หลังประสบความสำเร็จจาก The Fighter ผู้กำกับ เดวิด โอ รัสเซลล์ พยายามขยายขอบเขตของตัวเอง หนังที่ดัดแปลงจากวิดีโอเกมเกี่ยวกับนักล่าสมบัติ Uncharted: Drake’s Fortune ถูกเสนอมาตรงหน้า แต่เขากลับเลือกไปปัดฝุ่นบทที่เขาเขียนไว้นานนมก่อนหน้า The Fighter แทน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ งานรอม-คอม อินดี้ ที่ชื่อ Sliver Linings Playbook ที่กลายเป็นหนังล่ารางวัลของเขาไปอีกเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อถูกรุมรักในงานเทศกาลหนังโตรอนโต ซึ่งหนังได้รางวัลขวัญใจคนดูมาครอง โดยหนังที่คว้ารางวัลนี้ในปีก่อนๆ ก็ได้แก่ Slumdog Millionaire และ The King’s Speech พอเห็นอะไรเลาๆ ไหม
นี่คือหนังที่ใกล้ตัวกว่า, มีอารมณ์ขันกว่า และมีอารมณ์ที่ทำให้คนดูพึงพอใจมากกว่า The Fighter แถมยังมีเหลี่ยมด้วยการรวมนักแสดงที่เรียกคนดูจาก The Hangover และ The Hunger Games แบรดลีย์ คูเปอร์ กับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มาเจอกัน ในบทของคนที่สภาพจิตใจแตกร้าว จิตวิญญาณเสื่อมถอย แล้วก็เติมโรเบิร์ท เดอ นีโร กับบทคุณพ่อชวนทะเลาะลงมา แต่ก็ไม่ใช่หนังที่ขายง่ายเหมือนบรรดาหนังแอ็คชั่นสไตล์ ยิงมันซะ
แต่อย่าลืมว่า รัสเซลล์คือ ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการกับครอบครัวที่มีบาดแผล และไม่ปกติ อย่างที่เห็นกันใน The Fighter และ Flirting with Disaster ซึ่งตัวละครในหนังเรื่องนี้ของเขาก็มาในทำนองนั้น
แพ็ท โซลิตาโน จูเนียร์ ของคูเปอร์ มีปัญหาทางจิต เป็นพวกอารมณ์แปรปรวนสุดขั้ว ส่วนแพ็ทผู้พ่อของเดอ นีโร ก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ขณะที่ทิฟฟานี ของลอว์เรนซ์ก็เป็นพวกขาดความรัก ความอบอุ่นไม่ได้
ผู้กำกับซิดนีย์ พอลแล็คผู้จากไป ยื่นนิยายของแม็ทธิว ควิคในปี 2008 ให้กับรัสเซลล์ ซึ่งเป็นงานแบล็ค คอมิดี้ เล่าเรื่องของ ครูไฮสคูลที่มีสภาพจิตไม่มั่นคง และต้องย้ายมาอยู่กับพ่อ เมื่อศาลสั่งให้อยู่ในการดูแลของสถาบันจิตเวท “ผมอินกับมันมาก เพราะลูกผมก็เป็นพวกที่มีอารมณ์แปรปรวน” รัสเซลล์ เผย “ซิดนีย์บอกผมว่า ‘การทำหนังจากนิยายเรื่องนี้่น่าจะเป็นงานยาก เพราะมันเป็นเรื่องที่สนุก แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ และความตึงเครียด ผมไม่รู้เลยว่า คุณจะดัดแปลงมันออกมายังไง’ แต่ผมรู้สึกว่า ผมรู้วิธีที่จะจัดการมัน เพราะผมใช้ชีวิตอยู่กับมันในระดับหนึ่ง”
รัสเซลล์ รู้สึกสบายใจจากตัวเรื่องที่มีลักษณะเฉพาะ เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชานเมืองที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ของริดลีย์ ปาร์ค ในฟิลาเดลเฟีย และคนที่มีอาการทางประสาทนั่นก็เป็นคนที่ีข้อบกพร่องเพียงเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงมีความหมกหมุ่น ลุ่มหลงที่เป็นเรื่องทั่วๆ ไป อย่างเช่น คลั่งอเมริกัน ฟุตบอล ตอนแรกรัสเซลล์มองว่าจะให้ดาราจาก The Fighter มาร์ค วอห์ลเบิร์กมารับบทนำ หากฝ่ายหลังไม่สามารถตกลงกับเดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานีได้ “แต่ผมรู้ว่า ผมต้องเดินหน้าต่อ”
แล้วแบรดลีย์ คูเปอร์ก็ก้าวเข้ามา รัสเซลล์ชอบการแสดงของคูเปอร์ในบท แซ็ค ลอดจ์ จาก Wedding Crasher เป็นพิเศษ “เขาแสดงความโกรธออกมาให้รู้สึกได้ในหนังเรื่องนั้น” ผู้กำกับ เล่า “ผมเลยรู้ว่าเขามีความตึงเครียดอยู่ในตัว และเขาก็บอกผมว่า เขาเอาความโกรธซ่อนไว้เบื้องหลังได้ยังไงในตอนนั้น นี่คือโอกาสที่จะแนะนำตัวแบรดลีย์ คูเปอร์ อีกครั้งในฐานะนักแสดง”
คูเปอร์เองก็อยากที่จะทำแบบเดียวกัน “ผมไม่อยากถูกมองระหว่างการเป็นนักแสดงเบาสมอง และดราม่า เหมือนที่คนอื่นพูดถึง” เขาพูดด้วยสายตาส่งประกาย “ของขวัญชิ้นพิเศษชิ้นนี้ก็คือ การได้ทำงานกับเดวิด โอ รัสเซลล์ ไม่ใช่การได้เล่นเป็น แพ็ท โซลิตาโน”
สำหรับทิฟฟานี่ หญิงม่ายวัยรุ่นจอมเจ้าชู้ รัสเซลล์บอกว่าตัวเลือกของเขายุ่งยากหลังตารางทำงานของแอนน์ แฮธาเวย์ทำให้เธอต้องถอนตัว จากนั้นก็เป็น ราเชล แม็คอดัมส์ และเคิร์สเทน ดันสท์ แล้วสาวน้อยแคตนิสก็กวาดทุกคนลงจากโต๊ะ ด้วยการทดสอบบทผ่านสไกป์ตอน 5 ทุ่ม “ฉันอยากเล่นหนังเรื่องนี้ทันทีที่ได้ยินคำว่า เดวิด โอ รัสเซลล์” ลอว์เรนซ์ กล่าว การที่ลอว์เรนซ์อายุแค่ 21 ปี และต้องเล่นประกบกับคูเปอร์วัย 37 ปี ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำให้คิดมาก “ทุกคนคิดว่าเธออายุน้อยเกินไป และไม่รู้ว่าเธอมีความสามารถขนาดไหน และเมื่อเธอแสดงออกมาให้เห็น ทุกคนก็โดนน็อคไปเลย” รัสเซลล์ เล่า “เธอคือคนที่ทำให้หนังเรื่องนี้ร้องเพลง”
Silver Linings Playbook ใช้เวลาถ่ายทำ 33 วัน ในฟิลาเดลเฟีย นี่คือสถานที่ที่คูเปอร์เรียกว่า บ้านที่เขาโตมา ในการถ่ายทำมีทั้งสิ่งที่ได้มา และทำไป เพื่อสร้างความสมดุลย์ให้กับความขัดแย้งทางจิตของตัวละครแพ็ท จูเนียร์ และไม่มีอะไรที่เบาสมองเกินไป หรือเคร่งเครียดเกินไป แพ็ทจะแสดงความกราดเกรี้ยวออกมา ถ้าถูกกระตุ้น และถกเถียงกับเดอ นีโรอยู่เนืองๆ “ผมรู้สึกไม่เชื่อมั่นในตัวเองไหม? แน่นอน” คูเปอร์ ยอมรับ “นี่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้งานนี้ วันแรกในการถ่ายทำคือวันที่เลวร้ายที่สุด พอมาถึงวันที่สาม ผมรู้สึกผ่อนคลาย และไว้ใจในแบบที่ผมไม่เคยรู้สึกมานานมากๆ กองถ่ายของเดวิด โอ รัสเซลล์ เป็นบรรยากาศที่น่าทึ่งสำหรับนักแสดง มันเหมือนเป็นการแข่งขันกีฬา นั่นคือคำพูดที่ดีที่สุดที่ผมพอจะเอามาใช้นิยามได้ คุณต้องฝึกๆๆ แล้วก็ใส่ทุกอย่างลงไปในสนาม จากนั้นก็หลับเป็นตายอย่างกับเด็กน้อย หลังการถ่ายทำ 33 วันผ่านไป คุณจะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเต็มที่”
สำหรับลอว์เรนซ์ เธอสารภาพว่า “ฉันไม่ได้ศึกษาเลยว่า มันเป็นยังไงกับการที่เพื่อนบ้านต่างคิดว่าคุณคือนังร่าน” เธอพูดพร้อมกับดวงตาเป็นประกาย และฉากหนึ่งในความทรงจำ ก็คือฉากที่ทิฟฟานีระเบิดใส่แพ็ท ซีเนียร์ ที่นอกจากจะไม่ศึกษาสิ่งที่ตัวละครเป็นแล้ว เธอยังไม่รู้ว่ามีฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับเดอ นีโร จนกระทั่งคืนก่อนการถ่ายทำ เธอปรากฏตัวในกองถ่ายด้วยความรู้สึกที่ “เตรียมตัว มาน้อยมาก… แต่เดอ นีโร ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่มีข่ม เขาดูผ่อนคลาย สบายๆ”
แล้วลอว์เรนซ์ อารมณ์กระเจิงต่อหน้าเดอ นีโร ผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่? “ไม่” เธอตอบทันควัน “ตอนที่ฉันเข้าฉากแบบนั้น ตัวของฉันอาจจะสั่นในระหว่างเทค เพราะอดรีนาลีนกำลังหลั่ง แต่ในหัวฉันจะคิดว่า ‘สงสัยจังว่า พวกโรงครัวจะทำอะไรเป็นมื้อเที่ยงนะวันนี้?’”
เคมีที่เห็นได้อย่างชัดเจน และลงตัวของเธอกับคูเปอร์ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากบรรดานักวิจารณ์ “ฉันคิดว่ากุญแจสำคัญสำหรับการสร้างเคมีทางเพศบนจอ ก็คือการไม่มีเคมีทางเพศนอกจอ” ลอว์เรนซ์ หัวเราะ “ฉันชอบแบรดลีย์จะตาย แล้วเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีมา แต่เราก็ไม่เคย… บางครั้งพวกเราก็ได้ยินว่าส่วนผสมทางเคมีเกิดขึ้นทันทีที่มีบางสิ่งเกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ”
รัสเซลล์ดึงจังหวะทุกอย่างกลับมาอยู่ในมือได้แล้ว และเอาคืนความเป็นคนทำหนังระดับตัวพ่อของฮอลลีวู้ดกลับมาได้อีกครั้ง
“มันเป็นเรื่องดีที่ได้รู้ เมื่อคุณได้รับความเห็นใจ และความชื่นชมแบบนั้น ซึ่งทำให้คุณสามารถทำในสิ่งที่คุณอยากทำได้” เขาย้ำ “มันเป็นความรู้สึกดีๆ ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้อยู่ในเกม”
จากเรื่อง SILVER LININGS PLAYBOOK หนังเบาๆ แบบติสท์ๆ ของ เดวิ โอ รัสเซลล์ โดย ฉัตรเกล้า นิตยสานเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1130 ปักษ์หลัง 16 กุมภาพันธ์ 2556