
แม้จะผ่านปีใหม่ 2020 เข้ามาสู่เดือนที่สามของปี แต่เรื่องราวที่เป็นการสรุปความเป็นไปของวงการเพลงหรืออุตสาหกรรมดนตรีในปี 2019 ยังไม่จบ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา สมาคมอุตสาหกรรมบันทึกเสียงแห่งสหรัฐอเมริกา (Recording Industry Association of America – RIAA) ได้เผยแพร่ยอดขายงานเพลงของปี 2019 ออกมาอย่างเป็นทางการ
ซึ่งพอล เรสนิคอฟฟ์แห่ง DigitalMusicNews.com ได้นำมาย่อยสรุปเอาไว้
ในปี 2019 รายได้ของอุตสาหกรรมดนตรีในสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยธุรกิจสตรีมิงสามารถทำเงินได้มากกว่าเดิมในระดับตัวเลขสองหลัก และตัวเลขที่ทำได้เมื่อปีที่ผ่านมา ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าตลาดเพลงในการบันทึกเสียงของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2017 ทั้งตลาดเลยด้วยซ้ำ
ในรายงานประจำปียังแสดงให้เห็นด้วยว่า ตลาดเพลงในการบันทึกเสียงของสหรัฐอเมริกาในปี 2019 เติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 13% ซึ่งตัวเลขรายได้อยู่ที่ 11.1 พันล้านเหรียญ มากกว่าปี 2018 ที่ทำรายได้ไว้ที่ 9.8 พันล้านเหรียญ ที่น่าสนใจก็คือ ปี 2019 เป็นตัวเลขการเติบโตยังเป็นเลขสองหลัก
ยิ่งไปว่านั้น ในปี 2019 รายได้จากธุรกิจสตรีมิงบดบังรายได้จากส่วนอื่นๆ ของอุตสาหกรรมเพลงในการบันทึกเสียงในปีก่อนๆ โดยเฉพาะในปี 2017 ที่รายได้ทั้งปีเท่ากับรายได้ที่ธุรกิจสตรีมิงทำได้ในปี 2019 เท่านั้น
นอกจากนี้ข้อมูลในส่วนอื่นๆ ของรายงานจากอาร์ไอเอเอ ยังบอกเป็นนัยๆ ด้วยว่า แนวโน้มในการพัฒนาของธุรกิจและผลกำไรต่างๆ ในอนาคตสามารถคาดการณ์ได้จากตัวเลขต่างๆ ในปีที่ผ่านมา และการที่สตรีมิงกลายเป็นตัวสร้างเลขรายได้ก้อนโตให้กับอุตสาหกรรมดนตรีในการบันทึกเสียง ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ แถมรายได้ของสตรีมิงในปี 2019 ยังกระโดดจากที่ทำไว้ในปี 2018 เกือบๆ 5 เท่า ซึ่งคิดเป็น 79.5% ของรายได้ที่ตลาดเพลงในการบันทึกเสียงของอเมริกาทำได้ในปีที่แล้ว โดยตัวเลขนี้จะรวมรายได้ทั้งจากบริการสตรีมิงในแต่ละรูปแบบและจากผู้ใช้บริการ ทั้งที่สมัครใช้บริการแบบพรีเมียมและแบบธรรมดา

รายได้ในธุรกิจเพลงในการบันทึกเสียงของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นรายได้จากสตรีมิงถึง 79%, ดิจิตัล ดาวน์โหลด 8%, การขายแผ่น 10% และขายลิขสิทธิ์อีก 2%
หากจะให้สรุปแบบเห็นภาพได้ง่ายที่สุด ถึงความสำคัญของธุรกิจสตรีมิงที่มีต่อตลาดเพลงในการบันทึกเสียงก็คือ ตลาดสตรีมิงในปี 2019 ใหญ่กว่าตลาดเพลงในการบันทึกเสียงทั้งหมดของปี 2017 ด้วยอัตราการเติบโตระดับนี้ และจากรายงานผู้สมัครใช้บริการของบริการสตรีมิงแต่ละรูปแบบ ที่มีปริมาณเป็นกอบเป็นกำ ย่อมคาดการณ์ได้ไม่ยากเลยว่า ธุรกิจสตรีมิงจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญ เป็นเจ้าของส่วนแบ่งทางการตลาดก้อนมหึมาของรายได้ในอุตสาหกรรมดนตรีในปีนี้ และอีกหลายๆ ปีข้างหน้า
สำหรับยอดขายแผ่นต่างๆ ทำรายได้คิดเป็น 10% ของรายได้ในอุตสหากรรมเพลงในการบันทึกเสียง ส่วนการดาวน์โหลดจะอยู่ที่ 8% ส่วนอีก 2% เป็นรายได้จากธุรกิจให้กับสื่ออื่นๆ นำไปใช้เช่น ประกอบโฆษณาต่างๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
พอลงลึกไปถึงรายได้ที่บริการสตรีมิงทำได้ จะพบว่าบริการสตรีมิงแบบจ่ายเงินฟังทำรายได้มากกว่าทั้งการฟังสตรีมิงแบบมีโฆษณาและสถานีวิทยุแบบดิจิตัลมหาศาล โดยบริการสตรีมิงจ่ายเงินฟังทำเงินไปในปี 2019 ถึง 6.8 พันล้านเหรียญ มากกว่าปี 2018 ถึง 25% และคิดเป็น 77% ของรายได้ในธุรกิจสตรีมิงทั้งหมดของปี 2019 ขณะที่รายได้จากสถานีวิทยุดิจิตัลตามมาเป็นอันดับสอง ส่วนรายได้จากการฟังเพลงและสื่อวิดีโอแบบมีโฆษณาตามมาเป็นอันดับสาม
ปัจจัยที่ทำให้รายได้จากธุรกิจสตรีมิงเพิ่มสูงขึ้น ก็คงไม่พ้นตัวเลขของผู้สมัครใช้บริการที่เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยปี 2019 คนอเมริกันถึง 60.4 ล้านราย จ่ายเงินใช้บริการฟังเพลงสตรีมิง เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่มี 49.6 ล้านรายถึง 29%
ถ้าย้อนไปดูเมื่อปี 2015 มีคนอเมริกันไม่ถึง 11 ล้านรายด้วยซ้ำ ที่สมัครใช้บริการฟังเพลงสตรีมิงแบบจ่ายเงิน และถึงตัวเลขของผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นมาตลอดทุกปี แต่การเติบโตในระดับ 29% จากปี 2018 ของปี 2019 คือตัวเลขการเติบโตของผู้สมัครใช้บริการในแต่ละปีที่มากที่สุด
แต่รายได้ของธุรกิจดิจิตัล ดาวน์โหลดก็เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับธุรกิจสตรีมิง
ยอดรายได้จากธุรกิจดาวน์โหลดของปี 2019 ยังคงอยู่ในสภาวะย่ำแย่ ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบจากการเติบโตของผู้ฟังเพลงสตรีมิงแบบจ่ายเงิน แล้วในขณะที่ธุรกิจสตรีมิงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี นับตั้งแต่ปี 2015 ธุรกิจดิจิตัล ดาวน์โหลดกลับมีการเติบโตที่สวนทางกัน เมื่อมีตัวเลขลดลงนับตั้งแต่ปี 2015
อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 มิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายก็ใช้จ่ายเงินไปราวๆ 900 ล้านเหรียญ เพื่อซื้องานเพลงในแบบดิจิตัลมาเป็นของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นปีที่ผ่านมาก็เป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่รายได้จากธุรกิจดิจิตัล ดาวน์โหลดต่ำกว่าพันล้านเหรียญ โดยในธุรกิจดิจิตัล ดาวน์โหลดจะแยกย่อยลงไปเป็นการขายอัลบัม, ขายเป็นเพลงๆ แล้ว ก็ยังมีการขายริงโทน และขายดาวน์โหลดในรูปแบบอื่นๆ ด้วย
ส่วนรายได้จากสถานีวิทยุตกลง 4% จากปี 2018 เหลือเพียง 1.16 พันล้านเหรียญในปี 2019
มาถึงรายได้ของรูปแบบการฟังเพลงแบบจับต้องได้ ด้วยยอดขายแผ่นไวนีลที่เติบโตเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ของธุรกิจนี้ยังแข็งแรงอยู่
ถือว่ารายได้ที่ธุรกิจดนตรีในการบันทึกเสียงของปี 2019 ได้รับจากสินค้าที่เป็นการฟังเพลงแบบจับต้องได้ อยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2018 โดยในภาพรวมลดลงเพียง 0.6%
หากแยกย่อยลงไปในแต่ละรูปแบบของผลิตภัณฑ์ รายได้จากซีดีของปี 2019 อยู่ที่ 615 ล้านเหรียญ ลดลง 12% จากปี 2018 แต่รายได้จากไวนีลเพิ่มขึ้นถึง 19% คิดเป็นรายได้ 504 ล้านเหรียญ ที่มาถึงตอนนี้ แผ่นไวนีลเติบโตอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีมาเป็นเวลา 14 ปีเข้าให้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นรายได้ในปี 2019 ยังเป็นตัวเลขจากแผ่นไวนีลที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1988
ดูจากแนวโน้มที่เป็นในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าในปีนี้และปีต่อๆ ไป แผ่นไวนีลน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายซีดีก็คงตกลงไปอีก หากก็ยังไม่แน่นอนเสมอไป รวมถึงยอดขายของสินค้าทั้งสองจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันกันโดยตรงก็ตามที
กล่าวโดยสรุปคือ ธุรกิจสตรีมิงปี 2019 เติบโตขึ้นจากปี 2018 19.9% รายได้เพิ่มจาก 7,366.8 ล้านเหรียญ เป็น 8,831.3 ล้านเหรียญ
ธุรกิจดิจิตัล ดาวน์โหลดปี 2019 ตกลงจากปี 2018 17.6% รายได้เหลือ 855.7 ล้านเหรียญ จากที่เคยทำได้ 1,039.1 ล้านเหรียญ
ธุรกิจเพลงดิจิตัลในภาพรวม (ทั้งสตรีมิงและดิจิตัล ดาวน์โหลดรวมกัน) ของปี 2019 เติบโตจากปี 2018 15.2% เมื่อรายได้เพิ่มจาก 8,405.8 ล้านเหรียญ เป็น 9,687.0 ล้านเหรียญ
ขณะที่ค่าลิขสิทธิ์ในการใช้เพลง ของปี 2019 ลดลงจากปี 2018 3.2% รายได้อยู่ที่ 276.3 ล้านเหรียญ โดยปีก่อนหน้าทำไว้ 285.5 ล้านเหรียญ
ธุรกิจแผ่นของปี 2019 มียอดขายลดลงจากปี 2018 4.5% โดยยอดขายเหลือ 67.3 ล้านหน่วย จากปีก่อนหน้าทำได้ 70.5 ล้านหน่วย เมื่อคิดเป็นรายได้จะลดลง 0.6% โดยปี 2019 ทำรายได้ 1,148.3 ล้านเหรียญ แต่ปี 2018 ทำรายได้ไว้ 1,154.8 ล้านเหรียญ
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง อุตสาหกรรมดนตรีสหรัฐอเมริกาปี 2019 ตลาดของสตรีมิงเต็มตัว คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ วันที่ 2 มีนาคม 2563