THE LONE RANGER: การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของทีมผู้สร้าง-ผู้กำกับ-นักแสดง ที่ทำให้หนัง The Pirates of the Caribbean กลายเป็นหนังฮิต โดยหยิบเอาหนังเก่าจากยุค 50 มาปัดฝุ่นใหม่ ที่แม้จะเป็นหนังตะวันตก แต่รสชาติทุกอย่างก็ไม่ต่างไปจากหนังชุด Pirates ที่หากจะสรุปว่าเป็น แจ็ค สแปร์โรว์ ฉบับหนังคาวบอยก็คงไม่ผิด
ทุกอย่างทาบทับ ซ้ำรอยกับหนังชุด The Pirates ได้แทบจะแนบสนิท ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่น่าจะเป็นตัวรอง แต่กลับเด่นกว่าตัวละครที่น่าจะเป็นตัวหลัก ลักษณะท่าทางของตัวละครตอนโต้ที่แทบไม่ต่างไปจากแจ็ค สแปร์โรว์ ความทื่อมะลื่อของอาร์มี่ แฮมเมอร์ ที่ไม่ต่างไปจากออร์แลนโด บลูม
แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังจะบันเทิงประมาณกัน กับหนังโจรสลัดภาคแรก เพราะ The Lone Ranger ตัวบทเต็มไปด้วยรอยปะผุ เว้าแหว่ง การเล่าเรื่องขาดเป็นห้วงๆ การคลี่คลาย หาทางออกต่างๆ ก็มาแบบปุๆ ปะๆ พัฒนาการของตัวละครไม่อยู่กับร่องกับร่อยนัก การแสดงก็เห็นได้ชัดว่า จอห์นนี่ เด็ปป์ เล่นอยู่คนเดียว แล้วก็มีพี่แกคนเดียวอีกเหมือนกันทั้งลาก ทั้งทึ้งพาหนังไปจนจบ โดยเฉพาะการชงมุขตลกทั้งหลาย แบบชงเอง กินเอง ตบเอง
พล็อตอาจจะมีพลิกผัน หักมุม แต่ก็ไม่น่าจะเซอร์ไพรส์ ตื่นเต้น ฉากแอ็คชั่น มุขตลก แทบจะถอดมาจากหนังโจรสลัด จับเรือเปลี่ยนเป็นรถไฟ แต่เล่าเรื่องได้ไม่แม่นเท่า แล้วหลายๆ ฉาก หลายสถานการณ์ของหนังก็ “ยาว” เกินเหตุจนหมดสนุก
ถ้าดูตลกลีลา ท่าทางที่จอห์นนี่ เด็ปป์ขาย เป็นเรื่องน่าจะสบายใจที่สุด หากดู The Lone Ranger ในแบบเดียวกับที่ดูหนังการ์ตูน ตลกผสมแอ็คชั่น ไม่ต้องสนใจว่าอะไรที่หนังควรจะเป็น อะไรที่ควรจะไป หรือต้องการนำเสนออะไร และบอกทำไม
โดย นพปฎล พลศิลป์