YOUNG ONES: อย่างแรกที่สัมผัสได้ถึงความโดดเด่นของหนังก็คือ งานด้านภาพที่การให้แสงจ้า สว่างจัดๆ อย่างที่เห็น ทำให้รู้สึกได้ถึงเปลวแดดที่ร้อนแรงจนแสบตา ขณะที่งานออกแบบงานสร้างทั้งหลาย ก็ทำออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ ไม่ต้องอลังการนัก แต่ก็ทำให้ “รู้สึก” ถึงโลกอนาคต โดยผสมผสานการใช้ชีวิตในแบบที่ไม่ต่างไปจากยุคปัจจุบันลงมา ส่งให้ชีวิตของผู้คนในเรื่องนั้นดูจริงไปด้วย
เมื่อรวมกับตัวเรื่องที่ว่าด้วยชีวิตผู้คนที่ผลัดกันมาถือครองผืนดินที่รกร้าง แต่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่ภายใต้ และความสมบูรณ์ที่ว่านั่น กลับนำหายนะ หรือโศกนาฏกรรมมาให้ผู้ถือครอง Young Ones จึงไม่ต่างไปจากหนังตะวันตก ในยุคสมัยแห่งอนาคต ที่ภายใต้เรื่องความรุ่งเรือง-ล่มสลายของผืนดิน และผู้คน ก็นำเสนอชีวิตในโลกที่อยู่กันแบบห่างเหิน ไม่มีใครสนใจเรื่องที่ผ่านมา อดีตเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครนึกถึง ทุกคนพร้อมจะลืม และถูกลืม เหมือนโปรแกรมที่กดปุ่ม Delete แล้วทุกอย่างก็จบ ยกเว้น เพียงไม่กี่คนที่ยังจมอยู่กับมัน ซึ่งต่างก็ดูจะเป็นคนที่มีชีวิต เลือดเนื้อ กว่าคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง
รวมไปถึงภาพของโลกที่ผู้ชายเป็น “ใหญ่” ผู้หญิงเป็นเพียงไม้ประดับ หรือของที่ถูกเก็บไว้ในบ้าน ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ก็ไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ ที่ดูเย็นชา
ซึ่งบรรยากาศ และโทนที่ดูแข็งๆ ก็ช่วยขับเน้นสิ่งต่างๆ ที่หนังนำเสนอได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็กันตัวเอง หรือตัวละครห่างจากคนดู จนไม่รู้สึกผูกพันหรือเข้าถึงสักเท่าไหร่
แล้วกับงานโปรดัคชัน ดีไซน์ที่ดูเก๋ๆ ในบางมุม มันก็ดู “เนี้ยบ” เกินไปจากตัวเรื่อง และทำให้หนังกลายเป็นงานขายสไตล์ เป็นหนังที่ดูประดิษฐ์มากไปหน่อย จนกลบสาสน์ที่ว่าด้วย ชีวิตเห่ยๆ ในโลกห่วยๆ และอนาคตอันเส็งเคร็งไปพร้อมๆ กัน
โดย นพปฎล พลศิลป์
สามารถคลิกไลค์เพจสะเด่าส์ได้ง่ายๆ ที่นี่