ย้อนอดีต 40 ปี Lovedrive อัลบัมแจ้งเกิดของ Scorpions

ทุกวันนี้ สคอร์เปียนส์ คือวงร็อคที่รู้จักกันทั่วโลก มีงานประสบความสำเร็จมากมาย แต่กว่าจะเป็นอย่างที่เห็น พวกเขาก็ต้องมีจุดเปลี่ยนสำคัญ และอัลบัมชุด Lovedrive เมื่อปี 1979 ก็คือจุดเปลี่ยนที่ว่า ซึ่งเจฟฟ์ ไจลส์ จาก ultimaterock.com ได้เล่าถึงการทำอัลบัมชุดนี้ว่า ก่อนหน้าที่จะออกอัลบัมซึ่งเป็นงานชุดที่ 6 ของวง สคอร์เปียนส์มีปัญหาสองข้อให้แก้ไข หนึ่งคือหาทางประสบความสำเร็จนอกบ้านเกิด-เยอรมันนีให้ได้ และสองคือพยายามรักษามือกีตาร์เอาไว้ให้ได้

 
กับการที่อูลี จอน ร็อธ มือกีตาร์ออกจากวงไปหลังจากออกอัลบัม Taken by Force ในปี 1977 สามารถที่เหลือของไอ้แมงป่องผยองเดช ต้องหาตัวมือกีตาร์คนใหม่มาแทน และพวกเขาก็เจอแม็ทเธียส แจ็บส์ ที่การมาถึงของเขาในปี 1978 ทันกับการเดินเข้าห้องอัดเสียงเพื่อทำอัลบัม Lovedrive พอดี แต่แจ็บส์ไม่ได้มาเพียงคนเดียว เพราะหลังทำงานไปได้ราวๆ ครึ่งทาง ไมเคิล เช็งเกอร์ อดีตมือกีตาร์ของวง ที่แยกตัวออกไปทำงานกับวง UFO ก็กลับมาร่วมงานกับสคอร์เปียนส์อีกครั้ง หลังโดนไล่ออกจากวงใหม่

ทำให้การทำงานครั้งนี้ของสคอร์เปียนส์ มีมือกีตาร์ถึง 3 คน แจ็บส์, ไมเคิล และพี่ชายของไมเคิล – รูดอล์ฟ เช็งเกอร์ ที่ร่วมตั้งวงดนตรีวงนี้กับน้องชายในปี 1965 ถึงแม้การทำงานของไมเคิลจะปรากฏให้เห็นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ ใน Lovedrive ได้แก่เสียงการเล่นกีตาร์ลีดใน “Another Piece of Meat,” “Coast to Coast”, “Loving You Sunday Morning” และเพลงที่เป็นชื่อชุด แต่การมีเขาอยู่ในวงก็ทำให้ซาวนด์ของงานฟังใหญ่ขึ้น, หนาขึ้น แต่น่าเสียดายที่การรวมตัวในครั้งนี้กินเวลาไม่นานนัก เพราะเมื่อถึงเวลาออกทัวร์สนับสนุนงานชุดนี้ ไมเคิลที่เข้ามาร่วมวงไล่ๆ กับแจ็บส์ ก็ทิ้งเขาและกลายเป็นอดีตสมาชิกของสคอร์เปียนส์อีกหน

“ตอนนั้นผมเหนื่อยมาก” ไมเคิลพูดถึงจุดสิ้นสุดกับยูเอฟโอ “แต่ก็รู้สึกสดชื่นแล้วล่ะ แต่ไม่อยากเล่นอะไรในแบบที่ยูเอฟโอเล่นอีก สคอร์เปียนส์กลายเป็นรู้จักตามบรรดาคลับเล็กๆ ทั่วอเมริกาดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะมีแขกรับเชิญสักคนในการทัวร์ ผมหมดความกระตือรือร้นกับยูเอฟโอไปละ แต่กับสคอร์เปียนส์ ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง”

ไมเคิล เช็งเกอร์

ความตื่นเต้นของเขามาถึงในช่วงเวลาสำคัญของวงพอดี กับเงินทองมากมายที่จะได้จากการออกทัวร์ทั่วโลก หลังออกอัลบัม Lovedrive เคลาส์ ไมน์ นักร้องนำของวงบอกกับนิตยสารเมโลดี เมเคอร์ในปี 1979 ว่า การเป็นที่รู้จักในระดับโลกของสคอร์เปียนส์ เป็นสิ่งที่ทางวงต่อสู้มายาวนาน “ในอังกฤษและอเมริกา พอคุณบอกไปว่าคุณเป็นเยอรมัน พวกเขาจะถอนหายใจและคุณต้องทำให้พวกเขาเชื่อมั่นและพิสูจน์ตัวเองกับพวกเขา” ไมน์ เล่า “มันเหมือนเป็นถนนที่เข้าไปสู่ป่า เรามีอะไรขำๆ เยอะ กับการแสดงให้คนอื่นๆ เห็นว่า เราไม่ใช่ วง Kraftwerk หรือ Tangerine Dream” ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีอะไรเหมือนกับวงดนตรีสองวงนี้เลย “พวกเรารู้ดีเสมอว่าต้องการอะไร” ไมน์ ย้ำ “เราอยากเล่นดนตรีๆ หนัก แล้วก็มีลูกรับ-ส่งแรงๆ มีวงเยอรมันไม่มากหรอกถึงเล่นแบบนี้ แต่ในตอนเริ่มต้นคนส่วนใหญ่ก็มักจะบอกกับเราว่า ‘คุณต้องเปลี่ยนแนวเพลง เวลาของดนตรีฮาร์ดร็อคมันจบไปแล้ว คุณไม่มีทางไปได้ถึงไหนหรอกด้วยดนตรีแบบนี้’ ทุกคนพากันพูดกับเราแบบนี้ พวกเราเล่นคิดว่า ‘งั้นเราจะแสดงให้พวกคุณเห็น’ – และเราก็พิสูจน์แล้วว่า พวกเราถูก”

พวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร ที่ Lovedrive ได้รับความสนใจอย่างมากจากปกอัลบัม ที่ออกแบบได้อย่างน่าตกใจ ซึ่งเป็นผลงานของ สตอร์ม ธอร์เกนสัน ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ในรถลีมูซีนที่ไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่ เมื่อมือข้างหนึ่งของผู้ชายในรถ มีหมากฝรั่งยาวยืดติดมาจากหน้าอกของผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยกัน ภาพปกอัลบัมถูกแบนในสหรัฐอเมริกา ที่บอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นการออกแบบที่เรียกแขกได้เป็นอย่างดี และอีกหลายทศวรรษต่อมาธอร์เกนสันก็ยังต้องตอบคำถามเกี่ยวกับภาพนี้ และเขาพูดในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า “ผมชอบคิดถึงการนั่งรถในภาพนี้… ทั้งคู่อยู่ระหว่างทางไปชมโอเปรา แล้วเขาก็เกิดความรู้สึกทางเพศที่เกี่ยวกับหมากฝรั่งขึ้นมา และเธอก็ปล่อยให้เขาทำไปเพราะเธอไม่สนใจ แต่ผมคิดว่ามันก็ดูงี่เง่านิดๆ นะ ผมคิดแบบนั้น”

เคลาส์ ไมน์

ไมน์เสริมด้วยว่า บรรดาเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น “เราไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเลย เราแค่ไม่รู้ว่ามันอาจจะมีปัญหาในอเมริกา มันก็แค่เรื่องทางเพศแล้วก็ดนตรีร็อคแอนด์โรลล์” เขายืนยัน ในอีกหลายปีต่อมา “มันแปลกดีที่ปกอัลบัมบางชุด กลายเป็นภาพที่มีปัญหาในอเมริกา เพราะตอนยุค 80 ที่เราออกทัวร์รอบโลก มักจะมีสาวๆ โชว์์นมให้พวกเราเห็นเป็นประจำที่หน้าเวที ไม่ใช่ที่ไหนในโลกด้วย ที่นี่นี่แหละ เราก็แค่ไม่คิดว่าการออกอัลบัมอย่าง Lovedrive ด้วยภาพปกแบบนั้นจะกลายเป็นปัญหาในอเมริกา”

ขณะที่ร้านขายแผ่นเสียงในอเมริกา หาทางปกป้องลูกค้าจากหน้าอกหน้าใจหมากฝรั่งกันจ้าละหวั่น สถานการณ์เรื่องสมาชิกในวงสคอร์เปียนส์เกิดวุุ่นวายขึ้นมาอีก ปัญหาเรื่องการติดเหล้าของไมเคิล เช็งเกอร์ ซึ่งข่าวบอกว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เขาต้องเด้งออกจากยูเอฟโอ กลายเป็นเรื่องลำบากสำหรับเขากับการออกทัวร์ร่วมกับวง ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยต้องอยู่ในสภาพที่ไว้ใจได้ และแจ็บส์ก็เข้ามาแทนได้อย่างลงตัว ซึ่งกลายเป็นการกลับมาเข้าวงแบบถาวรมาจนถึงทุกวันนี้

Lovedrive ออกวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1979 และขึ้นอันดับสูงสุดในอเมริกาที่อันดับ 55 แต่ติด 40 อันดับแรกในอังกฤษ ซึ่งกลายเป็นการวางสถานภาพให้กับความสำเร็จทั่วโลก ที่ส่งให้วงกลายเป็นที่รู้จักตลอดยุค 80

จากที่ไมน์บอก การผสมผสานทางดนตรีของสคอร์เปียนส์ทำให้ส่วนอื่นๆ ของโลกไล่ตามซาวนด์ของพวกเขา ในแบบที่ไม่ต้องหาเหตุผลอื่นๆ มายืนยัน “เรามีสองทิศทางที่แข็งแกร่งมากๆ ในดนตรีของพวกเรา” ไมน์ บอกกับนิตยสารครีมเมื่อปี 1984 “ทิศทางหนึ่งก็คือ ด้านที่แข็งแกร่ง, เต็มไปด้วยพลัง, ร้อนแรง และเป็นด้านแบบเฮฟวี อีกด้านก็คือ ด้านที่นุ่มนวล, มีเมโลดีสวยๆ ซึ่งเป็นด้านของบัลลาด ทั้งคู่เป็นทิศทางสำคัญมากๆ ของสคอร์เปียนส์”

แล้วสำหรับสิ่งที่ทำให้สคอร์เปียนส์ถูกแยกออกไปจากวงฮาร์ดร็อควงอื่นๆ ไมน์พูดเหมือนกับเยาะเย้ย “เราไม่ได้นั่งลงแล้วพยายามแต่งเพลงเพื่อให้ขาย เราแค่พยายามแต่งเพลงดีๆ เราพยายามทำให้อัลบัมเราดีและฮิตทั้งชุด มีอัลบัมออกมาเยอะมาก โดยเฉพาะงานในแบบเฮฟวี เมทัล ที่บางทีมีแค่เพลงหรือสองเพลงในอัลบัมที่ดี ส่วนที่เหลือก็เป็นเพลงอีเหละเขละขละกันไป สำหรับผมมันน่าเบื่อมากๆ ผมแทบฟังงานพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เลย เพราะผมหลงใหลในงานที่มีท่วงทำนองและเพลงดีๆ มีวงเฮฟวี เมทัลเยอะแยะที่น่าเบื่อ ทั้งจากการเป็นวงรวมตัวประหลาดและรวมเพลงห่วยๆ พวกนี้ ผมคิดว่าเมื่อดนตรีมันดีแล้ว ใครอยากได้ตัวประหลาดบนเวที รวมไปเลือดเนื้อและความชั่วร้ายของพวกเขาอีก เราคือซาตานของพวกคนเฮงซวย จริงไหมล่ะ?”

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง ย้อนอดีต 40 ปี Lovedrive อัลบัมแจ้งเกิดของ Scorpions คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 4 มีนาคม 2562