได้อย่างชัดเจนว่า อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไป ใช้เป็นบทเรียน และยอมรับกับสิ่งที่เป็นไป ไม่ใช่พยายามแก้ไขหรือไม่ยอมรับมัน
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมในชีวิตของซี-ยอน มันก็เกิดจากการไม่ยอมรับการกระทำจากอดีตของเธอนั่นเอง
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1318 ปักษ์หลังธันวาคม 2563