REVIEW

Pacific Rim หนังของแฟนบอย เพื่อแฟนบอย

PACIFIC RIM (2013) **** human and the beast
กำกับ-กีแยร์โม เดลโทโร ผู้แสดง-ชาร์ลี ฮันแนม, ไอดริส เอลบา, ริงโกะ คิคูชิ, รอน เพิร์ลแมน
Pacific Rim

ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลกลใด นี่เป็นปีที่ฮอลลีวู้ดสร้างหนังที่ว่าด้วยจุดจบและ/หรือหายนะของมวลมนุษยชาติ-มากกว่าเพื่อน นับเนื่องจากต้นปี เราได้ดูหนังที่นำเสนอเนื้อหาทำนองนี้ (และเทียบเท่า) ไม่ต่ำกว่า 6-8 เรื่อง (Oblivion, After Earth, World War Z, ฯลฯ) และสมมติว่าจะต้องโหวตหนังที่สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขาการทำลายล้างโลกยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งปีแรก (หรือบางที อาจรวมครึ่งปีหลังด้วย) น่าเชื่อว่าผู้ชมจำนวนไม่น้อยน่าจะเทคะแนนความศรัทธาเชื่อมั่นและชื่นชอบให้กับหนังเรื่อง Pacific Rim (2013) ของกีแยร์โม เดลโทโร (Pan’s Labyrinth) ด้วยเหตุผลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน นั่นคือ มันไม่ได้แสดงความทะเยอทะยานที่จะเป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ใช่ตั้งแต่เริ่มแรก

พูดง่ายๆ นี่คือหนัง ‘สัตว์ประหลาดโง่ๆ’ ที่เนื้อหาสำคัญได้แก่การที่มันออกอาละวาดทำลายความเป็นอยู่อันสงบสุขของชาวโลก และแน่นอนว่านั่นเป็นธุระที่มวลมนุษยชาติจะต้องร่วมมือกันหยุดยั้งการกระทำของมัน และสรรพกำลังในการสร้างหนังเรื่องนี้ทั้งหมด-ถูกทุ่มไปให้กับความประณีตและพิถีพิถันในส่วนของงานออกแบบงานสร้าง ทั้งด้านฉาก, กำกับศิลป์ ไปจนถึงสเปเชี่ยล วิฌ่วล เอฟเฟ็คท์ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและ ‘สมจริง’ ให้กับสถานการณ์ ข้อสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องยกตัวเองให้กลายเป็นหนังสูงส่งด้วยการนำเงื่อนงำในทางศาสนามาเชื่อมโยง หรือสอดแทรกหลักคิดในเชิงอภิปรัชญา หรือนำเสนอตัวละครที่สภาวะภายในของเขาเต็มไปด้วยพื้นที่รกร้างและความเจ็บปวดทุรนทุราย อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดบาปหรือบังเกิดความละอายใจในการทำให้หนังออกมาดูน่าสนุก ชวนให้ติดตาม

pacific rim 01หรือระบุอย่างไม่อ้อมค้อม Pacific Rim เป็นหนังที่ยืนอยู่ในขั้วที่ตรงกันข้ามกับ Man of Steel (หรือหนังซูเปอร์แมนแห่งความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน) ที่แทบทุกสิ่งอย่างของมันเป็นเรื่อง ‘ไกลเกินเอื้อม’ และมันดูเหมือนคนทำหนังเรื่องนั้นกลัวว่าการทำหนังให้ออกมาสนุกอาจจะส่งผลต่อความน่านับถือและเกรงขามของมัน และ Pacific Rim เป็นหนังที่ไม่ว่าผู้ชม (โดยเฉพาะผู้ชาย) จะมีอายุเท่าใดในตอนที่เดินเข้าโรงภาพยนตร์ เวทมนตร์คาถาของเดล โทโรก็จะบันดาลให้พวกเรากลายสภาพเป็นเด็กเล็กที่ครั้งหนึ่ง พวกเราต่างเคยเป็นแฟนบอยของเรื่องราวหุ่นยนต์ปะทะสัตว์ประหลาดเหมือนๆกัน

แต่ในขณะที่ Pacific Rim ดูเหมือนจะเป็นหนังที่ ‘ตื้น, ง่าย, ไม่ต้องคิดอะไรมาก’ มันก็กลับแฝงไว้ด้วยคอนเสพท์หรือหลักความคิดที่เฉลียวฉลาดและแยบยล ประโยคที่เสียงบรรยายของตัวเอกระบุทำนองว่า ‘พวกเรามักจะเชื่อกันว่าสัตว์ประหลาดหรือสิ่งแปลกปลอมที่เรียกว่าเอเลี่ยนมักจะมาจากนอกโลก ทว่าข้อเท็จจริงก็คือพวกเราพากันมองหาเจ้าสิ่งที่ว่านี้ ‘ผิดทาง’ นอกจากพวกมันไม่ได้มาจากนอกโลก ยังซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกของเปลือกโลกลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก และวันดีคืนดี มันก็โผล่ขึ้นมาอาละวาด’ ก็นับเป็นเบาะแสแรกๆ ที่เย้ายวนให้ผู้ชมจับสังเกตได้ว่า บางที นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังที่มุ่งขาย ‘มันสเตอร์’ อย่างน่าไม่อาย

Printและว่าไปแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะในที่สุดแล้ว เนื้อหาที่ว่าด้วยการที่มนุษย์ร่วมกันแสวงหาหนทางกำราบเจ้ามันสเตอร์ขนาดมหึมาที่ถูกเรียกว่า ไคจู (คำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าสัตว์ประหลาด) ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายตัว และดีกรีของความร้ายกาจของแต่ละสายพันธุ์ก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป-ด้วยการริเริ่มโครงการประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่ชื่อว่า เยเกอร์ ซึ่งก็มีอยู่ด้วยการหลายตัวเช่นกัน และประสิทธิภาพของหุ่นแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหลหรือเพ้อฝันหรือแม้กระทั่งเพิกเฉยต่อโลกของความเป็นจริง และเราอาจจะเรียกหนังเรื่องนี้ได้ว่าเป็นปริศนาธรรม หรือการอุปมาอุปไมยที่ไม่เพียงย้ำเตือนให้พวกเราตระหนักว่า ศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ไม่ได้มาจากภายนอก หากแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในตัวเรา และวิธีการรับมือหรือควบคุมเจ้าสิ่งที่เกกมะเหรกเกเรและชั่วร้าย-ก็ไม่ใช่ด้วยการสร้างหุ่นยนต์ที่มีส่วนสัดทัดเทียมไปจัดการ เพราะจากที่หนังนำเสนอ มันสามารถประทังความวิบัติและเสียหายได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น หนทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะเจ้าสัตว์ร้ายเหล่านี้ก็เป็นอย่างที่นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องในเรื่องบอกไว้ ‘หากจะหยุดยั้งพวกมัน พวกเราก็ต้องทำความเข้าใจพวกมัน’ และว่าไปแล้ว นี่เป็นหลักคิดที่ฟังดูเป็น ‘ตะวันออก’ มากๆ (และนั่นไม่ต้องเอ่ยถึงวิธีการบังคับหุ่นเยเกอร์ที่ ‘นักบิน’ ทั้งสองต้องทำงานสอดประสานทั้งในทางร่างกายและสภาพจิตใจ)

[one_two][/one_two]

ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุผลที่นำพาให้หนังเรื่องนี้พยายามทำในสิ่งที่เรียกว่า ‘de-Americanization’ หรือลดทอนความเป็นอเมริกันในทุกองคาพยพหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ หนังเริ่มเรื่องด้วยฉากที่เมืองซานฟรานซิสโกถูกถล่มก่อนเพื่อน และในเวลาต่อมา ฐานที่มั่นในการรับมือกับเจ้าไคจูก็ได้แก่เกาะฮ่องกง แถมฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็ยังเกิดขึ้นในส่วนช่องแคบ และถึงแม้ว่าตัวหนังจะ ‘เมดอิน ยูเอสเอ.’ แต่ผู้กำกับและทีมงานส่วนหนึ่งเป็นชาวสแปนิช นักแสดงหลักฝ่ายชายเป็นอังกฤษ (ชาร์ลี ฮันแน่มและไอดริส เอลบ้า) ส่วนฝ่ายหญิง-ริงโกะ คิคูชิ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเธอถือพาสปอร์ตของประเทศอะไร และแน่นอนว่าเดลโทโรไม่หลงลืมที่จะแสดงความคารวะต้นกำเนิดหรือรากเหง้าของหนังที่ว่าด้วยก็อดซิลล่า (หรือปู่ทวดและย่าทวดของเจ้าไคจู) ด้วยการใช้โตเกียวเป็นแบ็คกราวนด์ของฉากที่สะเทือนอารมณ์

แต่จะอเมริกันหรือไม่อเมริกัน อย่างหนึ่งที่สรุปได้แน่ๆก็คือ นี่คือหนังมันสเตอร์ที่ให้ความรู้สึก ‘ฟินเว่อร์’ ในรอบหลายปี และแฟนบอยทั้งในอดีตและปัจจุบัน-สมควรที่จะได้มาร่วมเป็นสักขีพยานต่อปรากฏการณ์กอบกู้และพิทักษ์โลกครั้งนี้โดยพร้อมเพรียง

จากเรื่อง PACIFIC RIM human and the beast โดย ประวิทย์ แต่งอักษร คอลัมน์ Film Critic นิตยสาร HAMBURGER ตีพิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2013

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:REVIEW

Comments are closed.