FEATURESMusic Features

รำลึกถึงคริส คอร์เนลล์ นักร้องนำของ Soundgarden และ Audioslave หนึ่งในศิลปินรุ่นบุกเบิกดนตรีซีแอตเติล ซาวนด์ ผู้จากไป

คริส คอร์เนลล์ นักร้องเจ้าของพลังเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และมือกีตาร์ที่เต็มไปด้วยความสามารถหลากหลาย แล้วยังเป็นแกนนำคนสำคัญของ Soundgarden และ Temple of the Dog ที่เป็นผู้แผ้วถางทางให้ดนตรีกรันจ์ในยุค 90 เสียชีวิตแล้ว เมื่อคืนวันพุธที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา (2017) ด้วยวัยเพียง 52 ปี

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับสายแจ้งเหตุ 911 ราว ๆ เที่ยงคืน จากเพื่อนของคอร์เนลล์ ที่ทำตามคำขอของวิกกี ภรรยาคอร์เนลล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจของดีทรอยต์เล่าว่า ตอนที่เพื่อนคนหนึ่งไปหาคอร์เนลล์ที่ห้องพักในโรงแรม เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ดีทรอยต์ เขา “อยู่ในห้อง เพื่อนคนดังกล่าวพบว่า ร่างของคอร์เนลล์นอนหมดสติ อยู่ที่พื้นห้องน้ำ” มียางออกกำลังกายที่คอ และจากปากคำของเจ้าหน้าที่ ย้ำด้วยว่า คอร์เนลล์เสียชีวิตไปแล้วในตอนนั้น

โดยตอนค่ำวันเดียวกัน คอร์เนลล์ยังร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับซาวนด์การ์เดน ซึ่งเป็นการแสดงที่มาถึงช่วงกลาง ๆ ในการออกทัวร์ของพวกเขาแล้ว “วิกกี ภรรยาของเขา และครอบครัว ต่างช็อกเมื่อรู้ถึงการจากไปอย่างกระทันหันและไม่คาดคิดมาก่อนของคอร์เนลล์ และทุกคนจะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ชัณสูตร เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต” ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคอร์เนลล์ระบุในแถลงการณ์

ในการแสดงครั้งสุดท้ายของคอร์เนลล์ กับซาวนด์การ์เดน เขาพูดเล่นมุขถึงการแสดงครั้งต่อไปกับผู้ชม ก่อนเล่นเพลง “Rusty Cage” ซึ่งเป็นเพลงสำหรับการแสดงในช่วงอองกอร์ “เฮ้ ขอบคุณ ที่พวกคุณ… มาที่นี่” เขากล่าวกับผู้ชม “ผมหมายความว่า … ผมคงเสียใจนิดหน่อย กับสถานที่ต่อไปที่เราจะเล่น มันก็ใช้ได้ แล้วเราคงไม่ไปเล่นที่นั่นพร้อมกับคาดหวังแบบเดียวกับที่ได้รับจากที่นี่ เรากำลังจะไปที่นั่น… แต่เฮ้.. พวกนายน่าจะมาที่ดีทรอยต์นะ เพราะคนดูที่นี่มีของว่ะ”

ตอนหัวค่ำ คอร์เนลล์ยังทวีตแสดงความตื่นเต้น ที่ได้มาเล่นที่ ‘เมืองร็อก’ (Rock City) แล้วก็ปิดข้อความด้วยแฮชแท็ก #nomorebulls โดยเพลงสุดท้ายในโชว์ ก็เป็นการแสดงเพลง “In Time of My Dying” ของ Led Zeppelin

เพื่อน ๆ ของคอร์เนลล์ และคนที่ได้รับอิทธิพลจากการทำงานของเขา ต่างร่วมกันแสดงความอาลัย ด้วยการโพสต์ข้อความรำลึกถึงผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ “เสียงร้องที่เจิดจ้าท่ามกลางเสียงดนตรี จากเราไปแล้วเมื่อคืนนี้” เพอร์รี ฟาร์เรลล์ นักร้องนำของ Jane’s Addiction ทวีต “เขามีจิตวิญญาณที่ซับซ้อน และนุ่มนวล คริส คอร์เนลล์ บินไปสู่หลุมดำของพระอาทิตย์”

ตำนานของวงการดนตรี จิมมี เพจ บอกว่า คอร์เนลล์ มี “พรสวรรค์ที่แสนมหัศจรรย์, เป็นคนหนุ่มที่น่าเลื่อมใส, จะได้รับการรำลึกถึงอย่างมากมาย” ส่วนเอลทัน จอห์น เขียนว่า “ช็อก และเสียใจอย่างที่สุดกับการจากไปอย่างกระทันหันของคริส คอร์เนลล์ นักร้อง, นักแต่งเพลงชั้นเยี่ยม และผู้ชายที่น่ารักที่สุด”

ความสามารถอันโดดเด่นของคอร์เนลล์ ที่ได้รับการจดจำมาถึงทุกวันนี้ก็คือ เสียงร้องหลากหลายอ็อกเตฟ และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาภายใต้ดนตรีที่หนักหน่วงได้ อย่างที่ได้ยินในเพลงของซาวนด์การ์เดน เมื่อเขาเปลี่ยนการร้องหลากรูปแบบอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น ความก้าวร้าวแบบเมทัล ใน “Jesus Christ Pose”), อารมณ์ที่หดหู่ เศร้าหมอง “Fell on Black Days” และฟังฟุ้งฝัน ล่องลอย “Black Hole Sun”

Temple of the Dog

หลังใช้ชีวิตกับการเล่นดนตรีหนัก ๆ ทั่ว ๆ ไปในยุค 80 ความกว้างไกลในขอบเขตทางดนตรีของคอร์เนลล์ก็ปรากฏให้เห็นในปี 1991 เมื่อเขาทำวง เทมเพิลออฟเดอะด็อก วงซูเปอร์กรูป ที่ประกอบด้วยสมาชิกของซาวนด์การ์เดน และ Pearl Jam เพื่อสดุดี แอนดรูว์ วูด นักร้องนำของ Mother Love Bone ผู้จากไป ก่อนจะแสดงให้เห็นความหนักหน่วงมากขึ้น เมื่อมาทำงานร่วมกับสมาชิกของ Rage Against the Machine ในวงซูเปอร์กรูป ออดิโอสเลฟ รวมถึงแสดงด้านที่นุ่มนวลจากผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยว และการแสดงอะคูสติก โชว์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยคอร์เนลล์สามารถขายอัลบัมในอเมริกาได้ร่วม ๆ 15 ล้านก็อปปี จากการทำงานในนามซาวนด์การ์เดน และงานเดี่ยวรวมกัน

คอร์เนลล์ มีชื่อจริงว่า คริสโตเฟอร์ จอห์น บอยล์ เกิดที่ซีแอตเทิล ในวันที่ 20 กรกฎาคม 1964 และเมื่อแม่แยกทางกับพ่อที่เป็นเภสัชกร เขาก็เลือกใช้นามสกุลของแม่ที่เป็นนักบัญชีแทน คอร์เนลล์มีพี่น้องอีก 5 คน เป็นชายสองและหญิงสาม เขามักเล่นมุขว่า ครอบครัวของตัวเองก็เหมือน ๆ ครอบครัวในหนัง ‘The Brady Bunch’ โดยคอร์เนลล์ค้นพบเส้นทางสายดนตรีเจอหลังได้เรียนเปียโนและกีตาร์ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับการเล่นกลองชุด ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่เขาเล่นในช่วงแรก ๆ ของซาวนด์การ์เดน วงดนตรีที่ตั้งกันในปี 1984 หลังคอร์เนลล์กับมือเบสของวง ฮิโร ยามาโมโต เคยทำงานร่วมกันมาก่อนในวง the Shemps ทั้งคู่ชวนมือกีตาร์ – คิม ธายิล มาร่วมงาน และตั้งชื่อว่า ซาวนด์การ์เดน เพื่อสดุดีปฏิมากรรมชื่อเดียวกันซึ่งทำจากหลอดออร์แกน ที่สามารถสร้างเสียงออกมาได้เมื่อโดนลม และการมาถึงของ สก็อตต์ ซันด์ควิสต์ – มือกลอง ทำให้คอร์เนลล์เปลี่ยนมาเป็นนักร้องนำและเล่นกีตาร์เต็มตัว

ปีต่อมา ซาวนด์การ์เดน บันทึกเสียงเพลง 3 เพลงเพื่อบรรจุในอัลบัมรวมเพลงชุด ‘Deep Six’ ซึ่งมีผลงานของวงกรันจ์รุ่น ๆ เดียวกันอย่าง Melvins และ Green River (ที่ต่อมาสมาชิกแยกย้ายกันไปทำวง เพิร์ล แจม และ Mudhoney) หลังจากนั้นซาวนด์การ์เดนก็ปล่อยซิงเกิลแรก “Hunted Down” ออกมา ตามด้วยอีพีชุด ‘Screaming Life’ ในปี 1987, อีพีชุด ‘Fopp’ ในปี 1988 ซึ่งเพลงชื่อชุด คัฟเวอร์เพลงของวง Ohio Players โดยงานชุดนี้ยังเป็นงานชุดแรกที่วงทำงานร่วมกับแม็ตต์ คาเมรอน – มือกลอง

ปีเดียวกันนี้เอง ซาวนด์การ์เดนก็ออกอัลบัมเต็มชุดแรก ‘Ultramega OK’ งานชุดนี้มีเพลงเด่น ๆ อย่าง “Beyond the Wheel” งานเศร้าหม่นในอารมณ์ดรามา ที่แสดงถึงเสียงร้องอันน่าประทับใจของคอร์เนลล์ และความสามารถของวงที่ผสมริฟฟ์แบบเฮฟวี เมทัล กับเสียงเอ็ฟเฟ็กต์สั่น ๆ รกนัว เข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี

ซึ่งนี่เป็นการบ่งบอกถึงดนตรีกรันจ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวงการดนตรีกลาย ๆ

ซาวนด์การ์เดน สานต่องานดนตรีที่ตัวเองเริ่มต้นไว้ด้วย ‘Louder Than Love’ ในปี 1989 ซึ่งตัวเพลงดูดีมากขึ้นจากริฟฟ์หนา ๆ ที่ฟังสั้นกระชับ, เนื้อหาฟุ้งฝันแบบแมน ๆ และอารมณ์ขันแปลก ๆ

19 มีนาคม 1990 วูด อดีตเพื่อนร่วมห้องของคอร์เนลล์ เสียชีวิตจากการใช้เฮโรอีนเกินขนาด การจากไปของเขาทำให้คอร์เนลล์แต่งเพลง “Reach Down” และ “Say Hello 2 Heaven” ขึ้นมา แล้วไปขอให้สองสมาชิกวง มาเธอร์ เลิฟ โบน – สโตน กอสสาร์ดกับเจฟฟ์ อาเมนต์ มาบันทึกเสียงทั้งสองเพลงกับเขา โดยมีไมก์ แม็กเครดี มือกีตาร์ท้องถิ่นมาช่วยเล่นเสริม แล้วได้นักร้องซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักในตอนนั้น เอ็ดดี เว็ดเดอร์ มาเป็นแขกรับเชิญร่วมกับคาเมรอนจากซาวนด์การ์เดน ซึ่งกลายเป็นวง เทมเพิลออฟเดอะด็อก ในเวลาต่อมา และมีอัลบัมออกมาชุดหนึ่งในปี 1991 ซึ่งทำยอดขายในระดับแพลทินัม หลังจากนั้นสมาชิกในวง ที่ไม่ใช่สมาชิกของซาวนด์การ์เดน ก็ไปรวมตัวเป็นเพิร์ล แจม และออกอัลบัมชุดแรก ‘Ten’ ในปีเดียวกัน

ระหว่างนั้นคอร์เนลล์กับเพื่อน ๆ ยกระดับการทำงานของตัวเองขึ้นไปอีก หลังการจากไปของยามาโมโต ซึ่งได้เบน เชปเฮิร์ดมาทำหน้าที่แทน การทำงานในเทมเพิลออฟเดอะด็อก เหมือนชาร์จไฟความคิดสร้างสรรค์ของคอร์เนลล์ เขาแต่งเพลงออกมาอีกหลายเพลง ที่กลายเป็นซิงเกิลในอัลบัม ‘Badmotorfinger’ ในปี 1991 ของซาวนด์การ์เดน เช่น “Jesus Christ Pose” งานที่เปี่ยมไปด้วยพลังของคอร์เนลล์ ซึ่งถูกแบนทางเอ็มทีวี แต่ “Outshined” กับ “Rusty Cage” ที่เพลงหลังจอห์นนี แคชนำไปคัฟเวอร์ กลายเป็นเพลงดังทางเอ็มทีวี และเป็นอีกแรงส่งที่ทำให้ดนตรีซีแอตเทิลไปอยู่แถวหน้าได้ในตอนนั้น เมื่อรวมกับแรงขับเคลื่อนจาก Nirvana และเพิร์ล แจม อัลบัมชุดนี้ขายได้ในระดับสองแผ่นแพลทินัมเลยทีเดียว

ซาวนด์การ์เดนสานต่อความสำเร็จด้วย ‘Superunknown’ ในปี 1994 อัลบัมขายดีที่สุดของวง งานที่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 ชุดนี้ทำยอดขายได้ถึง 5 แผ่นแพลทินัม ซึ่งเป็นผลจากการที่มีเพลงฮิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มิวสิค วิดีโอหลอน ๆ ของ “Black Hole Sun” เพลงที่ฟังเคลิบเคลิ้ม ช่วยส่งเพลงนี้ให้เป็นงานอมตะของวง ขณะที่ “Spoonman”, “The Day I Tried to Live”, “My Wave” และ “Fell on Black Days” ก็ติดอันดับทั้งในชาร์ตเพลงอัลเทอร์เนถีฟ และเพลงร็อก เมนสตรีมในปีนั้น

แม้จะประสบความสำเร็จ แต่คอร์เนลล์ก็รู้สึกสับสนกับความสนใจที่บ้านเกิดของตัวเองได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการฆ่าตัวตายของเคิร์ต โคเบน “มันยากมากที่จะไม่รู้สึกขมขื่นกับเรื่องนี้” เขาพูดในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโรลลิง สโตน เมื่อปี 1994 “เราเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แล้วกับทุกอย่างที่เป็นไปอย่างฉับพลัน คุณรู้สึกว่ามันเป็นบางสิ่งที่เป็นแฟชัน มันไม่ต่างไปจากการขุดเหมือง เหมือนมีคนเข้ามาในเมืองของคุณ พร้อมรถแบ็กโฮ เครื่องปั้มน้ำ จากนั้นก็ระเบิดภูเขาอันสมบูรณ์ของคุณ ขุดมัน แล้วโยนสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการออกมา ทิ้งเศษซากไร้ประโยชน์เอาไว้ให้ มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก”

อีกหลายทศวรรษต่อมา เขามองย้อนกลับไปในช่วงเวลาของ ‘Superunknown’ ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโรลลิง สโตน ปี 2014 เขาเผยว่า ตัวเองตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าในช่วงเหตุการณ์นั้น และเขียนมันออกมาเป็นเพลง “Fell on Black Days” “ผมสังเกตุเห็นว่า ในชีวิตผม มันมีหลายช่วงเวลาที่รู้สึกว่า สิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้ไม่ดี โดยไม่ได้มีที่มาจากอะไรที่เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง” เขากล่าว “ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร ไม่มีเรื่องความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ไม่มีคนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทัศนคติของผมแค่เปลี่ยนไป มันเป็นความคิดที่น่าหวาดกลัวมาก และผมอยากแต่งเพลงเกี่ยวกับมัน”

ปี 1996 ‘Down on the Upside’ อัลบัมที่ไปถึงอันดับ 2 ในชาร์ตออกมา โดยมีเพลงฮิต อย่าง “Pretty Noose”, “Burden in My Hand”, “Blow Up the Outside World” ซึ่งทั้งหมดเขียนโดยคอร์เนลล์ เช่นเดียวกับเพลงที่ถูกยกออกจากอัลบั้ม “Bleed Together” ที่ต่อมาไปอยู่ในอัลบัมรวมเพลงของซาวนด์การ์เดน ‘A-Sides’ และเป็นเพลงฮิตเพลงสุดท้ายของซาวนด์การ์เดน ก่อนจะแยกวงกันในปี 1997

อัลบัมเดี่ยวชุดแรกของคอร์เนลล์ ‘Euphoria Morning’ ออกมาในปี 1999 มี “Can’t Change Me” เป็นเพลงฮิต ก่อนที่ในอีกสองปีต่อมา เขาจะร่วมงานกับกลุ่มนักดนตรีที่กลายเป็นวงซูเปอร์กรูป ออดิโอสเลฟ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากวง เรจอเกนสท์เดอะ แมชีน – ทอม โมเรลโล (กีตาร์), ทิม คอมเมอร์ฟอร์ด (เบส) และ แบรด วิล์ก (กลอง) แล้วก็ไม่ต่างไปจากซาวนด์การ์เดน ในช่วงที่พีกสุด ๆ ตอนกลางยุค 90 อัลบัมเปิดตัวที่ใช้ชื่อเดียวกับวงในปี 2002 เต็มไปด้วยเพลงฮิตมากมาย เช่น “Like a Stone” และทำยอดขายในระดับแผ่นเสียงทองคำ ขณะที่อัลบัมต่อมา ‘Out of Exile’ กลายเป็นอัลบัมอันดับ 1 โดยมีแรงส่งจากซิงเกิลอันดับ 1 “Be Yourself” พวกเขาสานต่อความสำเร็จด้วย ‘Revelations’ อัลบัมชุดที่สามในปี 2006 ก่อนจะแยกทางกันในปีต่อมา ทำให้คอร์เนลล์กลับไปทำงานเดี่ยวอีกครั้ง โดยอัลบัมชุด ‘Carry On’ (2007) และ ‘Scream’ (2009) ต่างก็ติดชาร์ตท็อป 20 บิลล์บอร์ด

หลังใช้ยาและเหล้ามาหนักหนาสาหัสในช่วงแรกของการทำงาน คอร์เนลล์ก็จบมันลงได้หลังเข้าสถานบำบัดตอนปลายยุค 2000 “มันเป็นช่วงเวลาที่สาหัสมากในชีวิตผม” เขากล่าวกับเดอะ การ์เดียน ในปี 2009 “ผมโชคดีที่ผ่านมันมาได้ ผมไม่แน่ใจนะว่า สถานบำบัดมันดีที่สุดสำหรับผมหรือเปล่า แต่มันใช้ได้”

ชีวิตในช่วงต่อมาของคอร์เนลล์ ก็คือการกลับมาทำงานกับเพื่อน ๆ เมื่อซาวน์ดการ์เดน กลับมามีชีวิตอีกครั้งในปี 2010 โดยมีอัลบัม ‘King Animal’ ออกมาในปี 2012 เขากับทีมเทมเพิลออฟเดอะด็อกก็กลับมาทัวร์ด้วยกันในปี 2016 นอกจากนี้ออดิโอสเลฟก็ขึ้นแสดงร่วมกันในงานต่อต้านพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ในปีเดียวกัน คอร์เนลล์ยังเดินหน้าทำงานเดี่ยวต่อ โดยปล่อยอัลบัมแสดงสดอะคูสติก ‘Songbook’ ในปี 2011 และ ‘Higher Truth’ ในปี 2015

ปี 2014 คอร์เนลล์เล่าให้นิตยสารโรลลิง สโตนฟังว่า ศิลปินนักแสดงที่ชื่อ สปูนแมน (Spoonman) ที่ทำให้เกิดเพลงชื่อเดียวกันของซาวนด์การ์เดน คือคนที่ทำให้เขาอยากทำทัวร์คอนเสิร์ตอะคูสติก “ผมจำได้ถึงตอนนั่งอยู่ในห้อง มีคนสัก 8-10 คน แล้วเขาก็เดินเข้ามาพร้อมย่ามที่ทำจากหนัง ซึ่งเขาจะเอาไปไหนมาไหนด้วยเสมอ จากนั้นก็หยิบช้อนออกมา…” คอร์เนลล์ เล่า “แล้วทุกคนก็อ้าปากหวอ ผมคิด… ‘ผู้ชายคนนี้แค่เดินเข้ามาในห้อง แล้วได้รับปฏิกริยาตอบสนองขนาดนี้’ ผมรู้สึกอายและตัวเล็กลงทุกที ‘เพราะรู้สึกว่า ต่อให้ผมเรียกตัวเองว่านักร้อง, นักแต่งเพลง, นักดนตรี แล้วขายอัลบัมได้เป็นล้าน ๆ ก็อปปี ทัวร์ไปทั่วโลก ผมก็ไม่สามารถเดินเข้ามาในห้อง หยิบอุปกรณ์ขึ้นมา แล้วสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนจนอ้าปากค้างได้ ความคิดนี้ฝังลึกไปถึงกระดูกผม แล้วทำให้ผมเริ่มอยากทำตามแบบนั้นบ้าง”

ล่าสุด เขาบันทึกเสียงร่วมกับวงออเคสตรา ในเพลง “The Promise” เพื่อใช้ในหนังขื่อเดียวกัน และกำลังอยู่ในระหว่างแต่งเพลงให้กับอัลบัมใหม่ของซาวนด์การ์เดน

ในวันที่จากไป คอร์เนลล์ใช้ชีวิตร่วมกับภรรยา วิคกี คาราเยียนนิส ทั้งคู่มีลูกสาว โทนิ ที่เกิดในปี 2004 และคริสโตเฟอร์ ลูกชายที่เกิดในปีถัดมาร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้คอร์เนลล์ เคยแต่งงานกับซูซาน ซิลเวอร์ ที่เคยเป็นผู้จัดการซาวนด์การ์เดน และ Alice in Chains และมีลูกสาว ลิลเลียน ที่เกิดในปี 2000 ร่วมกัน

กระทั่งอยู่ในช่วงสูงสุดของการทำงาน คอร์เนลล์ก็ไม่ได้คิดเวอร์วังจากความสำเร็จที่ได้รับ “ผมคงไม่สามารถพูดได้ว่า เราได้รับแรงบันดาลใจจากอะไรก็ตาม ที่ไม่ใช่ความสำเร็จ” เขาบอกกับนิตยสารโรลลิง สโตนในปี 1992 “และความสำเร็จนั่นก็ไม่ใช่การเข้าชิงรางวัลแกรมมี หรืออันดับในชาร์ต แต่มันเป็นงานดนตรีที่เราทำ และโดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกยังไงกับมัน ผมคิดนะ สำหรับพวกเราแล้ว ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่า การที่เราทำงานที่เราคิดว่าเป็นอัลบัมที่ห่วยที่สุดเท่าที่เราเคยทำมา แล้วจบลงด้วยการที่มันขายได้เป็นกอบเป็นกำ ผมว่า เราทุกคนล้วนรู้ตัวดี แล้วก็คงผิดหวังกับมัน ซึ่งมันคงทำให้ชีวิตของเรายากขึ้น ตราบเท่าที่เรายังต้องการทำงานต่อไปหลังจากนั้น”

แปล/ เรียบเรียงจากเรื่องของ คอรี โกรว์ (Kory Grow) www.rollingstone.com

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.