จากยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ มาจนถึงยุคห้ามสูบบุหรี่ในฮอลล์ ไล่มาจนถึงยุคห้ามพกกล้องเข้าดูคอนเสิร์ต กับยุคปัจจุบันที่เป็นยุคทองของสมาร์ตโฟนทั้งหลาย และเป็นยุคปลายๆ ของโทรศัพท์มือถือธรรมดา เทคโนโลยีเดินหน้า แต่ว่านิสัยคนกลับถอยลง โดยเฉพาะการใช้อุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายระหว่างชมคอนเสิร์ต ที่มาถึงตอนนี้ เรียกได้ว่ามาถึงจุดต่ำสุดของมารยาทในการชมคอนเสิร์ตก็ว่าได้ เพราะไป ๆ มา ๆ คนดูทั้งหลายกลับไม่ใส่ใจจะดูคอนเสิร์ตที่อุตส่าห์ตีตั๋วราคาแพงเข้าชมกันแล้ว
และนี่คือบรรดานิสัยเสียๆ ที่ไม่ควรทำ แต่เห็นกันเกร่อเวลาชมคอนเสิร์ต ซึ่งนิตยสารโรลลิง สโตนเอามาเล่าสู่กันฟัง บวกกับความเห็นของผู้เขียน
เริ่มที่การถ่ายรูปการแสดงอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเกิดจากอยากอวดให้เพื่อนๆ ได้รู้ผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ หลาย ๆ คนก็เลยถ่ายรูปกันเป็นที่ระทึก เอ๊ย… ระลึก ถ้าจะถ่ายกันสัก 2-3 ภาพก็พอทน แต่บางคนซัดไปเป็นร้อยก็มี ซึ่งการถ่ายภาพแต่ละครั้ง ก็ต้องถือกล้อง (สมาร์ตโฟน) ในระดับที่สายตาเห็นเป็นอย่างน้อย และแน่นอนว่าจะไปขัดขวางมุมมองของชาวบ้าน แถมการที่สาละวนอยู่กับการถ่ายภาพ ก็ทำให้สนุกกับโชว์ไม่ได้เต็มที่ เพราะมัวแต่เพ่งสมาธิไปกับการเล็งกล้อง เพื่อให้ได้ภาพที่เชื่อเถอะว่า ออกมาไม่ได้ดีเลย เพราะตำแหน่งที่ถ่ายอยู่ไกลเกินไป แม้จะอยู่ใกล้ ๆ กับเวทีก็ตาม แต่อย่าลืมว่าคุณไม่ได้ใช้กล้องใหญ่จำพวกดีเอสแอลอาร์ ภาพก็เลยไม่ได้ออกมาเนี้ยบสวยพอที่จะไปอวดใครได้
นิสัยเสียต่อมาก็คือ การเช็กอี-เมล, อ่านเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ในแทบทุก ๆ นาที ถ้าไม่เป็นคนที่ต้องพร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลาอย่างพวก หมอผ่าตัด, พนักงานดับเพลิง คงจะดีกว่าถ้าจะทำตัวสนุกกับโชว์ที่อุตส่าห์จ่ายตังค์เข้ามาดูให้เต็มที่ แล้วก็ค่อยไปเช็กเมล ส่งเมลตอนกลับบ้าน อย่าลืมว่าแสงจากหน้าจอของสมาร์ตโฟนนั้นมันจ้า และรบกวนตามาก ๆ คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย ถ้าไม่สร้างความรำคาญให้กับคนรอบๆ ข้าง
การเป็นพวกช่างเมาท์ในคอนเสิร์ตไม่ใช่เรื่องดี แม้จะเป็นการสนทนากับเพื่อน ๆ ในตอนที่การแสดงบนเวทีไม่ใช่เพลงโปรดของคุณ หรือไป ๆ มา ๆ โชว์ที่ถ่อมาดูมันน่าเบื่อ การเมาท์กับเพื่อนแก้เซ็งไม่ใช่เรื่องที่ถูก แม้จะเป็นการกระซิบข้างหูกัน ไม่ดังหรอก แต่เมื่อต้องแข่งกับเสียงในฮอลล์ แน่ใจหรือว่าเป็นแค่การกระซิบกัน แล้วไม่ใช่แค่เสียงที่รบกวนคนรอบข้าง การเอียงศีรษะคุยกรอกหูกันไปมา ทำให้คนที่นั่งข้างหลังต้องเจอกับอุปสรรคในการชม ที่ตัวเองต้องโยกไปมาตามอีกต่างหาก ถ้ารู้สึกว่าคอนเสิร์ตนี้ไม่ไหวแล้ว น่าเบื่อมาก ก็น่าจะออกไปคุยกันข้างนอก เพราะมีคนที่ไม่เบื่ออีกมากที่ยังดูอยู่
ไม่ต้องกรี๊ดทุกเพลงก็ได้ เพราะบางเพลงคือเพลงนิ่ง ๆ ที่ศิลปินอยากจะปล่อยอารมณ์ส่งถึงคนดูเต็มที่ เข้าใจว่าบางเพลงอาจจะเป็นเพลงโปรดของบางคน แต่กับบางเพลงอาจจะเป็นเพลงโปรดของศิลปิน ที่เป็นเพลงซึ่งถูกลืมอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ในอัลบัมชุดที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ การที่เขาหยิบเพลงพวกนี้มาเล่น แสดงว่าเขาอยากให้แฟน ๆ ได้สัมผัสกับมันอย่างเต็มที่ การกรี๊ดใส่เพลงที่บางทีศิลปินก็ไม่รู้ว่าอยู่ในอัลบัมไหน ไม่ใช่เรื่องเท่ และทำให้สิ่งที่เขาหรือเธอต้องการนำเสนอถูกรบกวน
อย่างที่ห้า การตะโกนขอเพลงที่อยากฟังซ้ำ ๆ ซาก ๆ คอนเสิร์ตส่วนใหญ่ จะมีรายชื่อเพลงที่ต้องเล่นอยู่แล้ว และไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นว่ามีเพลงสำคัญจริงๆ จนต้องเอามาเล่นแบบปัจจุบันทันด่วน แต่ก็จะเป็นการเล่นแบบไม่เต็มวง เช่นครั้งที่เกลนน์ ฟรายมาเล่นบ้านเรา พอรู้ว่าเพลง “Lover’s Moon” ฮิตมาก ๆ ในเมืองไทย ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เพลงซิงเกิลหรือเพลงฮิตใด ๆ ในตลาดอื่น ๆ และไม่อยู่ในรายชื่อเพลงที่ต้องเล่น เขาก็เล่นเพลงนี้ด้วยกีตาร์โปร่งเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องตะโกนขอเพลง เพราะถ้ามันอยู่ในรายชื่อมันก็ต้องเล่น และถ้าไม่อยู่ แล้วไม่ใช่เพลงที่พิเศษจริง ๆ ก็อย่าหวังว่าเสียงตะโกนของคุณจะสัมฤทธิ์ผล ยกเว้นทำให้เกิดความน่ารำคาญล้วน ๆ
คนที่ชอบดันคนอื่นเพื่อพาตัวไปข้างหน้า และคนที่ลุกจากที่นั่งตัวเองมายืนออที่หน้าเวที ในคอนเสิร์ตยืนชมแม้ไม่มีการระบุพื้นที่ แต่ก็ต้องให้เกียรติคนที่มาก่อน ถ้าเป็นคนดูหลวม ๆ คงไม่เป็นไร แต่ถ้าแน่น ๆ นอกจากสร้างความรำคาญแล้ว ยังอาจทำให้เกิดเรื่องได้ง่าย ๆ ส่วนการลุกจากที่นั่งตัวเองมายืนออข้างหน้าเวทีก็ยิ่งแล้วใหญ่ ยกเว้นว่าเป็นช่วงท้าย ๆ ของคอนเสิร์ตที่ทุกคนลุกขึ้นสนุกไปกับการแสดงทั้งฮอลล์ก็พอยกประโยชน์ให้ได้ แต่จริง ๆ แล้ว ยืนสนุกอยู่ที่นั่งของตัวเองก็ได้ไม่ใช่หรือ อันนี้ก็ต้องรวมไปถึงคนที่ชอบลุกขึ้นยืนบังคนอื่น ในคอนเสิร์ตที่จัดเก้าอี้ให้นั่งชมด้วยเช่นกัน ยืนแต่พองาม เฉพาะในเพลงที่สามารถสนุกกันได้น่าจะดีกว่า
ต่อมาก็คือพวกขี้เมาทั้งหลาย ไม่ต้องถึงกับเมาเละ แค่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมา ก็สร้างความผะอืดผะอมให้คนรอบข้างอยู่แล้ว และถ้าถึงกับอาเจียนซ้ำ ก็เลวร้ายสุด ๆ และอย่าลืมว่า เวลาเมาคนเรามักจะขาดสติ เป็นชนวนให้เกิดเรื่องเกินราวได้ง่าย ในยามที่เกิดการกระทบกระทั่ง
บรรดาคนที่ชอบบ่นว่าศิลปินไม่เล่นเพลงนั้น-เพลงนี้ที่ตัวเองอยากฟัง ไม่ใช่ศิลปินทุกคนที่มีเพลงฮิตเล่นได้ทั้งคอนเสิร์ต บางคนถึงทำได้ ก็อาจอยากหยิบเพลงไม่ฮิตหรือฮิตน้อยกว่ามาเล่นแทน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ได้เปิดหูเปิดตาฟังเพลงอื่นของเขาบ้าง และทำให้โชว์เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากฟังเพลงที่ตัวเองอยากฟัง หรือเพลงฮิต หยิบอัลบัมที่มีเพลงเหล่านั้นมาเปิดฟังเลยน่าจะทันและถูกใจกว่า
ข้อสุดท้ายเกิดขึ้นบ่อยในบ้านเราและน่ารำคาญสุด ๆ ก็คือ การเข้าชมไม่ตรงเวลา เพราะการเข้ามาในฮอลล์ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังเริ่มสนุกกับคอนเสิร์ตนั้น เป็นการรบกวนผู้ชมที่เข้ามานั่ง (หรือยืน) ในพื้นที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และกับผู้จัดเองก็ควรมีมารยาทเช่นกัน ควรให้คอนเสิร์ตเริ่มตรงเวลา หรือช้ากว่าที่กำหนดน้อยที่สุด เพราะไม่ใช่เรื่องเลยที่จะให้คนดูเข้าไปนั่งรอกันนาน ๆ ถ้าคนที่กำหนดเวลาแสดงได้ ยังไม่มีมารยาทจะไปหวังให้คนดูมีมารยาทได้อย่างไร
อ่านแล้ว ก็ลองย้อนดูตัวเอง ก็จะพบว่า ในบรรดานิสัยแย่ๆ เหล่านี้ เรามีติดตัวบ้างหรือไม่ ถ้ามีก็น่าจะโบกมืออำลามันไปซะแต่เนิ่นๆ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี
จากเรื่อง รวมฮิตบรรดานิสัยเสียที่ไม่ควรทำในคอนเสิร์ต คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ โดย นพปฎล พลศิลป์ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 23-25 มกราคม 2556
ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่ https://facebook.com/becomesupporter/Sadaos/ หรือที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่