WHITE HOUSE DOWN: มาทีหลัง Olympus Has Fallen ในแบบที่พล็อตละม้ายคล้ายคลึงกันมาก แต่บางส่วนก็ทำให้นึกถึง The Rock เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องแคเร็คเตอร์ กับแรงจูงใจของตัวละครบางตัว
หนังมาตามสูตรสำเร็จแบบเดิ๊ม เดิมของโรแลนด์ เอมเมอริช ไม่ว่าจะเป็นพล็อต การเล่าเรื่องที่อยู่ในโครงสร้างเช่นที่เห็นมาตั้งแต่สมัย ID4 ปูพื้นความสัมพันธ์ พยายามให้เห็นแง่มุมต่างๆ ของตัวละครในช่วงแรก ก่อนที่จะนำไปสู่ฉากแอ็คชั่นที่ลากยาวกันทั้งเรื่องในเวลาต่อมา โดยที่ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย เป็นหนังยิงผนังพังตึก ที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร ทั้งๆ ที่ชมบนจอไอแมกซ์ ทุกอย่างมาเป๊ะตามสเต็ป ด้วยความที่ “พยายาม” ทำให้ตัวเองมีอะไร ใส่มาทุกอย่าง หนังเลยกลายเป็นความเวิ่นเว้อ ฉากแอ็คชั่น ที่เห็นๆ กันมาก่อน ความเป็นดราม่าที่ดูจงใจ และฟูมฟาย ตั้งหน้าตั้งตาเร้าอารมณ์จนเป็นลิเก ร้ายไปกว่านั้นอารมณ์ขันก็จืดสนิท ทำให้หัวเราะเพราะความรู้สึกว่า ใส่มาทำไม มากกว่าจะขำไปตามความตั้งใจของคนทำงาน รวมไปถึงความยาวที่เกินงาม
เป็นงานที่เทอะทะ ดูเกะกะ เกินๆ ล้นๆ ไปหมด และทำให้หนังเล็กๆ ที่ไม่ได้เพอร์เฟ็คท์อะไรมากมายอย่าง Plympus Has Fallen กลายเป็นงานชั้นดีไปเลยในพริบตา ขณะที่เจอราร์ด บัทเลอร์ได้ชื่อกลับมาเป็นดาราแอ็คชัน แต่ทั้งแชนนิง ทาทัม กับเจมี่ ฟ็อกซซ์ ไม่ได้อะไรเลยจากหนังเรื่องนี้นอกจาก ค่าตัวแสดง และมีหนังคว่ำในเครดิคอีกหนึ่งเรื่อง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าจะทำซ้ำ ก็อย่าทำเยอะ จะยืดยาด เป็นหนังแอ็คชั่นที่มากเกินจนดูขาด เนิบนาบ ย้วยระทวยกันไป
โดย นพปฎล พลศิลป์