อาปัติ: ดูหนังเรื่อง “อาปัติ” ผลงานกำกับของขนิษฐา ขวัญอยู่-แล้ว และก็พอจะเดาได้ (แม้ว่าจะไม่ทั้งหมด) ว่า ฉากไหนที่ถูกตัดทอนออกไป ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นความ ‘บ้องตื้น’ ของใครก็ตามที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะมันไม่ใช่การนำเสนอด้วยเจตนาลบหลู่หรือจาบจ้วงหรือยั่วยุแน่ๆ แต่มีเหตุและผลของการดำรงอยู่ของมัน โดยเฉพาะในการอธิบายบุคลิก และวุฒิภาวะของตัวละคร ตลอดจนเป็นการสร้างปมเรื่องที่จะนำไปสู่การคลี่คลายในตอนท้าย และเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มองเห็นแสงแห่งธรรม (จริงๆแล้ว ประเมินจากภาพต่างๆนานาที่ยังหลงเหลืออยู่บนจอ-ก็บอกได้ไม่ยากว่า ท่าทีในการนำเสนอของคนทำหนังก็ระมัดระวังตั้งแต่เริ่มแรกอยู่แล้ว)
แต่พอไม่มีฉากเหล่านั้น (สามเณรเสพของมึนเมา, สามเณรใช้ความรุนแรง, ฉากการแสดงความไม่เคารพต่อพระพุทธรูป การพูดถึงความสัมพันธ์และใช้คำพูดเชิงชู้สาวที่ไม่เหมาะสม) มันก็กระทบต่อความหนักแน่น ความสมจริงสมจังและพลังในการสื่อสารของหนังอย่างน่าเสียดาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บั่นทอนเจตนารมณ์ที่น่าชื่นชมของคนทำหนังที่ต้องการจะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไม่ตายตัวและสำเร็จรูป-เหมือนกับที่เรามักจะพบเห็นอย่างเจนตาในหนังไทย และกลายเป็นว่าจากเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น นำพาให้สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพระในหนังจะทำได้สองสามอย่างเท่านั้นและไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และนั่นคือ รับบิณฑบาตร, ให้ศีลให้พร และเทศนาสั่งสอนสาธุชน
ส่วนที่ไม่ชอบเกี่ยวกับหนังเรื่อง “อาปัติ” ก็คือบรรดาข้อความตัวหนังสือที่ขึ้นในตอนต้นและตอนท้าย-ที่ขอพูดสั้นๆว่า รกรุงรังและไม่จำเป็น อีกอย่างหนึ่งก็คือฉากกระตุกขวัญสั่นประสาท-ซึ่งมันจู่โจมผู้ชมด้วยกลวิธีที่ค่อนข้างฉวยโอกาสเกินไป โดยเฉพาะการใช้ซาวด์เอฟเฟ็คท์ที่ดังเกินกว่าเหตุในหลายครั้ง และขาดการปูพื้นหรือโหมโรงไปสู่สถานการณ์เช่นนั้นอย่างแยบยล แต่มันก็ชดเชยได้ด้วยการพล็อตและวางกรอบในการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆว่า สุดท้ายแล้ว ปมปริศนาของเรื่องทั้งหมดคืออะไร อาจจะมีบางส่วนที่หนังเจตนาหลอกล่อหรือตบตาผู้ชม แต่ก็ไม่ได้เยอะแยะจนถึงกับยกประโยชน์ให้ไม่ได้
อีกอย่างหนึ่งที่โดดเด่นก็คือการแสดง นักแสดงหลักๆ เล่นกันได้ราบรื่นและเข้าถึงบทบาทมากๆ ทั้งชาลี ปอทเจสในบทเณรซันที่ถูกบังคับบวชโดยไม่ยินยอม ท่าทีเกกมะเหรกของเขา(โดยเฉพาะตอนตบกะโหลกเณรอีกคน) อธิบายพื้นเพภูมิหลังตัวละครโดยอัตโนมัติ อีกคนก็คือพลอย ศรนรินทร์ เด็กสาวบ้านนอกที่แอบชอบเณรหนุ่มจากเมืองกรุงและไม่แคร์ผ้าเหลือง จริงๆแล้ว แม้กระทั่งเสียงในโทรศัพท์ของแฟนสาวของเณรซัน (ซึ่งผู้ชมแทบจะไม่ได้เห็นหน้า) ก็ยังถ่ายทอดออกมาได้เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการต้องพูดประโยคที่สุดแสนจะ cliche ทำนองว่า “เราเลิกกันเถอะ” และเป็นเพราะรายละเอียดน้อยใหญ่เหล่านี้นี่เองที่ทำให้นี่เป็นหนังไทยอีกเรื่องของปีนี้ที่ โอ.เค.
และหวังว่าในภายภาคหน้า พวกเราจะได้มีโอกาสดูฉบับ uncut หรือ director’s cut เพื่อว่าพวกเราจะได้มองเห็นองค์รวมของหนังที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นเวอร์ชั่นที่คนทำหนังอยากให้ได้ดูจริงๆ
โดย ประวิทย์ แต่งอักษร
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่