BEN-HUR: จากสองร้อยยี่สิบกว่านาทีของหนังฉบับคลาสสิคในปี 1959 เวลาถูกลดหายไปเหลือเพียง ร้อยยี่สิบกว่านาทีในฉบับนี้ แน่นอนว่าเรื่องราวของเบน-เฮอร์ และเมสซาลาที่ได้ชมกัน ต้องสั้น กระชับมากกว่างานต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงรายละเอียดหลายๆ อย่างของหนังที่หายไป
หนังในเวอร์ชันของทีมูร์ เบคแมมบีตอฟ ผู้กำกับรัสเซียนที่ดังมาจากหนังอย่าง Daywatch, Nightwatch ก่อนจะแจ้งเกิดในฮอลลีวูดกับ Wanted พยายามที่จะเล่าเรื่องโดยเน้นถึงความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างเมสซาลา กับเบน-เฮอร์ รวมไปถึงครอบครัวของฝ่ายหลัง ตลอดจนจุดขัดแย้งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเป็นทหารโรมัน หรือการเลือกปฏิบัติต่อเบน-เฮอร์ที่กลายเป็นจุดพลิกผันสำคัญ ซึ่งเป็นการลดบทบาทของเนื้อหาที่เกี่ยวพันกับพระเยซู แล้วก็รวบหรือตัดทอนบางเหตุการณ์ออก ไม่ว่าจะเป็น การรอดชีวิตจากยุทธนาวีของเบน-เฮอร์ ที่นำไปสู่การเป็นนักแข่งรถม้าศึก เรื่องโรคเรื้อน แล้วก็ยังมีการปรับเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ของตัวละครไปจากเดิม
หนังเดินหน้าไปเร็วกว่าต้นฉบับ ขณะที่ฉากแข่งรถม้าศึกก็ดูตื่นตาตื่นใจ เข้มข้นตื่นเต้นใช้ได้ แต่กับฉากใหญ่อย่างฉากการรรบในทะเลกลับกลายเป็น ดูหลอกๆ ซะมากกว่าสมจริง โดยให้อารมณ์ในแบบหนังภาคที่สองของ 300 กลายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เท่ากับบางสิ่งที่หนังตัดหาย บางอย่างก็สมควรที่จะมีให้เห็นในหนัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระเยซู ที่ถูกแปะไว้ตรงกลาง แล้วก็มาโปะไว้ตอนท้าย ซึ่งดูไม่เข้ากันกับสิ่งที่หนังนำเสนอมาทั้งหมด และน่าจะถูกยกออกไปจนเกลี้ยงก็ยังได้ ความสัมพันธ์ของเมสซาลากับเบน-เฮอร์ที่เปลี่ยนจากเพื่อนในวัยเด็ก มาเป็นถูกเลี้ยงมาด้วยกันในครอบครัวเดียวกัน ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ของหนัง เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกถึงความผูกพันกันของตัวละครทั้งคู่แล้ว ด้วยความผูกพันแบบพี่-น้อง ก็ทำให้จุดแตกหักดูอ่อน และไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
ความขาดๆ หายๆ ทั้งหมด ล้วนมาส่งผลเอาในตอนท้าย เพราะขาดการนำเสนอในเรื่องของคำสอนของพระเยซู และรับรู้ถึงเมตตาของพระองค์ท่าน (แม้จะเล่าผ่านตัวละคร เอสเธอร์ คนรักของเบน-เฮอร์ แต่ก็ดูจะน้อยไป) ทำให้การให้อภัย และยกโทษให้ของเบน-เฮอร์ ขาดความหนักแน่นไปเยอะ เช่นเดียวบทจบก็ดูจะฟีลกู๊ดจนเกินเหตุ
แจ็ค ฮุสตันเองก็ดูเป็นเบน-เฮอร์ผู้โศกเศร้า มากกว่าเต็มไปด้วยความแค้น จะว่าไป รอดริโก ซานโตโร ที่เคยเล่นเป็นเซอร์ซีสใน 300 และรับบทพระเยซูในเรื่องนี้ น่าจะทำได้ดีกว่า เมื่อนึกถึงแววตาในหนังสร้างชื่อของเขาเรื่องนั้น และการแสดง หรือต้องว่ากันไปถึงการคัดเลือกคนมาเล่น ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งของหนัง
ข้อดีของ Ben-Hur ฉบับนี้ คือ รวบรัด สั้นกระชับกว่าฉบับคลาสสิค แต่ในขณะเดียวกัน ในแง่ความลึกของเรื่อง มิติของเนื้อหา ก็ด้อยกว่ากันเยอะ ถึงจะจับใจความที่ว่าด้วยการให้อภัย มีเมตตาเอาไว้ได้ แต่หนังก็ทำให้ความเป็นหนังคริสเตียนลดหาย แล้วไอ้ที่ว่าหายแค่รายละเอียด แต่ก็เป็นส่วนสำคัญ หนังเลยออกมาบางเบาไม่มีพลังอย่างที่เห็น
ควรชมหากชอบ: Gladiator, Exodus, Ben-Hur (1959), Prince of Egypt
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่