BLUE IS THE WARMEST COLOR: ปกติ โรงหนังเฮ้าส์ก็ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้ว เรื่องเครื่องปรับอากาศที่เย็นยะเยือกกว่าโรงหนังโดยทั่วไป ยิ่งในช่วงนี้ที่อากาศในกรุงเทพฯ เย็นกว่าเกณฑ์มาตรฐานในฤดูหนาวของทุกๆ ปี สภาพอากาศในโรงหนังเฮ้าส์ ก็ยิ่งใกล้เคียงกับสถานที่พำนักอาศัยของนกเพนกวินจักรพรรดิมากขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่อะไรก็ซ้ำเติมความรู้สึกเยือกเย็นและเหน็บหนาว ไม่เท่ากับการเฝ้าติดตามชีวิตของสาวน้อย ในหนังเรื่อง Blue Is The Warmest Color ซึ่งจริงๆ แล้ว หนังควรจะเปลี่ยนชื่อเป็น Blue Is The Coldest Color เพราะ (การสปอยล์เริ่มต้น) มันห่อหุ้มไว้ด้วยความอ้างว้างเดียวดาย (จบสิ้นการสปอยล์)
ฉากเซ็กซ์กระหึ่มโลกในหนังเรื่องนี้ ดุเดือดเลือดพล่านสมคำร่ำลือ และค่อนข้างยาวนาน ส่วนมันเหมือนจริงหรือเปล่า บอกไม่ได้ แต่อย่างน้อย มันก็ดูไม่เหมือนกายกรรมเปียงยาง อย่างที่เคยได้ดูในหนังเรื่อง Lust, Caution ซึ่งคล้ายๆ ว่าเรื่องนั้นจะมีการ ‘ออกแบบท่าเต้น’ จนดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว องค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่อง Blue ดูเย้ายวนและเซ็กซี่มากๆ ก็คือ การจับภาพในระยะประชิดตัวละคร และเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน และมันเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เข้าไปคลอเคลีย และนัวเนียกับตัวละคร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉาก ‘จุมพิตแรก’ ซึ่งผสมผสานทั้งความเก้อเขิน ไม่ประสีประสา ความท้าทาย ตลอดจนความอยากผจญภัยเข้าไปในดินแดนที่มันดูเหมือนลี้ลับ และช่างน่าค้นหาซะเหลือเกิน
โดยรวมแล้ว นี่เป็นหนังที่ถ่ายทอดห้วงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้มีเสน่ห์ดึงดูดและชวนให้ลุ่มหลงมากๆ และข้อสำคัญ สีน้ำเงินไม่เคยให้ความรู้สึกโป๊ ยั่วยวน น่าตื่นเต้นและเร้าใจขนาดนี้มาก่อน
โดย ประวิทย์ แต่งอักษร