เหมือนกับนักแสดงกล้ามใหญ่รุ่นพี่ ที่ในชีวิตจะต้องมีหนังที่รับบทเป็นตัวละครซึ่งไม่ค่อยชอบเด็กๆ สักเท่าไหร่ แต่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกับพวกเขา เพราะหน้าที่การงานที่ทำหรือภารกิจบางอย่างบังคับ อย่าง อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ก็ต้องไปสืบคดียาเสพติดในโรงเรียนอนุบาลใน Kindergarten Cop วิน ดีเซลก็ต้องไปดูแลเด็กๆ ที่เสียพ่อไปจากปฏิบัติการลับใน The Pacifier มาถึงดเวย์น ‘เดอะ ร็อค’ จอห์นสัน ที่มีหนังในสไตล์นี้ถึงสองเรื่องคือ Game Plan ซึ่งเขารับบทเป็นนักอเมริกัน ฟุตบอลที่จู่ๆ ก็ต้องรับเลี้ยงเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ทายาทของเขาที่เกิดจากความสัมพันธ์ในอดีต กับ Tooth Fairy จอห์นสันเล่นเป็นนักไอซ์ฮ็อคกีย์ที่ถูกสาปให้เป็นเทพพิทักษ์ฟันน้ำนมสองสัปดาห์ เนื่องจากความผิดที่ทำกับภรรยาและลูก
มาถึงจอห์น ซีนาที่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว Fast & Furious อดีตนักมวยปล้ำเช่นเดียวกับจอห์นสัน จะเล่นเป็นเจค คาร์สัน หัวหน้าหน่วยพลร่มดับเพลิง ที่ใฝ่ฝันจะเป็นผู้บัญชาการระดับภาค ที่การปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งทำให้เขาต้องรับสามพี่น้อง บรินน์, วิลล์ และโซอีย์ มาอยู่ในการดูแล ระหว่างที่ติดต่อให้พ่อ-แม่ของพวกเขามารับตัว ซึ่งเป็นไปตามกฏในการทำงาน แต่เจอซึ่งเป็นพวกกฏระเบียบตึงเป๊ะจะต้องรับมือกับเด็กๆ ที่ซนเป็นลิง และมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ งานนี้เจคไม่เจองานง่ายแน่ๆ แถมในเวลาเดียวกันความสัมพันธ์ของเขากับดร. เอมี ฮิคส์หญิงสาวที่เขาหมายปอง และเธอก็มีใจให้เขาก็ไปไม่ถึงไหน เพราะความเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจของเจค ยิ่งไปกว่านั้นกับช่วงเวลาที่เด็กๆ ทำให้สถานีดับเพลิงของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้บัญชาการริชาร์ดส์ ก็มีกำหนดที่จะมาตรวจสอบการทำงานของเขา ซึ่งจะส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งของเจคอีกต่างหาก
ทำให้หลังจากเอาชนะไฟป่ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เจคต้องมารับมือกับเด็ก และจัดการเรื่องหัวใจ รวมไปถึงเรื่องหน้าที่การงานให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยราบรื่นให้ได้
ด้วยความที่เป็นหนังครอบครัว Playing with Fire จึงไม่ใช่งานที่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เรื่องราวต่างๆ เดินหน้าไปด้วยความเรียบง่าย โดยพยายามขายความน่ารักซุกซนของเด็กๆ กับความเฉิ่มเชยของตัวละครเจคที่รับบทโดยจอห์น ซีนาไปพร้อมๆ กัน
แล้วถ้านั่นยังไม่พอ หนังยังส่งบรรดาตัวละครที่มาเพื่อสร้างเสียงหัวเราะอีกหนึ่งทีม เพื่อการันตีว่าผู้ชมจะได้รับความหรรษาอย่างเต็มที่ โดยแต่ละคนก็มีลักษณะที่ไม่ต่างไปจากตัวการ์ตูน มีจุดเด่นเฉพาะตัว
แต่ถึงจะมีของมาให้ ที่น่าจะทำให้หนังกลายเป็นความบันเทิงใสๆ ดูได้เพลินๆ ได้ไม่ยาก แต่ Playing with Fire กลับทำไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น แม้เมื่อแยกเป็นรายๆ ไปแต่ละคนก็มีแก๊ก มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ใช้ได้ เพราะการแสดงรับ-ส่งของตัวละครทั้งหลายดูผิดที่ผิดทาง ไม่เป็นเคมีที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวสักเท่าไหร่ แถมตัวละครหลักอย่าง จอห์น ซีนา ก็ขึ้นจอแบบแข็งโป้ก นักแสดงที่อยู่รายรอบก็ใช่ว่าจะเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ ขนาดนักแสดงฝีมือดีอย่าง จอห์น เลกุยซาโม ก็ยังเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ปฏิสัมพันธ์ของตัวละครเลยดูแห้งๆ แบนๆ ไม่รู้สึกถึงชีวิตชีวาสักเท่าไหร่
จะมาพึ่งมุขตลกต่างๆ จากที่เห็นก็น่าจะทำให้หัวเราะได้ก็เฉพาะเด็กๆ กับมุขที่หวังจะเล่นกับผู้ใหญ่อย่างเรื่องเพลงหรือ Romeo & Juliet ดูเหมือนว่าน่าจะลึกไปสำหรับผู้ชมในยุคนี้ เพราะจากอายุอานามของเพลงที่เล่นอย่างต่ำก็ต้องเป็นคนยุค ’80s แล้วจะมีสักกี่คนที่จำได้ว่าเลกุยซาโมคือทีโบลท์ คาพูเลท์ ตัวร้ายคนสำคัญในหนัง Romeo + Juliet ฉบับของบาซ เลอหร์แมนน์ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะสักแอะจากมุขเหล่านี้
เหมือนจะแย่ไปซะทุกอย่าง แต่อย่างน้อยหนังก็มีประเด็นที่ดี ในเรื่องของการรับมือกับเด็ก การปล่อยวางชีวิตให้อยู่ห่างจากเรื่องงานบ้าง แล้วการอุปมาเรื่องของการอยู่ร่วมกับเด็กๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากการเล่นกับไฟก็ดูคมคายใช้ได้อยู่
แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ยากจะอุ้มหนังที่อ่อนปวกเปียกไปซะทุกอย่าง ยกเว้นการแสดงที่แข็งโป้กเอาไว้ได้
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1297 ปักษ์แรก กุมภาพันธ์ 2563