จากงานตอนแยกของตัวละครรายหนึ่งจากซีรีส์ Ali G ของซาชา บารอน โคเฮน โบรัตนักข่าวจากคาซัคสถานที่ได้เดินทางไปในโลกตะวันตก และความเปิ่น ล้าหลังของเขาเป็นที่มาทั้งมุกตลก ที่ส่วนใหญ่จะเป็นอารมณ์ขันในแบบเดอร์ตี โจ๊ก และตลกร้าย ทั้งการเป็นงานเสียดสี ล้อเลียน รวมไปถึงแอบจิกกัดด่าทอ สารพัดสิ่งที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ, ผิว หรือ ความเชื่อ ที่คมและเข้าเป้าเหลือเกิน แล้วก็นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการทำเป็นงานสาหลอกคดี
แม้เรื่องราวในหนังจะเรียกเสียงหัวเราะได้ แต่หากนึกถึงความเป็นมาในการถ่ายทำแล้ว โดยลึกๆ หนังก็มีความน่าตื่นเต้น ลุ้นระทึกไม่น้อยเลย เพราะตัวละครต้องปลอมตัวไปอยู่ในสถานการณ์จริงๆ ซึ่งด้วยพฤติกรรมที่แสดงออกมา มีความเสี่ยงต่ออันตรายไม่น้อย
Borat: Cultural Learnings of America for Make Benefit Glorious Nation of Kazakhstan ประสบความสำเร็จทำเงินกว่าสองร้อยล้านเหรียญทั่วโลก เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยม และสร้างเสียงฮือฮากับความอื้อฉาวได้ไม่น้อยไปกว่ากันนัก
บารอน-โคเฮน นำโบรัตกลับมาขึ้นจออีกครั้ง ตามเวลาจริงที่เกิดขึ้น คราวนี้เขาต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญ หลังถูกจองจำเป็นสิบปีในข้อหาที่ทำให้ชื่อเสียงของคาซักสถานเสียหาย โดยต้องนำลิง – จอห์นนี เดอะ มังกี ที่เป็นดาราหนังโป๊ชื่อดัง และรัฐมนตรีวัฒนธรรมของคาซัคสถาน ไปมอบให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เพราะโบรัตเคยไปหย่อนระเบิดเอาไว้หน้าตึกทรัมป์ ทาวเวอร์ ทำให้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นรองประธานาธิบดีไมเคิล เพนซ์แทน ที่หากเขาทำสำเร็จจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ
ซึ่งภารกิจนี้ ไม่ใช่แค่ดูบ้าๆ บอๆ เท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่า ไม่สามารถทำกันได้ง่ายๆ และเรื่องวุ่นวายในชีวิตของโบรัต ก็ไม่ได้มีแค่นี้ เมื่อลูกสาวผู้ห่างเหินของเขาแอบตามมาด้วย
หนังใช้ชื่อ Borat Subsequent Moviefilm: Delivery of Prodigious Bribe to American Regime for Make Benefit Once Glorious Nation of Kazakhstan ซึ่งเรียกสั้นๆ แค่ Borat Subsequent Moviefilm หรือ Borat 2 และยังคงคอนเส็ปต์เดิม เสียดสี หยอกล้อจิกกัด เรื่องละเอียดอ่อนและปัญหาต่างๆ ในสังคม เช่น การเหยียดผิว, นักการเมือง, การเหยียดเพศ รวมถึงโควิด-19 ในแบบห่ามๆ ที่ไม่หน่อยเลย
ตั้งแต่ความคิดในแบบผู้ชายเป็นใหญ่ ซึ่งเชื่อถือกันมาตั้งแต่นมนาน และบอกเล่าผ่านสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียม หรือจารีตประเพณีทั้งหลาย จนเป็นเรื่องฝังหัว, การโจมตีพรรคการเมืองในปีกรีพับลิกัน จนกลายเป็นการ ‘แฉ’ บางแง่มุมของบางคน ที่ล้วนไม่ได้นำเสนอแบบเรียบง่าย หรือดูสมจริงแน่ๆ แต่เป็นมุกห่ามๆ สถานการณ์ล่อแหลม ที่หลายๆ ครั้งบอกว่าเถื่อนได้อย่างเต็มปาก สลับกับมุกการมาอยู่ในที่ๆ ตัวเองไม่คุ้นเคย ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งการกระทำหรือความเชื่อบางอย่างของตัวละคร เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แล้วก็มีไม่น้อยที่มากเกินกว่าจะเรียกเสียงหัวเราะ เพราะดูสุดโต่ง หรือไปไกลเกินกว่าการเป็นอารมณ์ขัน หรือการล้อเลียนไปแล้ว
[one_half]
[/one_half]
หนังจบลงในแบบสุดเซอร์ไพรส์ ด้วยเรื่องหักมุมเกี่ยวกับโควิด-19 ที่หนังเอามาเล่นอยู่พักใหญ่เช่นกัน ซึ่งช่วยให้หนังมีความเข้ายุคเข้าสมัย
ขณะที่ความน่าตื่นเต้นในการทำงาน หนังมีความลุ้นระทึก และน่าประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อตัวละครที่เข้าไปอยู่ในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของพวกขวาจัด, การแต่งชุดคูคลักซ์แคลนไปในที่สาธารณะ, การแฝงตัวไปในการประชุมของพวกภรรยานักการเมือง ตลอดจนทำสัมภาษณ์หลอก รูดี จูลิอานี ทนายความคนสนิทของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถรอดมือ รอดเท้าออกมาได้ ทั้งที่ดูสุ่มเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายเหลือเกิน
ภายใต้ความแสบสันต์ การกัดจิก แบบเลือดซิบ และสนุกได้ หนังก็มีสัมผัสของความน่าขยะแขยงไปพร้อมๆ กัน เมื่อมีช่วงเวลาที่ไม่ต่างไปจากการเอาความปรารถนาดีของผู้คนมากมายมาใช้ประโยชน์แบบหลอกใช้ เช่นที่เห็นจาก พี่เลี้ยงเด็กผิวดำ กับผู้ที่รอดชีวิตมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สอง [one_half_last]
ทำให้ Borat Subsequent Moviefilm เป็นงานที่ เถื่อน-ห่าม-ทราม-แสบ-กวน แต่คม และ คม แต่เถื่อน-ห่าม-ทราม-แสบ-กวน ในเวลาเดียวกัน แล้วแต่จะมองในมุมไหน
[BORAT SUBSEQUENT MOVIEFILM: DELIVERY OF PRODIGIOUS BRIBE TO AMERICAN REGIME FOR MAKE BENEFIT ONCE GLORIOUS NATION OF KAZAKHSTAN ทางแอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ]
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1328 ปักษ์หลังพฤษภาคม 2564