“อย่าหวังว่าจะได้ชมคอนเสิร์ทก่อนปี 2022” คำบอกเล่าจากโปรโมเตอร์ระดับหัวแถวของวงการ

แม้งานคอนเสิร์ทในบ้านเราจะทะยอยจัดกันให้เห็นเพิ่มมากขึ้น แต่กับตลาดดนตรีที่ใหญ่ที่สุด- สหรัฐอเมริกา สถานการณ์ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น และมาร์ค ไกเกอร์ หัวหน้าแผนกดนตรีของ WME (William Morris Endeavor) ที่ยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรีลอลลาพาลูซา (Lollapalooza) ออกมาพูดในทำนองที่ว่า เขาไม่คาดหวังว่าจะได้ชมเทศกาลดนตรีอะไรเลยในปี 2021 เมื่อไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ The Bob Lefsetz Podcast และถูกถามถึงเรื่องการกลับมาของคอนเสิร์ท ซึ่งคริส วิลล์แมน จาก variety.com นำมาเล่าต่อ และนี่คือเรื่องราวที่อยู่ในบทความของวิลล์แมน

เมื่อถูกถามว่าคอนเสิร์ทจะกลับมาเล่นกันได้อีกเมื่อไหร่ ไกเกอร์ตอบว่า “จากการคาดเดาของผม มันน่าจะเป็นปลายปี 21 หรือน่าจะเป็นปี 22 มากกว่า” เขายังบอกเลฟเซ็ทซ์ด้วยว่า ปัญหาในเรื่องของการประกันภัยกำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อพูดถึงเหตุผลการเลื่อนการจัดงานนานๆ ถึงแม้ว่า “บางทีปี 20 ก็น่าจะจัดได้ก็ตาม”

ผู้บริหารรายนี้ยังบอกอีกว่า “ดูนะ ทุกอย่างทั้งปวงเป็นเรื่องของโชว์ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบหรือเป็นรัฐบาล มันเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่ในความคิดของผม มันน่าจะเป็นปี 22 มันต้องใช้เวลานานมากก่อนที่ สิ่งที่เราเรียกว่า ‘สภาพเศรษฐกิจที่หวาดผวาอาการติดเชื้อ’ จะค่อยๆ ถูกกำจัดไป และถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่เราเรียกว่า ‘สภาพเศรษฐกิจแบบระวังตัว’ ซึ่งคนจะไปข้างนอกบ้าน ก็กลับมาทานมื้อค่ำ แล้วก็ใช้ชีวิตกัน ไปตามงานเทศกาลดนตรี หรือว่าการแสดงต่างๆ จากสัญชาติญาณของผมบอกว่ามันต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะก็อย่างที่คุณเห็น เหตุการณ์ที่ทำให้แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ในการแข่งขันกีฬา, การแสดง, เทศกาล หรืออะไรก็ตาม รวมไปถึงห้องเรียน จะไม่ดำเนินไปได้ด้วยดีแน่ๆ ตราบใดที่ไวรัสยังปรากฏอยู่แบบนี้”

“สัญชาตญาณของผมยังบอกอีกด้วยว่า โลกถูกบังคับให้มีช่วงขอเวลานอกที่ยาวนานมากๆ” ไกเกอร์ ว่าต่อ “คนมากมายมองโลกแง่ดีในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศ, เรื่องมลภาวะ, เรื่องการจราจร, เรื่องธรรมชาติ, เรื่องสัตว์ป่า, เรื่องที่เป็นการกระทำของเราเอง แล้วก็หยุดชั่วคราว ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เราท้อแท้, คุ้มคลั่ง และความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่… นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าแค่ตัวเรา และถ้าคุณศึกษาสิ่งต่างๆ เรื่องคล้ายๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แล้วก็โคตรทำลายสังคมปกติของเราเลย และนี่ก็คือเรื่องใหญ่มากสำหรับช่วงชีวิตของพวกเรา”

พอเล็ฟเซ็ทซ์หยิบเอาเรื่องของการประกันภัยมาคุย ไกเกอร์ก็เลยคุยเรื่องนโยบายในอนาคต ที่ดูจะเป็นเรื่องยาวไกลมากๆ สำหรับโปรโมเตอร์ส่วนใหญ่

“ไม่มีการประกันภัยสำหรับโควิด และนโยบายรับประกันภัยตามปกติ ก็หายากและไม่ง่ายที่จะปฎิบัติตาม” ไกเกอร์บอก “พวกบริษัทประกันภัยพากันนั่งอยู่ข้างทาง เพราะมันมีความรับผิดชอบที่ดูไม่สิ้นสุด ‘นี่ ฉันติดโควิด’ จากตรงนี้ แล้วก็ตรงนั้น และคุณจะพิสูจน์มันได้ยังไงล่ะ? ผมคิดว่าบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่บางทีสามารถประกันตัวเอง และพวกเขาเริ่มทำได้เลย ทุกคนต้องรอจนกว่าบริษัทประกันภัยจะรู้สึกดี ซึ่งนั่นเป็นแค่หนึ่งในอุปสรรคมากมายที่ขวางทางการเริ่มต้นอีกครั้ง ของสภาพเศรษฐกิจที่เคยมีชีวิตชีวาแต่ต้องยุติลง และยังมีเหตุผลอีกเป็น 20 ข้อ ที่ทำให้การประกันภัยกลายเป็นเรื่องใหญ่ และผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่า มันจะกลับมาเมื่อไหร่ด้วย”

พอถูกถามเรื่องคอนเสิร์ทแบบไดรฟว์-อิน ที่อาจจะเป็นรูปแบบการแสดงแห่งอนาคตหรือว่าแค่สีสัน ไกเกอร์ตอบว่า “ผมต้องทำเหรอ? แล้วทำไมมันเป็นแค่สีสันละ? ความจุมันเหลือน้อยมากๆ ถ้าคุณต้องเอารถเข้าไปในพื้นที่ด้วย ค่าตั๋วอีก แพงนะ ไหนจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับการแสดงโดยตรงด้วย แล้วเสียงที่ได้ยิน ผมคิดว่ามันฟังไม่ดีเลยเวลาอยู่ในรถ แต่มันก็เป็นการแก้ปัญหาสำหรับช่องว่างที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราวนะ การ์ธ (การ์ธ บรูคส์) ทำสิ่งที่น่าสนใจมากๆ จากการให้สิทธิ์ชมแบบเปย์เพอร์วิวกับโรงไดรฟว์-อิน ผมคิดว่ามีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น ระหว่างสถานการณ์ที่ผมเรียกว่า สภาพเศรษฐกิจที่หวาดผวาอาการติดเชื้อ ซึ่งเกือบทุกอย่างมันดูน่าสนใจ แต่ถ้านั่นมันเป็นการออกจากบ้านเป็นครั้งแรก เพื่อไปทำอะไร สำหรับผมมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่เยี่ยมยอด พูดกันตรงๆ เลยนะ กับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ มาดูของจริงกันดีกว่า หลายๆ คนกำลังทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อทำเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เข้าใจไหม?”