GRACE OF MONACO: เทียบเคียงคร่าวๆ แล้ว Grace of Monaco หรือ “ตำนานเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโค ตอน ศึกเดอโกลล์ ควบประกาศอิสรภาพ” ก็คือ Anna and the King เวอร์ชั่นเมดิเตอร์เรเนียนนั่นเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สยามประเทศเป็นหนี้บุญคุณแหม่มแอนนา-ตามที่คุณงามความดีของเธอได้ถูกบรรยายไว้ในหนังเรื่องนั้นฉันใด หนังของ Olivier Dahan ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า ‘โมนาโกประเทศ’ จะไม่มีวันรอดพ้นจากหุบเหว หากไม่ได้เจ้าหญิงเกรซ และนั่นรวมถึงปฏิภาณไหวพริบของเธอในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท-มาช่วยกอบกู้สถานการณ์ฉันนั้น และมันบอกโดยอ้อมว่าเธอไม่ได้ชนะรางวัลออสการ์สาขาผู้แสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม-เพราะจับสลากได้
เปรียบกับหนังเรื่อง Diana นี่เป็นความหายนะหรือภัยพิบัติในทางศิลปะในอีกรูปแบบ แม้ว่าจะมีขนาดย่อมกว่า หนังอาจจะไม่ได้แตะต้องเรื่องรักประโลมโลกย์ของพระองค์ และความระหองระแหงระหว่างเจ้าหญิงเกรซกับเจ้าชายเรนิเยร์-ก็เป็นเรื่องหยุมหยิมปลีกย่อย และแทบจะสมานได้ด้วยพลาสเตอร์ยาปิดแผลอย่างง่ายดาย (กระนั้นก็ตาม บุคลิกของเจ้าชายเรนิเยร์ในหนังเรื่องนี้-ดูเหมือนกับหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมมากกว่าประมุขของประเทศ) แต่การ Manipulate ของคนทำหนัง-ด้วยการสอดแทรกสิ่งละอันพันละน้อย ตั้งแต่เนื้อหาที่ว่าด้วยคนในสำนักพระราชวังไม่ปลื้มเจ้าหญิงเกรซ โดยเฉพาะในพฤติกรรมที่เป็นอเมริกัน หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นตัวของตัวเองเกินไป และไม่สน ‘โบราณราชประเพณี’ อันส่งผลให้เกิดคลื่นใต้น้ำ, ความตึงเครียดในทางการเมืองระหว่างประเทศที่หนังพยายามสร้างภาพทำนองว่านายพลชาร์ลส์ เดอโกลล์หมายมั่นจะเขมือบประเทศโมนาโกเป็นอาหารว่าง และราชวงศ์กรีมัลดีกำลังต้องเผชิญกับภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานครั้งมโหฬาร, เรื่องราวสายลับและการจารกรรมข้อมูล-ที่โยงใยอยู่กับการทรยศหักหลังของคนกันเอง ไปจนถึงการที่เจ้าหญิงเกรซพยายามแก้เกมทั้งในเรื่องส่วนพระองค์และในทางการเมือง มันทำให้หนังมีลักษณะพยายามจะมุ่งหน้าไปในทุกทิศทาง และลงเอยด้วยการที่มันเอาดีไม่ได้ซักอย่างเดียว
แต่อะไรก็ไม่น่าผิดหวังเท่ากับบทสรุปที่มันดูตื้นและง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของเกินไป อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเสแสร้งแกล้งทำ และแทนที่ทั้งหมดทั้งมวล มันจะช่วยให้ตัวหนังเป็นงานประเภทศึกษาบุคลิกตัวละคร หรือ character study ตามที่ผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมมองเห็นแง่มุมต่างๆของเจ้าหญิงเกรซ และโดยเฉพาะในความเป็นปุถุชน หนังกลับลงเอยด้วยการทำให้เธอยิ่งกลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ใครต่อใครต้องพากันมารำแก้บนและกราบไหว้บูชา
โดย ประวิทย์ แต่งอักษร