ก่อนจะมีไอ้แมงมุมของทอม ฮอลแลนด์ ที่กำกับโดยจอน วัทท์ส ซึ่งหนังเรื่องที่สอง Spider-Man: Far From Home เพิ่งเปิดตัวฉายไปไม่นาน เราเคยมีหนังไอ้แมงมุมของผู้กำกับมาร์ค เว็บบ์ The Amazing Spider-Man ที่แอนดรูว์ การ์ฟิลด์เล่นเป็นปีเตอร์ พาร์เกอร์/ ไอ้แมงมุม ที่จะว่าไปแล้วเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะแซม ไรมี ผู้กำกับที่นำเรื่องราวของไอ้แมงมุมขึ้นจอใหญ่เป็นคนแรก ปฏิเสธที่จะสานต่อชีวิตของนักปราบอาชญากรรมผู้อาภัพรายนี้ ซึ่งรับบทโดยโทบี แม็กไกวร์ หลังเดินหน้ามาด้วยกันแล้วถึง 3 เรื่อง
“ในแต่ละหน้าร้อนที่มีหนัง Spider-Man อีกเรื่องออกฉาย! แล้วคุณก็มีหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้เกิดอยู่ในมือ คุณไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคิดว่า มันน่าจะเป็นยังไง” แซม ไรมี ผู้กำกับหนัง Spider-Man ฉบับปี 2002 ที่โทบี แม็กไกวร์มาห้อยโหนไปตามใยแมงมุมในบท ปีเตอร์ พาร์เกอร์ และได้เคิร์สเทน ดันสท์ เป็นหวานใจข้างบ้านที่ชื่อ แมรี เจน วัทสัน กล่าว ไรมีได้รับเครดิทมหาศาล สำหรับการเปิดศักราชหนังซูเปอร์ฮีโรยุคใหม่ ที่ยึดตลาดภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ขณะใครๆ ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ กับการปล่อยหนังภาคต่อซูเปอร์ฮีโรสารพัดมาขับเคลื่อนบ็อกซ์ ออฟฟิศ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ไรมีกลับหยุดชีวิตของตัวเองกับไอ้แมงมุมแค่หนังเรื่องที่สาม
หลังประสบความสำเร็จกับหนังเรื่องแรก ในปี 2004 ไรมีกลับมาพร้อม Spider-Man 2 ที่ประสบความสำเร็จกว่าหนังภาคแรกมหาศาล ทำให้เกิดความคาดหวังกับหนังเรื่องที่สาม แม้จะออกฉายในปี 2007 ด้วยการทุบสถิติเปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยรายได้ 150 ล้านเหรียญ แต่กลับได้รับการตอบรับที่ไม่ดี แถมหลายๆ คนยังจดจำทรงผมเห่ยๆ ของปีเตอร์ พาร์เกอร์ได้ดีกว่าอะไรอื่นๆ ในหนัง
หากเป้าหมายหลังจากนั้นก็คือ คิดใหม่ และหาทางเอาเครดิทจากแฟนๆ กลับคืนมาให้ได้ ในหนังเรื่องที่สี่ ที่ไรมียังรับหน้าที่กำกับ, แม็กไกวร์ และดันส์ทกลับมารับบทเดิม โดยมีข่าวด้วยซ้ำว่า แผนการในตอนนั้นคือทำหนังภาคสี่และห้าไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่ไรมีจะออกมาย้ำในปี 2009 ว่ามีแค่หนังเรื่องที่สี่ที่กำลังพัฒนาอยู่ ส่วนหนังเรื่องที่ 5 หรือ 6 ก็น่าจะทำต่อเนื่องกันไปตามลำดับ
ผู้เขียนบทเจมส์ แวนเดอร์บิลท์ ถูกจ้างมารับงานในเดือนตุลาคม 2007 หลังจากที่มีข่าวว่าในตอนแรกโซนีติดต่อกับเดวิด โคปป์ ผู้เขียนบทหนัง Spider-Man เรื่องแรกเอาไว้ แถมแหล่งข่าวยังบอกด้วยว่าโซนีกะให้แวนเดอร์บิลท์เขียนบทหนังเรื่องที่ห้าและหกด้วย เดือนพฤศจิกายน 2008 และตุลาคม 2009 บทถูกเขียนใหม่โดยเดวิด ลินด์เซย์-อแบร์ และแกรี รอสส์ ตามลำดับ
มีข่าวว่าไรมีอยากให้มนุษย์กิ้งก่า (The Lizard) อีกร่างหนึ่งของดร. เคิร์ท คอนเนอร์สมาเป็นตัวร้าย และคุยว่าอยากให้บรูซ แคมป์เบลล์ ที่ปรากฏตัวแบบคามีโอในหนัง มารับบท เควนติน เบ็ค/ มีสเทอริโอ อย่างจริงๆ จัง
การทำงานคืบหน้าไปเรื่อยๆ ในปี 2009 มีข่าวว่าจอห์น มัลโควิช ตกลงรับบทวัลเฌอร์ และแอนน์ แฮธาเวย์ จะเล่นเป็นเฟลิเซีย ฮาร์ดีแต่จะไม่มีการแปลงร่างเป็น นางแมวดำ (Black Cat) แบบในหนังสือการ์ตูน เพราะไรมีกะให้เธอเป็นตัวละครเจ้าของพลังพิเศษตัวใหม่ที่ชื่อ วัลเฌอเรสส์แทน แต่ในปี 2013 ไรมีก็เผยว่า ถ้า Spider-Man 4 ถูกสร้างแฮธาเวย์จะเล่นเป็นนางแมวดำ ซึ่งภาพคอนเส็ปท์ที่ถูกนำมาเปิดเผยใรปี 2016 แสดงให้เห็นไอ้แมงมุมเผชิญหน้ากับตัวร้ายรองๆ อย่าง ช็อคเกอร์, มีสเทอริโอ, เดอะ พราวเลอร์ และเดอะ ไรโน โดยมีวัลเฌอร์เป็นตัวร้ายหลัก
ความไม่เห็นพ้องต้องกันระหว่างโซนีกับไรมี ก็ทำให้หนังเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมไปเป็นพฤษภาคม 2011 แต่เดือนมกราคม 2010 โซนีก็ประกาศว่าหนัง Spider-Man 4 ถูกยกเลิก เนื่องจากไรมีขอถอนตัว โดยมีรายงานว่าสาเหตุที่ทำให้ไรมีถอนตัวก็เพราะไม่แน่ใจว่าจะจบหนังเพื่อออกฉายทันตามกำหนดหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าตัวยังยอมรับว่า เขา “ไม่มีความสุข” กับสิ่งที่หนัง Spider-Man 3 เป็น และอยู่ภายใต้ความกดดันว่าต้องทำหนังเรื่องที่สี่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแม้จะผ่านการเขียนบทมาแล้วถึง 4 ฉบับกับนักเขียนบทที่แตกต่างกัน เขาก็ยังคง “เกลียด” มันอยู่
ตอนนี้หลายๆ คนคงลืมไปแล้วว่า หลังจากหนังเรื่องที่สาม ยังมีแผนการทำหนังเรื่องที่สี่ จากทีมงานชุดเดียวกัน โซนีพยายามเดินหน้าต่อด้วยไอ้แมงมุมคนใหม่ ในปี 2012 กับผู้กำกับมาร์ค เว็บบ์ และนักแสดงที่กำลังมาแรง แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ แต่ก็ไปได้แค่สองเรื่อง
จากนั้น ดิสนีย์-มาร์เวล สตูดิโอส์ และโซนีตกลงจับมือกันปล่อยตัวละครรายนี้คนใหม่ออกมาอีกครั้งในปี 2015 ซึ่งผลลัพธ์เป็นไปได้ด้วยดี หนังเรื่องแรก Spider-Man: Homecoming ออกฉายในปี 2017 ทำเงินไปเบาๆ 880 ล้านเหรียญทั่วโลก และได้คำวิจารณ์ที่ดี ขณะที่หนังภาคต่อ Spider-Man: Far From Home ที่เพิ่งฉายไปไม่นาน ก็ทำรายได้ผ่านพันล้านเหรียญไปแล้ว โดยใช้ทุนสร้างเพียง 160 ล้านเหรียญ และได้รับคำวิจารณ์ในทางบวก
ทั้งๆ ที่หลังจาก Spider-Man 3 ออกฉาย ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ข่าวลือถึงหนังเรื่องที่สี่ หากยังมีสตอรีบอร์ดส์ของหนัง Spider-Man 4 หลุดออกมาให้เห็นด้วยซ้ำ แล้วจู่ๆ เกิดอะไรขึ้นกับไรมี และหนังเรื่องที่สี่ ที่กำลังเดินหน้าพัฒนากับโซนี พิคเจอร์ส และจะเป็นยังไงถ้าไรมีกับโซนีไปต่อด้วยกันได้ และที่สำคัญที่สุด หนัง จะออกมาหน้าตาเป็นยังไง
เชื่อเถอะ… หากแฟนๆ สงสัยแล้ว คนที่อยากรู้มากกว่าก็ไม่มีใครเกินตัวผู้กำกับของหนังแน่ๆ
“ผมคิดถึงหนังเรื่องนั้นตลอดเวลา” ไรมี พูดในการให้สัมภาษณ์กับยาฮู เอนเตอร์เทนเมนท์ “มันยากที่จะไม่นึกถึงนะ เพราะในแต่ละหน้าร้อนที่มีหนัง Spider-Man อีกเรื่องออกฉาย! แล้วคุณก็มีหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้เกิดอยู่ในมือ คุณไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคิดว่า มันน่าจะเป็นยังไง แต่ผมพยายามที่จะเน้นไปที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และไม่มองย้อนไปถึงอดีต”
ไรมีให้ Godzilla, King Kong และ Them! เป็นส่วนหนึ่งของหนังที่เขาโปรดปรานตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ รวมทั้งยอมรับว่า หนังสัตว์ประหลาดคลาสสิคเหล่านั้นมีอิทธิพลกับหนังไอ้แมงมุม สามเรื่องของตัวเอง
“ผมได้รับอิทธิพลแบบสุดๆ จากหนังพวกนั้น และผมก็รักหนังสยองขวัญของค่ายแฮมเมอร์ด้วย” เขาเผย “แต่ผมได้อิทธิพลมากกว่าจากหนังสือการ์ตูนของสแตน ลี รวมไปศิลปินเจ๋งๆ อย่าง จอห์น โรมิตา และแจ็ค เคอร์บี ที่เล่าเรื่องด้วยภาพซึ่งราวกับเกิดขึ้นจริงๆ ต่อหน้าคุณ ด้วยการนำเสนอที่ดูเกินจริง ผมพยายามที่นำจินตภาพในแบบนั้น มาทำให้มีชีวิตในหนัง Spider-Man”
ล่าสุด เจฟฟรีย์ เฮนเดอร์สัน ที่เป็นผู้วาดสตอรีบอร์ดส์ให้กับไรมีมานานนม เพิ่งนำภาพจากการทำงานในโปรเจ็คท์ที่ถูกทิ้ง พร้อมกับความเห็นที่ชวนให้อยากชมตัวหนังสุดๆ ออกมาเผยแพร่ “มันน่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่โคตรเด็ดอีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน” เขาเขียนไว้ “เรากำลังทำสิ่งที่เท่ และเจ๋งสุดๆ เพราะทุกคน…. รู้สึกว่าหนัง Spider-Man 3 มันพลาดเป้า และอยากช่วยไรมีพาหนังเรื่องที่สี่ไปอยู่ในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาสามารถจบหนังชุดนี้ได้อย่างสวยงาม”
แต่โอกาสนั้นของไรมี และทีมงานที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ต้นก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่พวกเขารู้ตัวดีว่า ปัญหาของหนังเรื่องที่สามคืออะไร และกับการกลับมาเป็นหนที่สี่ พวกเขาก็ตั้งใจที่จะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดเดิมๆ แต่วันเวลาที่ไม่เคยรอใคร ก็ทำให้โอกาสสลายไปกับมันเรียบร้อยแล้ว
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง Spider-Man 4 หนังที่ไม่ได้เกิดของแซม ไรมี ผู้ให้กำเนิดหนังใหญ่ Spider-Man คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – Happy Monday หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 29 กรกฎาคม 2562