
สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาของคอนเสิร์ตนอกในบ้านเรา เพราะมีให้ชมกันถึงสามรายในรอบเจ็ดวัน แถมยังมีแนวทางแตกต่างกัน ถ้าได้ชมครบถ้วนก็น่าจะเติมสีสันให้ชีวิตได้มากโข โดยเริ่มกันตั้งแต่กลางสัปดาห์ 10 กันยาฯ ที่เป็นการแสดงของหนุ่มป็อป – เจเรมี ซัคเกอร์ ส่วนวันต่อมาเป็นเวลาของดนตรีฮิพ-ฮ็อพกับวิซ คาไลฟา ก่อนจะปิดท้ายด้วย The 1975s ในวันที่ 13 และ 14 กันยายน
วันนี้ว่ากันที่สองรายแรก หนุ่มป็อปและหนุ่มฮิพฮ็อพกันก่อน
โชว์ของเจเรมี ซัคเกอร์เล่นกันที่นครินทร์ สเปซ ฮอลล์ขนาดกะทัดรัดตรงข้ามโรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์ ที่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้รู้จักหนุ่มคนนี้อะไรมากมาย แต่หลังจากที่รู้ว่าจะเดินทางมาเล่นให้ชมกัน เลยลองสัมผัสกับเพลงของเขา ซึ่งก็เป็นป็อปที่ฟังล่องลอย ชวนเคลิ้บเคลิ้ม เป็นเพลงอีซีลิสนิงกลายๆ แล้วก็มีรายละเอียดดนตรีหลากหลายที่เนื้อใน ไม่ว่าจะเป็นอาร์แอนด์บีหรือซินธ์ป็อป แตกต่างกันไปในแต่ละเพลง
แต่หากคิดว่าโชว์ของหนุ่มนิวเจอร์ซีย์ จะเป็นการแสดงดนตรีแบบนั่งฟังละก็ผิดถนัด เจเรมีขึ้นเวทีพร้อมเพื่อนอีกคนที่รับหน้าที่หลังกลองชุด ช่วยให้การแสดงมีจังหวะจะโคนเข้มข้นกว่าที่ได้ยินในอัลบัม และถึงจะไม่ได้มาพร้อมกับนักดนตรีแบบครบวง แต่ในบางเพลงเจเรมีก็ยังเล่นกีตาร์เสริม ขยับอารมณ์ของเพลงและผู้ชมได้มากขึ้น แล้วก็หยิบเพลงของศิลปินอื่นมาเล่นเป็นเซอร์ไพรส์อย่าง “Thinkin ‘Bout You” ของแฟรงค์ โอเชียน และบางท่อนของ “Take Me Home, Country Road” ที่เล่นนำก่อนเข้าเพลง “Oh, Mexico” ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมา
ส่วนผู้ชมที่มีเต็มพื้นที่ฮอลล์แบบกำลังพอดีตัว เกือบทั้งหมดน่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของศิลปินหนุ่มรายนี้ โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ เวทีที่ร้องเพลงตามได้ทุกเพลง พาให้โชว์ดูสนุกไปด้วยเมื่อศิลปินกับคนดูส่งต่อปฏิกริยาทางอารมณ์กันอย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจก็คือ ในหลายๆ เพลงเจเรมีแสดงให้เห็นว่า สามารถเติมสีของดนตรีร็อคเข้ามาในเพลงได้ดี และเพลงของเขาน่าจะขยับไปจากเพลงอารมณ์แบบดรีมป็อป ที่มีความหนักแน่นกว่านี้ได้ไม่ยาก ปัญหาก็อยู่ที่ว่า เขาจะทำหรือไม่เท่านั้นเอง
วันต่อมา สถานที่แสดงย้ายมาในฮอลล์กลางเมืองที่ใหญ่ขึ้น จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮาส์ เซ็นทรัลเวิร์ลด์ ที่จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างไปจากปาร์ตีฮิพฮ็อพกลายๆ เมื่อมีศิลปินเปิดงานเล่นโชว์อุ่นเครื่องกันยาวๆ ก่อนหน้า เป็น Twopee Southside ที่มี Da Boy Way มาแจมด้วยในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ ทำให้แฟนๆ พร้อมกันเต็มที่สำหรับการขึ้นเวทีของวิซ คาไลฟา เจ้าของงานที่แม้จะเป็นศิลปินฮิพ-ฮ็อพ แต่แฟนเพลงป็อปก็น่าจะรู้จักกันดี จากเพลง “See You Again” ที่ฟีเฌอริงกับชาร์ลี พุธ และอยู่ในหนัง Fast and Furious เรื่องที่ 7
แต่สำหรับแฟนเพลงฮิพ-ฮ็อพ คาไลฟามีของมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น “Say Yeah”, “Work Hard, Play Hard”, “We Dem Boyz”, “Young, Wild & Free” ที่ทำร่วมกับสนูพ ด็อกก์ แล้วมีบรูโน มาร์สมาฟีเฌอริง รวมถึง “Sucker for Pain” ที่มีศิลปินมาร่วมงานเพียบ ได้แก่ ลิล เวย์น, Imagine Dragons, โลจิค และทาย ดอลลา ไซน์ แล้วก็ เอ็กซ์ แอมบาสซาเดอร์ส ที่ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ผสมผสานกันระหว่างดนตรีฮิพ-ฮ็อพและป็อป ซึ่งไม่ได้ยากสำหรับการเข้าถึง แล้วเมื่อได้การจัดเรียงที่สลับกับเพลงฮิพ-ฮ็อพหรือแร็ป ที่ดิบหรือจริงจังมากกว่าได้อย่างลงตัวมาช่วย โชว์ที่มีคาไลฟากับคู่หูหลังเทิร์นเทเบิลก็กลายเป็นโชว์มันส์ๆ ได้ ก่อนที่จะส่งผู้ชมกลับบ้านด้วยเพลงที่ใครๆ ก็รู้จักดี
แม้จะเป็นโชว์ของศิลปินต่างแนวทาง และต่างสถานที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองโชว์มีเหมือนกันคือ การแสดงที่ขึ้นตรงเวลา คุณภาพเสียงที่ดีทำให้อารมณ์ของผู้ชมไปกับเพลงได้ไม่ยาก ขณะที่เรื่องแสงสีนั้น โชว์ของคาไลฟาถือว่ามาเต็มมากกว่า แต่ความสวยงามในเรื่องการเล่นไฟสำหรับโชว์ของเจเรมี ซัคเกอร์ก็ไม่ได้ย่ำแย่ อาจจะมีติอยู่บ้างเรื่องการจัดการกับบรรดาผู้สูบบุหรี่ระหว่างชมการแสดงของคาไลฟา ที่ส่วนใหญ่จะเป็นบุหรี่ไฟฟ้าดูจะปล่อยปละละเลยกันไปหน่อย
ส่วนเรื่องการแสดงนั้น กับคนที่เป็นแฟนก็น่าจะสมใจ เพราะศิลปินทั้งสองรายให้กันเต็มที่ ส่วนคนที่อยากไปเปิดหูเปิดตา ก็ได้รับความบันเทิงกลับมาบ้านไม่น้อยเลย
(ภาพจาก เฟซบุคเพจ Vijicorp)
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง จากโลกของป็อปสู่โลกของฮิพฮ็อพ สองคอนเสิร์ทจากสองศิลปินในสองวัน คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 13 กันยายน 2562