FEATURESMovie Features

หนังฮิปๆ ของผู้กำกับ (ที่ไม่มีใครคิดว่าเป็น) ฮิปสเตอร์

มาจนถึงตอนนี้ คงไม่มีใครงงหรือสงสัยว่า อะไรคือฮิปสเตอร์ เพราะตั้งแต่ต้นปีมา ถ้าใช้เฟซบุ๊ค ก็คงเห็นการให้นิยาม ความหมาย ของผู้คนที่ถูกเรียกว่า ฮิปสเตอร์ กันให้รึ่ม ซึ่งก็ต้องรวมไปถึงการตีแผ่พฤติกรรมของฮิปสเตอร์ออกมา ว่ามีอะไรบ้าง จนหลายคนถึงกับขนลุกขนชัน ขนบริเวณหัวแม่เท้าสั่นระริก เพราะกิจกรรมที่ทำๆ กันนั้น มันฮิปสเตอร์ชัดๆ เพราะฉะนั้นฉันจึงทรนง ม่ายช่าย… เราจึงกลายเป็นฮิพปเตอร์กับเขาด้วยซะอย่างนั้น

แต่เชื่อเถอะ ฮิปสเตอร์น่ะมาแล้วก็ไป ไม่ต่างไปจาก จิ๊กโก๋หลังวัง, ฮิปปี้, เด็กบู, เด็กเฮฟวี, เด็กเดฟ, เด็กแนว, เด็กอัลเทอร์ ที่ต่างเป็นหมายเหตุแห่งยุคสมัย เป็นภาพลักษณ์ในกระแสชั่วเวลาใดเวลาหนึ่ง หากยังมีฮิปอีกแบบที่จะอยู่ยงคงกระพัน ด้วยความที่มันอยู่ได้นาน หรือบางทีก็เพราะประสบความสำเร็จแบบ Mass ค่อดๆ คนก็ค่อนขอดว่า ไม่ฮิป จนต้องย้ำว่า “เฮ้ย! นั่นมันฮิปเน้อ!!!” ถึงจะเข้าใจกัน

วันนี้ก็เลยจะพาไปพบผู้กำกับบางคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่สร้างผลงานฮิปๆ ประดับวงการ ซึ่งคนไม่รู้สึกว่า มัน ฮิป เป็นพวกฮิปเน่อที่ทำงานฮิปเน้อ ทั้งผลงาน กระบวนการทำงาน ที่น่าจะลองทำความรู้จักกันดู

เควนติน ทารานติโน (Quentin Tarantino)

Reservoir Dogs 00ผู้กำกับเจ้าของผลงานที่มีแนวทางเฉพาะตัว ที่รู้รอบด้านเรื่องการกำกับ, เขียนบท, กำกับภาพ, อำนวยการสร้าง และยังเป็นนักแสดงด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่ำเรียนจากสถาบันภาพยนตร์ที่ไหน แต่เริ่มต้นจากการเป็นเด็กในร้านเช่าวิดีโอ ที่ลุ่มหลงในภาพยนตร์

ชีวิตการทำงานในฐานะคนทำหนังของเควนติน ทรานติโนนั้นเริ่มในช่วงปลายยุค 1980s เมื่อเขาเขียนบทและกำกับ My Best Friend’s Birthday แต่หนังก็ไม่ได้ออกฉาย เมื่อไฟไหม้ฟิล์มในระหว่างที่กำลังตัดต่อ ต่อมาบทเรื่องนี้กลายไปเป็นภาพยนตร์เรื่อง True Romance และส่งให้ Reservoir Dogs ในปี 1992 เป็นหนังเรื่องแรกของทารานติโนจริงๆ

โอกาสเดียวของทารานติโนที่ใกล้เคียงกับการเรียนโรงเรียนภาพยนตร์ที่สุดก็คือ การเรียนการแสดงที่คณะละครเจมส์ เบสท์ เธียเตอร์ ตอนอายุ 15 แต่เขาเรียนได้แค่ 2 ปีเท่านั้น ก่อนจะลาออกมาทำงานในร้านเช่าวิดีโอเพราะเบื่อ

ที่ร้านวิดีโอ อาร์ไคฟ์ แถวแมนฮัทตันบีช ทารานติโนร่วมกับเพื่อนๆ อย่าง โรเบิร์ท รอดริเกวซ และโรเจอร์ อะวารี จะทำหน้าที่พูดคุยและแนะนำหนังให้ลูกค้า โดยตัวเขาจะให้ความสนใจเรื่องแนวทางหนังที่ลูกค้านิยมเช่า ที่ต่อมาเขาอ้างว่าเป็นประสบการณ์ชั้นดี ที่เป็นแรงบันดาลใจในการกำกับภาพยนตร์ของตัวเอง ซึ่งเริ่มต้นหลังได้เจอกับลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ ในงานปาร์ตีที่ฮอลลีวูด เมื่อเบนเดอร์หนุนให้ทารานติโนเขียนบทหนัง และกลายมาเป็น My Best Friend’s Birthday ในปี 1987 อย่างที่ว่าไว้ข้างต้น

Reservoir Dogs posterทารานติโนบอกว่า Reservoir Dogs รับอิทธิพลมาจากหนังเรื่อง The Killing ของสแตนลีย์ คูบริคอีกที แต่หากดูกันจริงๆ หนังก็มีส่วนละม้ายกับอีกหลายๆ เรื่อง เช่น พล็อตที่ทำให้นึกถึง Kansas City Confidential หนังเมื่อปี 1952 ส่วนฉากตำรวจถูกทรมานบนเก้าอี้ก็น่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังของโจเซฟ เอช. ลิวอิส เมื่อปี 1955 เรื่อง The Big Combo แต่ทารานติโนปฏิเสธว่าไม่ใช่เป็นการขโมย แต่เป็นการยกย่องต่างหาก แถมการตั้งชื่อตัวละครหลักๆ โดยใช้สี อย่าง นายน้ำตาล, นายชมพู ฯลฯ ก็ถูกใช้มาแล้วเป็นครั้งแรกในหนัง The Taking of Pelham One Two Three เมื่อปี 1974 ทั้งยังมีองค์ประกอบหลักๆ ที่คุ้นกันแบบนี้ในหนังฮ่องกงของริงโก แลมเรื่อง City on Fire เมื่อปี 1987

ทีแรก Reservoir Dogs วางงบสร้างไว้แค่ 30,000 เหรียญสหรัฐ โดยมีเบนเดอร์เป็นผู้อำนวยการสร้าง ที่ยังรับบทเป็นตำรวจคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ตามล่านายชมพู แต่เมื่อได้ฮาร์วีย์ ไคเทลมารับบทนายขาวและร่วมสร้าง ทำให้ทารานติโนระดมทุนได้มากขึ้นถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

แม้จะเป็นหนังเกี่ยวกับการปล้นของแก๊งโจรที่ใช้สีเป็นชื่อเรียกกัน แต่หนังก็ไม่มีฉากปล้นให้ได้เห็น ส่วนหนึ่งทารานติโนให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องของงบ บวกกับชอบความคิดที่ไม่ต้องให้เห็นฉากนั้น และจะใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อให้คนดูรู้สึกถึงฉากปล้นแทน นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบงานชิ้นนี้กับการเขียนหนังสือของนักเขียนนวนิยาย พร้อมทั้งบอกอีกว่า อยากให้หนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับบางอย่าง ที่ไม่ได้เห็นบนจอ พร้อมต้องการเล่นกับเวลาตามจริง ซึ่งจะแย้งกับเวลาในหนัง ที่ตลกก็คือ ชื่อเรื่อง ทารานติโนไปได้มาจากลูกค้าที่มาเช่าหนัง และขอคำแนะนำจากเขา ซึ่งพอเขาแนะนำหนังเรื่อง Au revoir les enfants ให้ ลูกค้าคนที่ว่ากลับได้ยินเป็น reservoir dogs

สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องของแก๊งโจรแก๊งหนึ่งที่หลังจากเหตุการณ์ปล้น ก็หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่มายังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนต่างก็ป้ายความผิดให้คนอื่นว่าเป็นสาย ทำให้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวาง และมีการพยายามค้นหาหนอนบ่อนไส้ในกลุ่มของตัวเอง ที่ใช้สีเป็นชื่อแทนชื่อจริง

Reservoir Dogs 02หนังได้เปิดรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลหนังซันแดนซ์ และถูกพูดถึงอย่างมากในงาน ส่งให้ได้รับการจัดจำหน่ายโดยบริษัทมิราแม็กซ์ ฟิล์มส์ ที่พาหนังไปฉายตามเทศกาลต่างๆ เช่น คานส์ และโทรอนโท ก่อนที่จะฉายในอเมริกา ซึ่งทำรายได้เกือบ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ

Reservoir Dogs มักจะถูกมองว่า มีความโดดเด่นในเรื่องการเสนอความรุนแรงบนจอภาพยนตร์ รวมถึงเป็นงานฟิล์มนัวร์แบบอเมริกัน แล้วกับการที่มีเส้นเรื่องไม่ชัดเจน ก็ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Rashomon เช่นกัน ท้ายที่สุดหลังออกฉายได้สักพัก ทารานติโนกลับเปรียบเทียบตัวเองก็ผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี, แซม เพ็คคินพาห์, จอห์น ซิงเกิลตัน, กัส แวน ซองท์ และอาเบล เฟอร์รารา

ด้วยความที่ไม่ได้ออกฉายในวงกว้าง พอหนังเรื่องที่ 2 ของทารานติโน Pulp Fiction ประสบความสำเร็จ เลยทำให้มีคนได้ชม Reservoir Dogs มากขึ้น และทำให้ได้เห็นลักษณะเด่นในงานของเขาทั้งสองเรื่องที่มีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ขันแบบตลกร้าย, ธีมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ แล้วที่เด่นที่สุดก็คือ บทสนทนาและการเล่าเรื่อง กับการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างคนผิวขาวกับผิวดำ

Reservoir Dogs ได้รับการยกย่องให้เป็นงานคัลท์ที่ฮิต และคลาสสิค รวมไปถึงได้รับความนิยมถึงกับมีการทำวิดีโอเกมออกมา ขณะที่สไตล์การทำหนังและเล่าเรื่องของทารานติโน ก็ส่งอิทธิพลให้กับผู้กำกับรุ่นต่อๆ มา หรือกระทั่งในรุ่นเดียวกันหลายต่อหลายคน ไม่่ว่าจะเป็น โรเบิร์ท รอดริเกวซ, กาย ริทชี หรือ แมทธิว วอห์น

รวมทั้งทำให้เด็กในร้านเช่าวิดีโอคนหนึ่ง กลายมาเป็นผู้กำกับคนสำคัญของคนรุ่นหนึ่งในท้ายที่สุด

จากเรื่อง หนังฮิพเน้อ ของฮิพเน่อ ที่ไม่มีใครเคยรู้ว่ามันฮิพ… โดย ลุงทอย จากนิตยสาร HIP เชียงใหม่

กดไลค์ Like ติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.