FEATURESMusic Featuresเบื้องหลังเพลง

ความเป็นมาของ “Run the World (Girls)” เพลงปลุกพลังหญิงในสไตล์ของ บียอนเซ่

บียอนเซเลือก “Run the World (Girls)” เป็นซิงเกิลแรกจากอัลบัมชุดที่ 4 ของเธอที่ใช้ชื่อง่าย ๆ ว่า 4 ที่ออกมาเมื่อ 21 เมษายน 2011 และดูจะไม่ใช่การเปิดตัวที่สวยงามนัก เมื่อเพลงนี้ไปได้แค่อันดับที่ 29 บนชาร์ตบิลล์บอร์ดฮ็อต 100 ซึ่งเป็นซิงเกิลที่อันดับที่ต่ำที่สุดของบียอนเซมาจนถึงทุกวันนี้

ตลาดนอกสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ของ “Run the World (Girls)” ดูจะไปได้ดีกว่า เมื่อติดท็อปเทนใน ออสเตรเลีย, เบลเยียม, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, นิว ซีแลนด์, นอร์เวย์ และสก็อตแลนด์ รวมถึงติดท็อป 20 ที่แคนาดา, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, อิตาลี และสหราชอาณาจักร

สำหรับนักวิจารณ์ “Run the World (Girls)” ที่เป็นงานอาร์แอนด์บี ผสมผสานกับอิเล็กโทรพ็อป ที่แซมพลิงเสียงกลองในจังหวะมาร์ช มาจากเพลงแดนซ์เมื่อปี 2009 “Pon de Floor” ของ Major Lazer ขณะที่เนื้อหาก็เป็นการหนุนพลังหญิงด้วยข้อความในเชิงก้าวร้าว ยังเป็นงานที่แบ่งกูรูในวงการเพลงออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งชื่นชมการใช้แซมพลิง, แนวทางของดนตรี และความแข็งกร้าวที่บียอนเซนำเสนอออกมา แต่อีกฝ่ายดูจะไม่แฮปปีกับการที่เธอยังเล่นกับธีมเก่า ๆ พร้อมกับย้ำว่าอยากเห็นบียอนเซหยิบเรื่องราวใหม่ ๆ มาพูดบ้าง โดยหลาย ๆ คนนำ “Run the World (Girls)” ไปเทียบกับซิงเกิลอื่น ๆ ของซูเปอร์สตาร์หญิงรายนี้ ที่มีธีมคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “Independent Women” (2000) ที่เธอทำในนาม Destiny’s Child หรือ “Single Ladies (Put a Ring on It)” (2008) โดยสิ่งที่เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่น ๆ คือ ตรงไปตรงมามากขึ้น และนำเสนอพลังหญิงอย่างชัดเจน

“Girls, we run this mutha” บียอนเซร้องซ้ำไปซ้ำมาในช่วงเปิดเพลง ที่กลายเป็นแสดงความเกรี้ยวกราดของเพศแม่ ที่รับด้วยเรื่องราวซึ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเพศหญิง และความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ ของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็น ในการทำธุรกิจ, ทำงานศิลปะ หรือในเรื่องความสัมพันธ์ รวมถึง “My persuasion. Can build a nation. Endless power. With our love we can devour. You’ll do anything for me.”

บียอนเซ แต่ง “Who Run the World (Girls)” ร่วมกับ เทเรียส “เดอะ-ดรีม” แนช, นิก แวน เดอ วอลล์, เดฟ เทย์เลอร์, แอดิดจา พาลเมอร์ และโธมัส เวสลีย์ เพนต์ซ โดยคนโปรดิวซ์ก็คือ บีย์, สวิตช์, เดอะ-ดรีม และเทย์เลอร์ โดยพัฒนาจากความคิดของบียอนเซ ที่อยากได้บางสิ่งที่ต่างไปจากงานที่เธอเคยทำ ตัวเพลงเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมและยุคสมัยที่แตกต่าง, ซาวนด์ใหม่ ๆ และเนื้อหาที่มอบความแข็งแกร่งให้กับเพศหญิง

“เพลงนี้ทำกันโดยไม่มีเพลยเซฟ ผมรู้มาแบบนั้น” เดอะ-ดรีม ที่ยังร่วมแต่งเพลงพลังหญิงอีกเพลงของบีย์ “Single Ladies (Put a Ring on It)” กล่าว “ซึ่งโครงสร้างของเพลงแบบนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับศิลปินในระดับเดียวกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นใคร ชายหรือหญิง”

“ฉันพยายามเขียนเพลงที่นำสิ่งที่ดีที่่สุดในตัวพวกเราทุกคนออกมา และทำให้พวกเราใกล้ชิดกัน อยู่ด้วยกัน ฉันคิดถึงเรื่องที่ผู้หญิงอยากจะพูด แต่บางครั้งไม่มั่นใจพอที่จะบอกออกมา ฉันกำลังจะเขียนเพลงแบบนั้น เพลงที่ทำให้ผู้หญิงมีความเข้มแข็งต่อ” บียอนเซ่พูดถึงที่มาของเพลงนี้

ก่อนที่เพลงฉบับเสร็จสมบูรณ์จะปล่อยออกมาให้ได้ฟังกัน ในวันที่ 18 เมษายน 2011 เพลงในฉบับเดโม ที่ยังไม่มีการตบแต่งก็หลุดออกมาทางอินเทอร์เน็ต โดยชื่อของเพลงในตอนนั้นคือ “Girls (Who Run the World)”

กับทิศทางใหม่ในงานของบียอนเซ เพลงนี้คืออีกพัฒนาการที่นำไปสู่งานในอนาคตของเธอ เมื่อเป็นการผสมผสานดนตรีอีเล็กโทรพ็อปกับอาร์แอนด์บีเข้าด้วยกัน “มันเป็นการทำงานที่มีความเสี่ยงกว่าการทำบางอย่างที่ดูง่ายกว่าออกมาแน่นอน” บียอนเซบอกในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2011 “ฉันได้ยินเพลงนี้แล้วก็รักเลย มันเป็นเพลงที่แตกต่าง มันให้ความรู้สึกถึงงานแบบแอฟริกันนิด, มีความเป็นอิเล็กทรอนิคหน่อย แล้วก็ฟังดูล้ำ ๆ มันทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันรัก การผสมผสานวัฒนธรรมและยุคสมัยที่แตกต่าง สิ่งที่โดยปกติแล้วอาจจะไปด้วยกันไม่ได้ เพื่อสร้างสรรค์ซาวนด์ใหม่ ๆ”

องค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยส่งเพลงนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าคือมิวสิกวิดีโอ ที่กำกับโดยฟรานซิส ลอว์เรนซ์​ ซึ่งกลายเป็นงานที่คว้ารางวัลออกแบบท่าเต้นยอดเยี่ยมจากงาน the 2011 MTV Video Music Awards และการเต้นรำยอดเยี่ยมจากงาน the 2011 Soul Train Music Awards

ก่อนหน้านี้ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์เคยทำงานกับบีย์มาแล้วในช่วงที่เธอยังเป็น เดสทินี’ส ไชลด์ จากเพลง “Independent Women Part 1” ในปี 2000 และ “Emotion” ในปี 2001 นอกจากนี้เขายังกำกับมิวสิกวิโอเพลง “Jenny from the Block” และ “Play” ให้กับเจนนิเฟอร์ โลเปซ, “Bad Romance” ของเลดี กากา โดยมิวสิกวิดีโอ “Run the World (Girls)” ถ่ายทำกันในลอสแอนเจลีส และทะเลทรายโมฮาวีรวม 3 วัน ใช้นักเต้นกว่า 200 คน, สัตว์แปลก ๆ ขณะที่บีย์รับบทเป็นราชินี ที่เปลี่ยนตัวเองจากผู้หญิงในยุคของหนัง ‘Mad Max’ ไปเป็นสาวมากเสน่ห์ในชุดเดรสส์ตอนค่ำ แล้วก็มีกองทัพสาว ๆ ที่มาพูดซ้ำข้อความว่า ผู้หญิงสามารถทำอะไร และเป็นอะไรได้บ้าง

มาถึงวันนี้ “Run the World (Girls)” ยังคงถูกเปิดให้ได้ยิน ให้ได้ฟังในทุกหนทุกแห่ง ไปอยู่ในภาพยนตร์ ในรายการโทรทัศน์ และเป็นเพลงยอดนิยมอีกเพลงในคลับที่มักจะถูกนำไปมิกซ์เป็นประจำ

“ฉันไม่เคยเพลยเซฟ” บีย์กล่าวถึงเพลงฮิตเพลงนี้ของเธอ “ฉันพยายาม และต่อต้านความคุ้นชินเสมอ ๆ ทันที่ทำอย่างหนึ่งเสร็จ ฉันก็จะวางเป้าหมายใหม่ให้สูงขึ้น นั่นคือวิธีที่ทำให้ฉันมาอยู่ในจุดที่ฉันเป็น”

“Who run the world? Girls (girls). Who run this mutha? Girls”

SONG ID
เพลง “Run the World (Girls)” ศิลปิน บียอนเซ
ซิงเกิลจากอัลบัม ‘4’ ของ บียอนเซ
วางจำหน่าย: 21 เมษายน 2011
บันทึกเสียง: 2010
ห้องบันทึกเสียง: สตูดิโอ เอ็มเอสอาร์ (นิวยอร์ก ซิตี)
แนวเพลง: อิเล็กโทรพ็อป, อาร์แอนด์บี
ความยาว: 3:55 นาที
สังกัด: โคลัมเบีย เรคอร์ดส์
ผู้แต่ง: บียอนเซ โนว์เลส, เทเรียส “เดอะ-ดรีม” แนช, เดวิด เทย์เลอร์, เวสลีย์ เพนต์ซ, แอดิดจา พาลเมอร์, นิก แวน เดอ วอลล์
โปรดิวเซอร์: บียอนเซ โนว์เลส, สวิตช์, เดอะ-ดรีม, เชีย เทย์เลอร์

สนับสนุนเราได้ที่ -:> https://facebook.com/becomesupporter/Sadaos/ หรือที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วส่งสลิปการโอนมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนคำขอบคุณ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.