By Sadaos
STAR TREK BEYOND: หวั่นๆ อยู่เหมือนกัน กับการที่เจ.เจ. เอบรามส์ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปทำ Star Wars: The Force Awakens แล้วได้จัสติน ลิน ที่ชื่อชั้นนั้น ดูจะด้อยกว่ามารับงานต่อ แต่พอดูเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นว่า การได้ลินมาแทนถือเป็นการเลือกที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะสามารถเติมความสด ใหม่ ให้กับหนังได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรื่องที่รวดเร็วมากขึ้น มีช่วงผ่อน ถอน คันเร่งที่สั้นกว่างานสมัยที่หนังอย่ในมือของเอบรามส์ รวมไปถึงไม่ต้องฟังอีร้าค่าอีรมกันนาน แล้วฉากแอ็คชันใน Star Trek Beyond ก็ไม่ได้ดูยืดยาด ยืดยาว เหมือนอย่างที่รู้สึกกับฉากแอ็คชันใน Fast & Furious (แม้ความยาวอาจจะไม่ต่างกันมากนัก) ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะหนังมี ‘ของ’ ให้เล่นได้หลากหลายกว่า
โปรดัคชันก็ดูน่าตื่นตา ยานและสถานีอวกาศดูอลัง โดยเฉพาะการชมในโรงไอแมกซ์ ทำให้รู้สึกได้ถึงความใหญ่โต รวมไปถึงความเวิ้งว้างได้มากขึ้น
การเปลี่ยนมือเขียนบทมาเป็น ไซมอน เพ็กก์ กับดัก จุง ก็มีส่วนเช่นกัน เมื่อหนังมีอารมณ์ขันให้ได้อมยิ้ม หรือหัวเราะกันมากกว่าเดิม ทำให้หนังไม่มีแต่ฉากแอ็คชันแข็งๆ แมนๆ รวมไปถึงตัวละครคนอื่นๆ ก็มีบทบาทมากขึ้น ไม่ได้จำเพาะอยู่กับกัปตันเคิร์ก และสป็อค โดยเฉพาะช่างเครื่อง สก็อตตี และคุณหมอโบนส์ ที่มีมีความโดดเด่นมากกว่าเดิม ขณะที่คนอื่นๆ อย่างซูลู และเชคอฟ แม้จะยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ไม่ได้ถูกละเลยจนเกินไป
หนังออกมาดูสนุก เป็นความบันเทิงที่ดูเพลิน แม้จะพอคาดเดาชะตากรรมของตัวละครได้ แล้วการหักมุมในส่วนความเป็นมาของตัวละครบางตัว ที่ยังคงยึดติดอยู่กับสงครามการต่อสู้ และคุ้นเคยกับชีวิตแบบนั้นมากกว่าสันติ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก็ไม่ต่างไปจากที่เคยเห็นใน Mission: Impossible หรือหนังจารกรรม หนังสงครามหลายๆ เรื่องที่ ตัวทหารเก่า สายลับแก่ เข้ากับชีวิตสงบสุขไม่ได้และต้องหาทางสร้างความวุ่นวายครั้งใหม่ขึ้นมา
มองเผินๆ Star Trek Beyond ยังเป็นงานที่เต็มไปด้วยความคุ้นเคยเดิมๆ แต่มองลึกลงไป จัสติน ลิน (รวมไปถึงเพ็กก์และจุง) ใส่ความสด-ใหม่เข้ามาให้กับหนังได้อย่างลงตัว กลมกลืน และแนบสนิท ในแบบที่ทำให้ดูสนุก บันเทิงแบบทันที และกระชับกว่างานที่เจ.เจ. เอบรามส์ ทำเอาไว้ด้วยซ้ำไป แม้จะไม่ล้ำลึก ซับซ้อนในเนื้อหาเท่าก็ตามที
ควรชมหากชอบ: Star Trek, Star Trek Into Darkness, Battlestar Galactica
โดย นพปฎล พลศิลป์
What is your reaction?
