FEATURESMovie Features

เปิดโปงรหัสลับดับพยัคฆ์ร้าย กับเจมส์ บอนด์อันตรายฉบับแดเนียล เครก ใน SPECTRE

การรับบทเจมส์ บอนด์หนที่สามของแดเนียล เครก ประสบความสำเร็จมหาศาล ตามความเชื่อของฝรั่งที่ว่า Third Time Lucky เมื่อหนังทำเงินทั่วโลกไปถึงหลักพันล้าน กลายเป็นหนังบอนด์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล และปีนี้ เครกจะกลับสวมบทบาทสายลับรหัส 007 อีกครั้ง ในหนังที่ชื่อว่า Spectre

spectre poster 01

การกลับมาครั้งนี้ แดเนียล เครก มาพร้อมสปิริทแบบจัดเต็ม เพราะจากคนที่รู้กันดีว่า ไม่แฮปปี้กับการพบสื่อ แต่หลังหมดเวลา 8 เดือนที่แสนยาวนานไปกับการถ่ายทำ Spectre เครกในสภาพผิวสีแทน และท่วงท่าสบายๆ พร้อมแล้วสำหรับการให้สัมภาษณ์ “ผมเริ่มดื่มละ เราถ่ายทำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และผมก็ยังไม่หยุดดื่ม” เขาหัวเราะ “เพราะถ้าผมยังมีสติอยู่ ผมอาจจะทำอะไรแย่ๆ ออกมาก็ได้!”

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ สำหรับการที่เขากลับมาปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพราะก่อนหน้านี้เครกต้องรักษาหุ่น และสภาพร่างกายเอาไว้ เพื่อรับบทสายลับที่ทุกคนรู้จักดี ซึ่งขึ้นจอเป็นเรื่องที่ 24 เข้าไปแล้ว โดยเขาต้องเดินทางไปถ่ายทำแทบจะทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ โรม, ออสเตรีย, เม็กซิโก และโมร็อคโค ได้เห็นอาการบาดเจ็บและป่วยไข้ที่เกิดกับบรรดาทีมงาน ได้รับรู้เรื่องราวลับๆ ของการทำงานเบื้องหลัง เมื่อเมลของบริษัทโซนี พิคเจอร์สถูกแฮ็ค เพื่อมาเจอความคาดหวังที่มากขึ้นและการเปลี่ยนแปลง หลัง Quantim of Solace ที่ล้มเหลว หนัง Skyfall ในปี 2012 กลายเป็นงานฮิตแบบม้ามืด ได้ใจนักวิจารณ์ คว้ารางวัลออสการ์และบาฟตา อย่างละสองสาขา ขณะที่ผู้ชมก็ปลื้มจิต เมื่อหนังทุบสถิติรายได้ของหนังบอนด์ จุดความกระหายของแฟนๆ สำหรับการผจญภัยครั้งต่อไปของตัวละครอมตะรายนี้อีกครั้ง

ที่ลืมไม่ได้ Skyfall ได้สร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงลิบลิ่วให้กับหนังภาคต่อ ที่อายุยาวนานถึง 50 ปีเรื่องนี้

กับกำหนดฉายที่ใกล้เข้ามา มีอะไรบ้างในหนังเรื่องนี้? นี่คือ อีกหนึ่ง Skyfall หรือเปล่า?

“ความยะโสโอหังคือศัตรูตัวร้ายของการทำภาพยนตร์ การมานั่งบอกว่า ‘นี่ไง เราทำหนังเรื่องนี้เสร็จแล้ว’ ผมถือว่ามันเป็นความงี่เง่า” เครกกล่าว ขณะที่ดวงตาสีฟ้าสวยของเขาก็สอดส่ายไปมาด้วยท่าทีจริงจัง “เราได้ทำทุกอย่างที่เราทำได้ไปแล้ว ผมคิดว่าเราลงเงินถูกที่ และพยายามทำให้มันออกมาดีขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ดีกว่า Skyfall แต่ในทุกๆ วันที่ทำงาน เราตั้งใจจะทำให้มันดีขึ้น” แต่สิ่งหนึ่งที่เลี่ยงไม่พ้นอย่างแน่นอนก็คือ ความกดดันสำหรับการต้องตอกย้ำความสำเร็จในแบบเดียวกับ Skyfall ที่มี “แค่ในตอนเริ่มงาน… แต่หลังจากนั้นสักพัก คุณก็จะเป็นแบบ… ‘คุณกำลังทำอะไร?’ คุณไม่สามารถพูดอย่าง ‘โอ๊ะโอ๋… คุณกำลังจะทำหนังเรื่องนี้ให้ดีกว่าอีกเรื่อง’ ออกมา ถ้าคุณคิดอะไรแบบนี้ตลอดเวลานะ… ทุกอย่างที่ผมต้องทำก็คือ ปฏิบัติกับหนังเรื่องนี้ด้วยการทำตัวแบบนักแสดงทั่วๆ ไป”

spectre - sadaos_story 02“ผมตื่นเต้น และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกถึงความสำเร็จ” แซม เมนเดส ผู้กำกับตอบ “เราได้ทำอะไรที่เราตั้งใจไว้ว่าจะทำ” เขาเล่าต่อ “ซึ่งไม่ต้องไปนั่งบอกหรอกว่า ทุกคนจะรักหนังเรื่องนี้ หรือมันจะประสบความสำเร็จในทุกๆ ระดับ แต่เราจบมันด้วยความรู้สึกดีๆ เป้าหมายเดียวของการทำหนังเรื่องนี้ ก็คือพยายามทำให้ดีกว่าเรื่องก่อนหน้า” แล้วมันจะใหญ่กว่าใหม่? “ใหญ่… เป็นคำอันตราย” เขาพูดในเชิงเตือน “คุณติดอยู่กับการพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับขนาดง่ายจังเลยนะ สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องขนาด มันเป็นเรื่องของตัวละคร ในหนังเรื่องนี้คุณจะได้เห็นฉากแอ็คชันที่ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าคุณเข้าไม่ถึงหนัง มันก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

และนั่นก็คือสิ่งที่เมนเดสทำกับ Skyfall เมื่อจัดการสังหาร เอ็ม ตัวละครที่คนดูรักซึ่งรับบทโดยจูดี เดนช์ กับความเปราะบางที่เกิดขึ้นใหม่ในตัวบอนด์ของเครกที่เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเปิดตัว Casino Royale ในปี 2006 ซึ่งถูกวางไว้เป็นการเปลี่ยนเกมสำหรับหนังเรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเมนเดสที่ตั้งใจจะวางเดิมพันทางอารมณ์ให้สูงขึ้นสำหรับสายลับหมายเลข 007 ถึงตัวเขาเองจะยอมรับว่า รับงานกำกับหนังเรื่องนี้ด้วยความลังเลใจ “ผมไปเจอความคิดที่ทำให้ไม่แน่ใจขึ้นมาอย่าง เออ… เขาจะทำมันได้ไหม? เอ.. เขาทำฉากแอ็คชันได้หรือเปล่า? เขากำลังจะทำหนังอาร์ทเฮาส์ใช่ไหม? มันจะมีแค่ฉากคนนั่งคุยกันในห้องหรือเปล่า?” ท้ายที่สุดการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ รวมไปถึงสร้างความระทึกใจได้สำเร็จ และมีอะไรมากกว่าที่ทีมทำหนังบอนด์เรื่องอื่นจะฝันถึง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชมและผู้อำนวยการสร้าง – บาร์บารา บร็อคโคลี และไมเคิล จี วิลสัน จะต้องการให้เมนเดสทำงานต่อ แต่เมนเดสยืนยันว่า เขาจะไม่ทำอีกแล้ว “ความคิดที่จะทำหนังชุดนี้ต่ออีกสักเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ต่อจากนั้น คุณไปพักยาว…” เมนเดส ปิดด้วยรอยยิ้มเขินอาย

M - ralph finnes - spectreการตัดสินใจปลิดชีวิตเอ็ม ของเดนช์ แล้วเลือกเรล์ฟ ไฟนส์ มารับหน้าที่แทน นำตัวละครเลขาผู้น่ารัก มันนีย์เพนนี (ราโอมี แฮร์ริส) และยอดชายนักประดิษฐ์ คิว (เบน วิชอว์) กลับมา รวมไปถึงเปิดเผยอดีตที่ผ่านมาของบอนด์ให้ได้รับรู้มากกว่าที่เคย เมนเดสมาถึงจุดที่รู้สึกว่า เขาไม่ได้จบอะไรเลย แต่แค่เริ่มต้นเท่านั้นเอง “เราเปิดประตูไปสู่บางสิ่งบางอย่างไว้ใน Skyfall นั่นก็คือแนวคิดเรื่องเวลาตามความเป็นจริง ที่ผ่านไปในหนังชุดนี้ ซึ่งโดยนิยามแล้วเกิดขึ้นในลูกโป่งไร้กาลเวลา ส่วนความคิดเรื่องการเติบโตตามอายุขัย, วัยกลางคน และการครุ่นคิดถึงความตาย ถูกซุกเอาไว้อยู่ภายใต้เรื่องราวที่เป็นไป และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมตกลงทำ Spectre ก็คือในช่วงเวลาคลางแคลงใจ ที่ผมรู้สึกถึงการลงหลักปักฐานอย่างจริงๆ จังๆ และเป็นเจ้าเข้าเจ้าของบรรดาตัวละครเหล่านั้น ผมเหมือนกับได้ครอบครองสิ่งต่างๆ โดยแท้ที่จริงแล้ว ผมไม่อยากให้ใครมาบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา ผมอยากเล่ามันเอง”

Skyfall เป็นงานที่มีเวลาในการพัฒนาเรื่องราวที่เหลือเฟือ เนื่องจากงานต้องหยุดชะงักเพราะการประท้วงของนักเขียนบทในปี 2007 โดยตอนนั้นหนังบอนด์เรื่องใหม่ที่ไร้ชื่อ มีกำหนดฉายวางเอาไว้แล้ว แถมบทก็ยังไม่นิ่ง แล้วก็ยังมีเรื่องการดำเนินคดีทางกฏหมายที่กินเวลานับทศวรรษ ระหว่างผู้ดูแลทรัพย์สินของเควิน แม็คคลอรี และอีออน เพื่อช่วงชิงสิทธิ์การเป็นเจ้าของเรื่องราวของบอนด์ ที่จบเรื่องกันไปในเดือนพฤศจิกายน 2013 ซึ่งเปิดโอกาสให้เมนเดสดึงตัวละครกลับมาได้มากกว่าแค่ มันนีย์เพนนี และคราวนี้เขาจะฟื้นองค์กรเงาเก่าแก่ของหนังบอนด์ที่ชื่อ สเป็คเตอร์ (SPECTRE – the Special Executive for Counter-Intelligence, Terrorism, Revenge and Extortion) ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนัง Dr. No เมื่อปี 1962

spectre - sadaos_story 05“เรามาถึงบทสรุปที่ว่า บางทีเราน่าจะดึง สเป็คเตอร์ กลับมา และตั้งชื่อหนังตอนใหม่ว่า Spectre” วิลสัน เล่า “แซมลังเลอยู่บ้างกับการรับงาน เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเจออะไรที่สามารถเพิ่มเติมลงไป และไม่ใช่สิ่งที่เขาทำไปแล้วใน Skyfall แต่พอเราได้คุยกัน และมองเห็นทางที่จะเดินต่อไป เขาก็เปิดกว้างสำหรับความเป็นไปได้กับการทำงานในหนังเรื่องนี้ แล้วจากนั้นเขาก็ตอบตกลง”

“ผมต้องการไอเดียแรงๆ แบบเดียวกับการให้เอ็มตาย สำหรับหนังเรื่องนี้” เมนเดส เผย “ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องยาก เพราะไอเดียแรงๆ แบบนั้น ใช้งานสตันท์ราคาถูกไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะหาความคิดเจ๋งๆ แบบนั้นเจอ แล้วพอมีหนึ่ง สองก็ตามมา จากนั้นผมก็เข้ามา แต่แน่นอน ผมบอกคุณไม่ได้หรอกว่ามันเป็นยังไง…” เมนเดสหัวเราะกลบเกลื่อน “มันเหมือนช่วงเวลาที่มีค่าของหนังเรื่องที่แล้วพูดออกมาว่า ‘โอ! แล้วจูดีก็เดินเคาะเกือกไม้เข้ามาในฉากนี้’”

สำหรับเรื่องราวหักมุมทุกอย่างของ Spectre เมนเดสอธิบายด้วยคำๆ เดียว “ไม่ธรรมดา” เหมือนกับตอนที่เอ็มถูกเด้งออกไป แถมบรรดาเรื่องย่อของหนังที่เผยแพร่ออกมา ก็ไม่มีนัยอะไรบ่งบอก เป็นเพียงการเล่าเรื่องง่ายๆ “ข้อความลับจากอดีตของบอนด์ พาให้เขาต้องหาทางเปิดเผยองค์กรร้าย ขณะที่เอ็มต้องสู้กับเหล่าผู้มีอำนาจทางการเมือง เพื่อที่จะทำให้หน่วยสายลับยังคงเดินหน้าต่อไปได้ บอนด์ค่อยๆ แกะความซับซ้อนของการล่อลวงต่างๆ ไปทีละชั้น เพื่อที่จะได้พบกับความจริงอันน่าพรั่นพรึง ที่อยู่เบื้องหลัง สเป็คเตอร์”

spectre - sadaos_story 07ความจริงอันน่าพรั่นพรึงที่ว่า จะเป็นการนำหัวหน้าองค์กรร้ายระดับตำนาน เอิร์นสท์ โบลเฟลด์ ที่เคยได้นักแสดงอย่าง โดนัลด์ พลีเซนซ์, ชาร์ลส์ เกรย์, แม็กซ์ ฟอน ซีโดว์ และเทลลี ซาวาลาส มารับบทในหนังยุคแรกๆ ของบอนด์ กลับมาหรือเปล่า? แล้วตัวร้ายของหนังตอนนี้ที่รับบทโดย คริสตอฟ โวลท์ซ ซึ่งในหนังชื่อว่า ฟรานซ์ โอเบอร์เฮาเซอร์ จะเป็นคนที่เปิดเผยความจริงนี้ใช่ไหม? และคนดูต้องเตรียมตัวรับมือกับความคลุมเครือของตัวละครอย่าง จอห์น แฮร์ริสัน/ ข่าน ด้วยหรือเปล่า? กับคำถามเหล่านี้ ทีมงานของ Spectre ไม่มีทางตอบออกมาแน่นอน

บาร์บารา บร็อคโคลี “ไม่รู้นะ ฉันคิดว่าคงมีแมวสักตัวหนึ่ง”

วอลท์ซ “คุณรู้ได้ยังไงว่า ตัวละครที่ผมเล่นเป็นหัวหน้าของสเป็คเตอร์? คุณไม่รู้หรอก ชัวร์ นั่นคือวิธีที่เราใช้เตรียมพร้อมตัวเองเพื่อสร้างความผิดหวัง เพราะความผิดหวังจะมาจากความคาดหวัง”

เมนเดส “ผมชอบการคาดเดานะ นั่นคือเกม ถ้าคุณไม่อยากเจอกับมัน อย่าทำหนังภาคต่อ”

การคาดเดาก็ถูกเติมเชื้อเพลิงลงไปอีก เมื่อมีการแฮ็คบริษัทโซนี ท่ามกลางเมลที่พูดถึงแองเจลินา โจลี, แชนนิง ทาทัม ก็ยังมีบทของ Spectre ที่หลุดออกมาทางอินเตอร์เน็ท โดยมีโน้ทของผู้บริหารของโซนีติดมาด้วย ไม่ว่่าจะเป็นการตั้งข้อสังเกตุถึงเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของบอนด์, การเผยถึงตัวร้ายคลาสสิค, ทุนสร้างที่บานปลาย และตอนจบที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ

“มันเป็นบทในร่างแรกๆ” วิลสัน พูดพร้อมกับโบกมือราวกับไม่ใส่ใจ “มีสักกี่คนที่นั่งลงแล้วก็อ่านมันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว?” เมนเดสแทรกเข้ามา “ผมไม่เข้าใจโน้ทที่สตูดิโอส่งมา พวกเขาเลยเขียนถึงผมโดยตรง! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะมันเป็นแค่การรวบรวมความจริงครึ่งๆ กลางจากบทร่างหลายๆ แบบที่แตกต่างกัน สารพัดโน้ทจากสตูดิโอที่ผมได้รับ มันเขียนมาง่ายๆ แค่ ‘นี่ไม่น่าจะเวิร์ค มันกำลังจะกลายเป็นหายนะ!”

สิ่งที่ ‘เวิร์ค’ สำหรับบอนด์ก็คือ บรรดานักแสดงระดับหัวแถว และส่วนใหญ่เป็นคนที่คิดกันไม่ถึง แต่เป็นเรื่องที่เครกและคนในทีมพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และความคิดของเมนเดสที่อยากให้หนังแสดงถึงวัยที่เปลี่ยนไปของบอนด์ ก็สั่นสะเทือนมาตรฐานของสาวบอนด์ตามประเพณีนิยม ด้วยการวางตัวสาวบอนด์อายุมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โมนิกา เบลลุคชี ในวัย 50 ปี “ผมพูดออกมาเลย ใช่!” เครกพูดขึ้น “โมนิกา เบลลุคชีเหรอ? เอาเลย!” คุณต้องการเวลาคิดถึงเรื่องนี้อีกไหม? “ไม่!” การที่ก่อนหน้านี้เคยถูกเสนอบทสาวบอนด์มาให้แต่บอกปัดไป เบลลุคชีในวันนี้รู้สึกดี สำหรับการตอบรับเล่นเป็น ลูเซีย ซิอาร์รา แม่ม่ายจากอดีตของบอนด์ “ฉันประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดเลยว่า พวกเขาจะคิดถึงคนงามของเจมส์ บอนด์ในวัย 50” นักแสดงสาวระดับตำนานชาวอิตาเลียน กล่าว “มันเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง สำหรับฉัน การรับบทนี้ด้วยวัยนี้ มันน่าสนใจกว่าได้เล่นตอนอายุ 30 อีก ฉันเคยถูกเลือกมาแล้ว ซึ่งถ้าฉันเล่นเป็นสาวบอนด์ไปซะตอนนั้น มันก็คงเป็นอะไรที่เดิมๆ ไม่ใช่รู้สึกพิเศษอย่างนี้”

ลีอา เซย์ดูก์ซ นักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส ขวัญใจคอหนังอาร์ท ที่เป็นที่รู้จักกันจากบทแสนเร้าอารมณ์ใน Blue Is The Warmest Colour มารับบทดร. แมเดอลีน สวอนน์ โดยเธอตอบตกลงทั้งๆ ที่บทยังไม่เสร็จ และยังไม่รู้ว่ามีนักแสดงคนไหน ที่จะร่วมงานกับเธอบ้าง “ใช่ ที่มันดูผิดปกติ” เซย์ดูก์ซยอมรับ “การเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ การได้เล่นหนังบอนด์ เป็นเรื่องที่บ้าบอมากสำหรับฉัน แต่ฉันชอบทำงานกับผู้กำกับเจ๋งๆ และการทำงานกับแซมก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ แล้วฉันก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของหนังภาคต่อบ้าง” บทดร. สวอนน์ของเธอไม่ใช่คนที่เหลาะแหละ “เธอฉลาด, เท่ มีงานการทำ และใช้ชีวิตอยู่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบอนด์”

นาโอมี แฮร์ริสกลับมารับบทมันนีย์เพนนี ที่เคยทำงานภาคสนามกับ 007 และเกือบจะยิงเขาแล้วด้วยซ้ำใน Skyfall ในภาคนี้เธอจะไปทำงานนั่งโต๊ะ และเปรียบเสมือนนางฟ้าผู้พิทักษ์สำหรับบอนด์ “เธอได้รับการสนับสนุนจากบอนด์ และเขาก็ขอให้เธอเป็นสายสืบให้ นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือเอ็มด้วย เนื่องจากเอ็มไอซิกส์กำลังถูกคุกคาม เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดมากๆ” แฮร์ริสพูดด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเผยความลับของหนังออกมา “ฉันคิดว่าใน Spectre คนดูจะได้เห็นอะไรมากกว่าแค่ มันนีย์เพนนีรักผู้ชายคนนี้อย่างจริงใจ และเป็นความรักที่ไม่ได้เห็นแก่ตัว ด้วยความที่เธออยากให้เขามีความสุข และอยากให้เขาเจอแต่สิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเธอ และมีความแตกต่างกับการเป็นตัวเธอมากๆ มันน่าเศร้าเอามากๆ”

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบอนด์ จะไม่ใช่สิ่งที่ตัวร้ายอย่างโอเบอร์เฮาเซอร์ต้องการ จากความจัดจ้านของ ซิลวาที่รับบทโดยฆาเวียร์ บาร์เด็ม ใน Skyfall “ซิลวาเป็นเหมือนนักรบ และหนนี้ผมอยากให้เป็นฝ่ายบุ๋น เขาต้องเป็นบางสิ่งที่ดูน่ากลัว, เฉียบแหลม และเด็ดขาด ยากนะที่จะพูดถึงตัวละครรายนี้ แล้วไม่เผลอหลุดอะไรออกมา” การที่ได้คริสตอฟ วอลท์ซมาอยู่ในมือ ดูเหมือนว่าเจ้าของบท ฮานส์ แลนดา จาก Inglourious Basterds จะกลายเป็นโคตรตัวร้ายสำหรับหนังชุดนี้ ถึงแม้จะบอกว่าสนุกกับการทำตัวให้น่าไว้ใจ ด้วยการพยายามเก็บความลับของ Spectre เอาไว้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมรับออกมาว่า ตัวเองรับเล่นหนังเรื่องนี้ โดยที่บทยังไม่เสร็จ รวมไปถึงการพูดตรงๆ ถึงความเสี่ยงสำหรับการเล่นหนังบอนด์ ไม่ว่ามันจะออกมาใช่ หรือน่าผิดหวังหรือเปล่า

spectre - sadaos_story 08“มันเป็นเรื่องของความไว้ใจ คุณต้องให้ก่อน” เขายิ้ม “ผมคิดถึงเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ผมเคยเจอความน่าผิดหวัง หรือมีประสบการณ์ที่น่าผิดหวังในระดับหนึ่ง ซึ่งสำหรับผมแล้วการประสบกับความน่าผิดหวัง มันคือความล้มเหลว ผมจะเตรียมตัวเพื่อที่จะจับตัวเองและทุกอย่างที่ผมให้กับกระบวนการต่างๆ ของพวกเขา ซึ่งไม่ได้มีแค่ประสบการณ์, ความรู้, ความสามารถ และศักยภาพของผม แต่เป็นการให้ความร่วมมือ และความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ผมพร้อมแบทุกอย่างไว้บนโต๊ะ ถ้าเกิดมีอะไรที่ยุ่งเหยิงขึ้นมา ผมไม่ใช่แค่รู้สึกโกรธและเหมือนถูกทำร้าย แต่เป็นเหมือนหายนะสำหรับตัวผมเอง ผมไม่ได้อายุ 25 อีกต่อไปแล้ว และไม่มีทางทำอะไรเล่นๆ สำหรับผม นี่คือการวางเดิมพันส่วนตัว”

ใน Spectre เจ้ารถดีบี 10 จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย และเครกก็ดูสบายๆ กับการรับบทนี้มากกว่าที่เคยเป็น เป็นไปได้ว่า ขณะที่บอนด์กำลังค้นหาความทรมานจากอดีต เครกก็อาจจะมีเสียงหัวเราะมากขึ้น “บอนด์จะสนุกกับตัวเองมากกว่าเดิมในหนังรื่องนี้” บร็อคโคลี พูดพร้อมกับรอยยิ้ม “มันมีแสงสว่างและความมืด ฉันคิดว่าแซมเจอสมดุลย์ของมัน ในรูปแบบของการผสมผสานความเข้มข้น, ความตื่นเต้น และความสนุกเข้าด้วยกัน” ที่น่าสนใจก็คือ เครกกับเมนเดสมีหนังบอนด์เรื่องโปรด เป็นเรื่องเดียวกัน ได้แก่ Live and Let Die เพราะฉะนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจสักเท่าไหร่ ที่พวกเขาอยากให้มีอารมณ์ขันแบบโรเจอร์ มัวร์ใส่เข้ามาในหนังบอนด์เรื่องที่สองของพวกเขา “มันจะมีอะไรรั่วๆ ในตอนต้นเรื่องของหนัง” เมนเดสเผย “แต่รากฐานของหนัง ยังคงเป็นเรื่องราวที่ซีเรียส จริงจัง” กับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเครก ที่เกิดขึ้นหลังจาก Skyfall ทั้งคู่ดูท่าจะมีความมั่นใจมากขึ้น สำหรับการเติมอารมณ์ขันลงไปใน Spectre ในตอนที่อยู่ระหว่างการถ่ายทำ “เราเริ่มต้นจากสิ่งที่เราทิ้งเอาไว้ในหนังเรื่องที่แล้ว มันทำให้มีเสียงหัวเราะมากขึ้นในหนังเรื่องนี้ และมีอิสระและความผ่อนคลายมากกว่าเดิมที่หน้ากล้อง”

ถึงกระนั้นก็ไม่มีการผ่อนคลายที่หลังกล้อง เมนเดสยังต้องปิดกล้อง และฉายหนังของเขาให้ผู้คนได้ชม “สำหรับผม ที่มาจากละครเวที จะไม่มีบางสิ่งเกิดขึ้นจนกว่าผมจะได้เห็นมันปรากฏต่อหน้าผู้ชม คุณจะพูดไม่ได้ว่า ได้เห็นมันอย่างชัดเจน จนกว่าจะรู้สึกถึงพลังที่เกิดขึ้นภายในห้อง” แม้รายได้ในบ็อกซ์ ออฟฟิศ และคำวิจารณ์จะเป็นสิ่งที่ทำนายไม่ได้ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หนังบอนด์อีกเรื่อง ที่จะเป็นเรื่องสุดท้ายของเครก ตามสัญญาที่เซ็นกันไว้ 5 เรื่อง กับการกุมบังเหียน Spectre ได้อย่างเรียบร้อย บางทีเมนเดสน่าจะทำแฮททริค ด้วยการกำกับหนังชุดนี้เรื่องที่สาม

“จำไว้นะ อย่าพูดว่าไม่เลยเชียว” เขาพูดพร้อมกับยักไหล่ “ผมค้นพบด้วยตัวเองว่า เรื่องที่ยากที่สุดก็คือ การพูดว่าไม่ แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนใจ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง สำหรับการทำหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังที่มีสองส่วน ไม่ใช่เพราะตัวเรื่อง แต่เป็นงานสองส่วนจากภาพรวมทั้งหมด ผมไม่ได้วางอะไรเพื่อสานต่อเอาไว้ ผมไม่สนใจเรื่องการวางเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อหนังเรื่องต่อไป ผมก็แค่ทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุด” เครกเองก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน ราวกับกำลังจะไปพักร้อนยังไงยังงั้น “ถ้าคุณถามผมเมื่อ 10 ปีก่อนว่า อยากให้หนังบอนด์จบลงตรงไหน นี่คือคำตอบ” เขากล่าว “ผมไม่มีทางมีความสุขไปกว่าในตอนนี้อีกแล้ว แผนในใจของผมก็คือ ‘ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้, ผมต้องการให้มันออกมาแบบนี้’ และกับสิ่งที่เรากำลังทำในตอนนี้ มันทำให้ผมรู้สึก ‘โคตรมีความสุข’

และกับผู้ชมที่ได้สัมผัสกับ Spectre ก็หวังว่าน่าจะมีความรู้สึกไม่ต่างกัน

จากเรื่อง การเปิดโปงรหัสลับดับพยัคฆ์ร้าย กับเจมส์ บอนด์อันตรายฉบับแดเนียล เครก ใน SPECTRE โดย ฉัตรเกล้า จากนิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1194 ปักษ์หลังตุลาคม 2558

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่

 

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.