![](https://www.sadaos.com/wp-content/uploads/2016/03/2015_best_new_tvseries2-sadaos_story.jpg)
นอกจากซีรีส์เรื่องเดิมที่ประสบความสำเร็จและได้สร้างต่อมาให้ได้ชมกันในปีที่ผ่านมา ปี 2015 ก็มีีซีรีส์เปิดตัวใหม่อีกหลายๆ เรื่องให้ได้ชมกัน และนี่คือบรรดาซีรีส์หน้าใหม่ของปีที่แล้ว ที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยม ที่หยิบมาแนะนำกันไปแล้วได้แก่ UnREAL, Grinder, Togetherness, Master of None, Mr. Robot, Agent Carter และ Unbreakable Kimmy Schmidt และนี่คืออีก 3 เรื่องที่เหลือ พร้อมกับอีก 4 เรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่
Crazy Ex-Girlfriend
สถานี: ซีดับเบิลยู
อย่าปล่อยให้ชื่อเรื่อง ทำให้คุณต้องกดรีโมทเปลี่ยนช่อง ซีรีส์จากการสร้างสรรค์ของราเชล บลูม ที่เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำจากซีรีส์เรื่องนี้ สามารถแสดงตัวตนให้เห็นก่อนที่เพลงธีมของเรื่องจะจบซะอีก จากท่อนคอรัสที่ว่า “she’s the crazy ex-girlfriend” และเนื้อร้องอย่าง “that’s a sexist term” และ “the situation’s more nuanced than that.” ซึ่งทำให้ Crazy Ex-Girlfriend กลายเป็นซีรีส์มิสิคัล เบาสมองที่ชาญฉลาด ที่ว่าด้วยชีวิตของ รีเบ็คกา บันช์ ทนายสาวที่ปฏิเสธการทำงานกับสำนักงานในนิว ยอร์ค และตามจอช อดีตแฟนหนุ่มของเธอไปถึง เวสท์ โควินา, แคลิฟอร์เนีย เพื่อหาทางชนะใจเขาอีกครั้ง แต่เรื่องราวข้างในยังมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น ระหว่างทางที่เรื่องดำเนินไป รีเบ็คกาได้เรียนรู้ที่จะเก็บอาการทางประสาท ที่่เกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ เอาไว้ แล้วเลี่ยงไปสนุกกับเกร็ก เพื่อนของจอช ส่วนความ ‘Crazy’ ของเธอก็มีทั้งที่สนุกสนาน และน่าเศร้า แต่ทั้งหมดถูกนำเสนอออกมาได้อย่างชาญฉลาด และเต็มไปด้วยความรู้สึก
Jessica Jones
สถานี: เน็ทฟลิกซ์
การร่วมงานหนแรกของมาร์เวลกับเน็ทฟลิกซ์ Daredevil ในปี 2015 ให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอด ทำให้จักรวาลของมาร์เวลดูสดใส และขจัดคราบไคลที่สมควรเอาออกได้หมดจด Jessica Jones คือสิ่งที่เข้ามาเสริมกระแส ด้วยการเป็นงานระทึกขวัญเชิงจิตวิทยา ที่ดูดุดันและหม่นมากขึ้น รวมถึงต่างไปจาก Daredevil เพราะ Jones ไม่ใช่แค่ลากเส้นให้กับงานของมาร์เวลใหม่ แต่ยังให้นิยามใหม่สำหรับงานซูเปอร์ฮีโรจากหนังสือการ์ตูน ว่าควรจะออกมายังไงในจอโทรทัศน์ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ในเรื่องของร่างกาย และยังให้น้ำหนักกับสภาพจิตใจที่ถูกทำลาย ซึ่งมีสาเหตุมาจาก คิลเกรฟ มนุษย์ต่อต้านสังคมที่มีความสามารถในเรื่องการควบคุมจิตใจ แล้วกับช่วงสุดท้ายในแต่ละตอนจะเรียกร้องให้ผู้ชมกระหายใคร่รู้เรื่องราวต่อๆ ไป ซึ่งไม่ต่างไปจากเหยื่อของคิลเกรฟ ที่เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะปล่อยให้พวกเขารอดไป Jessica Jones ทำให้ผู้ชมสงสัย คาดการณ์ไปต่างๆ นานา ตกอยู่ในสภาวะแห่งความกลัว และวิตกกังวล หากเป็นชั่วโมงอันแสนมหัศจรรย์
Better Call Saul
สถานี: เอเอ็มซี
เริ่มต้นฤดูฉายแรกของตัวเองด้วยการใช้ตัวละครจากในซีรีส์ที่ได้รับคำชื่นชมว่าเยี่ยมยอดมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ไปพร้อมๆ กับความพยายามที่จะสร้างความเป็นตัวของตัวเองให้สำเร็จ และเมื่อจบฤดูฉายแลก Better Call Saul ก็แสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่แค่งานตอนแยก แต่เป็นแค่งานที่วินซ์ กิลลิแกน ยืมตัวละคร, ใช้สายพันธุ์เดียวกัน และเปิดเรื่องจากสิ่งที่มีมาก่อนจาก Breaking Bad เพียงเท่านั้น เพราะในท้ายที่สุด Better Call Saul ก็ก่อร่างสร้างตัวเองให้เป็นอิสระจากเรื่องราวก่อนหน้าได้สำเร็จ และที่ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงที่ทรงพลังของบ็อบ โอเดนเคิร์ค และไมเคิล แม็คคีน ที่มีทั้งเรื่องราวโดนใจ และหักมุม เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทำให้ผู้ชมต้องนั่งลงและให้ใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอโทรทัศน์ โดยไม่รู้สึกว่านี่คือน้องคนเล็กของ Breaking Bad อีกต่อไป
*ของแถม – และอีกบางเรื่องที่น่าสนใจ
The Last Man on Earth
สถานี: ฟ็อกซ์
ชื่อเรื่อง The Last Man on Earth อาจจะทำให้ไขว้เขวได้ แต่จะว่าไปนี่คือชื่อที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะกับเรื่องราวในช่วงแรกๆ ที่มีแค่ตัวละครวิลล์ ฟอร์เต เดินไปมาเพียงลำพังในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ก่อนที่จะมีตัวละครมากขึ้นในเรื่องเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คริสเตน สคาล์ ที่ช่วยให้ซีรีส์มีพลังขับเคลื่อนแบบมนุษย์ปุถุชนจริงๆ
แต่ก็ต้องยอมรับกันว่า ซีรีส์ต้องพึ่งพาพรสวรร์คของนักแสดงมาก และหวังว่าฤดูฉายต่อไปน่าจะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปได้ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของผู้คนในกลุ่ม ที่คงจะมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด ‘จะต้องมีความสนุกสนาน’ กว่าเดิม’ หลังจากที่ทำให้ได้รู้ว่า มีอารมณ์ขันมากมายอยู่ในซีรีส์ ที่ว่าด้วยกลุ่มผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกที่กำลังจะตาย
Daredevil
สถานี: Netflix
ซีรีส์เรื่องแรกท่เน็ทฟลิกซ์ ร่วมทำกับมาร์เวล ซึ่งแฟนๆ รู้ดีว่าจะคาดหวังอะไรได้จากการร่วมมือกันในครั้งนี้ โดยที่ความสำเร็จในยุคหลังของมาร์เวลไม่ต้องทำอะไรมาก เพื่อช่วยลบเลือนบาดแผลของหนังใหญ่ในปี 2003 ที่เบน อัฟเฟล็คมารับบทแดร์เดวิล และเมื่อซีรีส์ออกตัวในเดือนเมษายน ก็แสดงให้เห็นว่าฮีโรผู้ไม่กลัวความตายรายนี้มีสายพันธุ์เดียวกับตัวละครในหนังจอเงิน แต่มีเชื้อสายของจักรวาลอันใหญ่โตของมาร์เวลไม่มากมาย เมื่อมีความหม่นมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นความกล้าหาญอย่างมากกับการเดินเข้าไปในพื้นที่ ที่หนังมาร์เวลส่วนใหญ่เลือกที่จะเลี่ยง และไม่ใช่หนังที่มากับแสงสว่างของ The Avengers แต่เป็นการนำเสนอโลกทึมๆ ที่แตกตัวออกมาจากทรากปรักหักพังของการต่อสู้ในนิว ยอร์ค แล้วก็เสริมด้วยการแสดงของชาร์ลี ค็อกซ์ ในบทนำ และวินเซนท์ ดีโอโนฟรีโอ ในบทตัวร้าย, ฉากแอ็คชันที่น่าทึ่ง
แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ที่มาร์เวลกับเน็ทฟลิกซ์ ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นในปี 2015 แต่มันก็คืองานที่วางโทน และแสดงให้เห็นว่า หนังจากหนังสือการ์ตูนไม่ใช่งานที่สดใส มีเสน่ห์ฟรุ้งฟริ้งไปซะทั้งหมด ซึ่งซีรีส์อย่าง Jessica Jones ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าได้ผลพวงอะไรจากเรื่องนี้บ้าง
iZombie
สถานี: ซีดับเบิลยู
ซีรีส์ไม่กี่เรื่องที่ให้ความรู้สึกแบบจัดเต็มอย่างที่ iZombie แสดงให้เห็นตั้งแต่ตอนแรก ที่เปิดตัวมาพร้อมกับความมั่นใจ, โครงเรื่องที่ชัดเจน และโทนที่แจ่มชัด โดยเฉพาะการให้ชีวิตใหม่กับซอมบี้ จากที่เคยดูซึมเซา และเปิดโลกใบใหม่ที่หนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ และความโดดเด่นที่แท้จริงของซีรีส์ก็อยู่ที่ตัวละครในเรื่อง ขณะที่ซีรีส์ใหม่โดยทั่วไป มักจะให้ตัวละครหลักนำเรื่อง แล้วบรรดานักแสดงสมทบค่อยๆ เข้าไปมีส่วนร่วม แต่ iZombie แสดงให้เห็นตั้งแต่แรกเริ่มว่า จะเน้นไปที่บรรดาตัวละครที่อยู่รายรอบโอลิเวีย มัวร์ และทำให้เกิดบรรดาหน้าใหม่ในวงการอย่าง ราอูล คอห์ลี ขณะที่ตัวละครอื่นๆ ที่รับบทโดย โรเบิร์ท บัคลีย์, มัลคอล์ม กูดวิน ก็ทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนจากงานเบาสมองเป็นดรามาได้อย่างกลมกลืน จนกลายเป็นซีรีส์จากหนังสือการ์ตูนที่ดีที่สุดที่ซีดับเบิลยูสร้างขึ้นมา
Wet Hot American Summer: First Day of Camp
สถานี: เน็ทฟลิกซ์
การสานต่องานที่มีผู้ชมสาวกให้การติดตามจำนวนหนึ่ง แบบงานคัลท์ มักจะกลายเป็นเรื่องน่าเศร้า และน่าผิดหวัง อย่างเช่น หนังใหญ่ Anchorman 2 ที่ไม่สามารถสร้างความสนุกในแบบเกินความคาดหมายแบบที่หนังภาคแรกทำได้ การมาถึงของ Wet Hot American Summer: First Day of Camp ก็ให้ความรู้สึกน่าสยดยองไม่ต่างกัน แต่แทนที่จะพยายามกลับไปหาวันชื่นคืนสุขของชีวิตในแคมป์แบบที่เห็นในหนังใหญ่ปี 2001 First Day of Camp กลับเติมความลึกให้กับหนังต้นฉบับและอธิบายมุมมองต่างๆ ที่มีต่อแคมป์ ฟลีทวูด ที่สำคัญยังสร้างคำจำกัดความใหม่ให้กับตัวละครที่ผู้ชมหลงรักมานานนับทศวรรษ โดยที่ยังทำให้ทุกคนหัวเราะและรักได้อย่างที่เคยเป็น
จากเรื่อง 10 หนังทีวีใหม่ที่ได้ใจที่สุดของปี 2015 (ตอนจบ) โดย นายสะเด่าส์ คอลัมน์ ดูหนังที่บ้าน นิตยสารเอนเตอร์ฉบับที่ 1200 ปักษ์หลังมกราคม 2559